ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ประกาศงดยืนยันตัวตนผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส ให้ไปสาขาธนาคารหรือระบบ NDID แทน แม้ไม่ระบุเหตุผล แต่ก่อนหน้านี้คดีเด็ก ม.6 ฆ่าตัวตายเพราะถูกหลอกซื้อไอโฟน ใช้บัญชีธนาคารนี้รับเงินโอน พบธนาคารบางแห่งเริ่มสกรีนบัญชีที่ไม่ได้เปิดผ่านสาขา ให้ติดต่อสาขาเพื่อปลดล็อก
วันนี้ (12 พ.ย.) รายงานข่าวแจ้งว่า ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) ได้ประกาศบนเว็บไซต์ของธนาคาร ระบุว่า "ขออภัยในความไม่สะดวก ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป (หรือจนกว่าธนาคารจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง) ลูกค้าใหม่ที่ต้องการเปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ชิลดี ซีไอเอ็มบี ไทย จะไม่สามารถยืนยันตัวตนผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิสได้ โดยท่านสามารถยืนยันตัวตนได้ที่สาขาของธนาคาร หรือยืนยันตัวตนรูปแบบดิจิทัล (NDID) เท่านั้น สำหรับลูกค้าปัจจุบันของธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ท่านสามารถยืนยันตัวตนได้ทั้ง 3 ช่องทางตามปกติ"
สำหรับสาเหตุที่ธนาคารงดยืนยันตัวตนผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส แม้จะไม่ระบุเหตุผลโดยตรง แต่ก่อนหน้านี้มีคดีสะเทือนขวัญที่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 รายหนึ่งในจังหวัดนครศรีธรรมราช ฆ่าตัวตายสาเหตุเพราะมีมิจฉาชีพหลอกลวงขายสินค้าที่มีฐานปฏิบัติการที่ฝั่งท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา หลอกขายโทรศัพท์มือถือไอโฟนโดยการปลอมเฟซบุ๊กร้านจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ แล้วพบว่ามีการใช้บัญชีม้า ชื่อบัญชี น.ส.ดอกแก้ว แก้วเจิม อายุ 23 ปี ชาวจังหวัดชัยภูมิ ที่มาจากธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เลขที่บัญชี 701-3-72105-0 ในการรับเงินโอนจากเหยื่อ แล้วกลุ่มมิจฉาชีพโอนเงินต่อไปยังบัญชีม้าแถวที่สอง แถวที่สาม แล้วรวมกันแถวที่สี่ ก่อนจะมีผู้รับจ้างกดเงินส่งให้ผู้บงการฝั่งประเทศเมียนมา
สำหรับบัญชีธนาคารที่เคยเปิดให้ยืนยันตัวตนผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส คือบัญชีออมทรัพย์ชิลดี ซีไอเอ็มบี ไทย หรือชื่อเดิมคือ บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ดิจิทัล ซีไอเอ็มบี ไทย โดยเปิดบัญชีผ่านแอปพลิเคชัน CIMB THAI แล้วยืนยันตัวตน โดยมีจุดเด่นคือจ่ายดอกเบี้ยแบบขั้นบันได และสามารถสมัครบัตรเดบิตชิลดี ไม่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้าและรายปีตลอดอายุบัตร 5 ปี และไม่มีค่าธรรมเนียมความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสกุลเงิน 2.5% เมื่อรูดซื้อสินค้าเป็นเงินตราต่างประเทศ
โดยที่ผ่านมามีธนาคารพาณิชย์ให้บริการยืนยันตัวตนเพื่อเปิดบัญชีเงินฝากผ่านจุดบริการต่างๆ ที่เป็นตัวแทนธนาคาร (Banking Agent) โดยไม่ต้องไปสาขาของธนาคารประมาณ 8 แห่ง กลายเป็นช่องทางที่กลุ่มมิจฉาชีพและกลุ่มอาชญากรรมซื้อขายบัญชีผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย โดยมีการซื้อขายตั้งแต่ 500-1,000 บาทต่อบัญชี ซึ่งการกระทำดังกล่าวแม้ทางการและธนาคารต่างๆ จะเตือนว่าผิดกฎหมายและเจ้าของบัญชีจะถูกดำเนินคดี หากนำบัญชีไปใช้ในการกระทำความผิด แต่ก็ยังมีการซื้อขายกันอยู่ผ่านโซเชียลมีเดียถึงปัจจุบัน โดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายแต่อย่างใด
รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ที่ผ่านมาพบว่าบางธนาคารเริ่มมีการตรวจสอบลูกค้าที่เปิดบัญชีผ่านช่องทางที่ไม่ใช่สาขาของธนาคาร โดยจะมี SMS แจ้งว่า "บัญชีของท่านมีการเคลื่อนไหวผิดปกติ เพื่อรักษาประโยชน์ของท่าน กรุณาติดต่อสาขาของธนาคารหรือสอบถามเพิ่มเติม โทร. ..." และพบว่าโมบายล์แบงกิ้งของธนาคารดังกล่าวใช้ไม่ได้ ซึ่งหากได้รับ SMS ดังกล่าว ให้นำบัตรประชาชนตัวจริงพร้อมโทรศัพท์มือถือ ไปที่สาขาของธนาคารเพื่อทำเรื่องส่งไปที่สำนักงานใหญ่ ใช้เวลาประมาณ 1 วันทำการ หลังจากนั้นธนาคารจะโทรศัพท์แจ้งกลับไปยังลูกค้าว่า ปลดล็อกบัญชีเรียบร้อยแล้ว สามารถใช้งานได้ตามปกติ
