xs
xsm
sm
md
lg

ศึกยิว-ฮามาส สงครามที่อิสราเอลไม่มีวันชนะ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เปิดมุมมองนักวิเคราะห์สงครามยิว-ปาเลสไตน์ หลังอิสราเอลบุกถล่มฉนวนกาซ่าอย่าหงนัก แต่ก็ยากที่จะเอาชนะนักรบฮามาส ที่เตรียมฝึกรับมือมาอย่างดี ขณะที่อิสราเอลพ่านแพ้ทางการเมืองถูกต่อต้านจากสังคมดลกมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อผู้บริสุทธิ์ถูกสังหารจำนวนมาก ส่วนอเมริกายังไม่กล้าเข้าไปช่วยแบบเต็มตัว เพราะเสี่ยงเผชิญหน้าอิหร่าน ไปจนถึงตุรกีและรัสเซีย ทางออกเดียวคือต้องหยุดยิง ยอมเจรจา เปิดทางให้ตั้งรัฐปาเลสไตน์แล้วต่างคนต่างอยู่



ในรายการ  “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก”เมื่อวันศุกร์ที่ 3 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ ได้นำเสนอบทวิเคราะห์สงครามระหว่างอิสราเอลกัลนักรบปาเลสไตน์ โดย นายสก็อต ริตเตอร์ส นักวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อดีตเจ้าหน้าที่ข่าวกรองนาวิกโยธินสหรัฐ และอดีตผู้ตรวจสอบอาวุธของคณะกรรมการพิเศษแห่งสหประชาชาติ (UNSCOM) ซึ่งได้เผยแพร่ทางคลิปวิดีโอการให้สัมภาษณ์เรื่อง Monumental Oversight : Unveiling a Colossal Miscalculation

ริตเตอร์ เปรียบเทียบ ยุทธการในทำสงครามของ “กองทัพยูเครน” กับ “กองทัพของอิสราเอล” ว่าจะเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน

สก็อตต์ ริตเตอร์ ให้สัมภาษณ์กับ Dialogue Works
ประการแรก ที่เห็นคือยูเครนซึ่งเป็นประเทศเล็กต้องพึ่งพาเงินและอาวุธจากอเมริกาและชาติตะวันตกที่หนุนหลังสู้กับรัสเซีย ที่กองทัพเพียบพร้อมไปด้วยอาวุธทันสมัย ทั้งเครื่องบิน ขีปนาวุธ รถถังต่อต้านอากาศยาน ทหารราบจำนวนมาก โดยการทำสงครามยูเครนเป็นการสู้รบกันตามแบบฉบับของการทำสงครามตามแบบแผนขนาดใหญ่อย่างแท้จริง (Conventional Warfare)

อย่างที่สอง เมื่อหันมาดูสงครามฉนวนกาซา ระหว่างกลุ่มฮามาสกับอิสราเอล นั้นเป็นสงครามอสมมาตร (Asymmetric Warfare)โดยฮามาสใช้ยุทธวิธีและกลยุทธ์แบบสงครามกองโจรที่ติดอาวุธเบา โจมตีด้วยจรวด ระเบิดฆ่าตัวตาย และมีเครือข่ายกลุ่มฮามาสซ่อนอยู่ในอุโมงค์ลับที่ต้านทานแรงระเบิดได้ ทำให้การทิ้งระเบิดของอิสราเอลไม่ได้มีผลกระทบต่อกลุ่มฮามาสในสงครามฉนวนกาซา

นอกจากนี้ กลุ่มฮามาสยังท้าทายให้อิสราเอลอย่าช้ารีบเข้ามาปฏิบัติการพิเศษภาคพื้นดิน เพื่อล่อลวงให้กำลังพลของอิสราเอลมาติดกับดักของเครือข่ายนักรบกลุ่มฮามาสที่เตรียมรับศัตรูด้วยอาวุธครบมืออยู่ในอุโมงค์ลับใต้ดิน ดังนั้นทุกอย่างที่อิสราเอลทำตอนนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนของฮามาส

ขณะที่กองทัพอิสราเอลที่มีแสนยานุภาพทางทหารที่เหนือชั้น (Qualitative Military Edge)กว่าบุกโจมตีปาเลสไตน์แบบสุดโต่ง โดยใช้แนวทางทหารการรบแบบแตกหักชนิดทนได้ทนไป


ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ ถล่มด้วยปืนใหญ่ และจ่อปฎิบัติการทหารบุกภาคพื้นดินทำลายล้างปาเลสไตน์แบบเหมารวม สังหารผู้บริสุทธิ์เด็กและผู้หญิงปาเลสไตน์จำนวนมากมายนับพัน ๆ คน ปิดล้อมฉนวนกาซาและขับไล่ชาวปาเลสไตน์นับล้านอพยพออกไป และยิงระเบิดใส่โรงพยาบาล ถล่มตึกรามบ้านช่องในฉนวนกาซาที่มีคนอยู่จำนวนมาก

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว การทำสงครามสองแบบจึงไม่อาจเปรียบเทียบกันได้ระหว่าง “สงครามยูเครน” กับ “สงครามฉนวนกาซา” ต้องดูที่ปฏิกริยาของนายกฯ อิสราเอล นายเบนจามิน เนทันยาฮูที่แสดงชัดเจนว่าต้องการทำลายกระบวนทัศน์เกี่ยวกับรัฐปาเลสไตน์ ในข้อตกลงตาม สนธิสัญญาอับราฮัม 2020 (Abraham Accord 2020) ที่ลงนามในปี 2563 ที่อดีตประธานาธิบดีทรัมป์เป็นตัวตั้งตัวตี ได้สร้างความแตกแยกขัดแย้งกันเองระหว่างชาติอาหรับที่เป็นพันธมิตรอิสราเอล กับรัฐที่ไม่ใช่อาหรับแต่เป็นประเทศมุสลิมในตะวันออกกลางทั้งอิหร่านและตุรกี

ภาพอดีตประธานาธิบดีทรัมป์เป็นประธานพิธีลงนาม Abraham Accord ระหว่างอิสราเอลกับ UAEและบาห์เรนเมื่อวันที่ 13กันยายน 2563
โดยเฉพาะผู้นำตุรกี ประธานาธิบดีเออร์โดกัน ที่สนับสนุนรัฐปาเลสไตน์ และไม่ยอมรับข้อกล่าวหาของยิวและอเมริกาว่า“กลุ่มฮามาส”เป็นองค์กรก่อการร้าย

ในอดีตการต่อต้านนโยบายของอิสราเอลในตะวันออกกลาง เห็นได้จากปฏิกิริยาชาวอาหรับโกรธแค้นอิสราเอลเข้ามาทำสงครามกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนเมื่อปี 2549 และการที่อิสราเอลโจมตีทางอากาศในฉนวนกาซา ทั้งในปี 2551-2552, ปี 2555 และ ปี 2557 แต่ นายเนทันยาฮู ก็ยังแสดงท่าทีชัดเจนว่า แผนการผนวกดินแดนเวสต์แบงก์และกวาดล้างเข่นฆ่าชาวปาเลสสไตน์ยังคงต้องเดินหน้าต่อไป

ข้อตกลง Abraham Accords 2020 นี้ได้ทำลาย แผนสันติภาพอาหรับ (Arab Peace Initiative) ที่เคยเสนอโดยรัฐอาหรับเมื่อปี 2545 ที่ระบุเงื่อนไขเอาไว้ชัดเจนว่ารัฐอาหรับจะยอมรับและสถาปนาความสัมพันธ์กับอิสราเอลก็ต่อเมื่ออิสราเอลคืนดินแดนที่ได้ยึดครองของอาหรับในสงคราม 6 วัน (ในปี 2510) พร้อมทั้งมีการสร้างรัฐปาเลสไตน์เสียก่อน

นี่เป็นการทำลายแนวทางแก้ปัญหาที่เรียกว่า“แนวทางสองรัฐ (Two States Solution)”แต่ความจริงอิสราเอลไม่มีวันให้เกิดรัฐปาเลสไตน์ ตราบใดที่มีพวกไซออนนิสต์ทางเศรษฐกิจการเมือง และสื่อมวลชนควบคุมอยู่


“อิสราเอล” คิดและทึกทักเอาเองว่า จะสามารถเอาชนะ “กลุ่มฮามาส” ได้ แต่โลกกำลังเห็นความจริงของการกระทำเกินขอบเขตอันโหดเหี้ยมไร้มนุษยธรรมของผู้นำอิสราเอลที่กระทำโจมตีทิ้งระเบิดทำลายชีวิตและทรัพย์สินของผู้บริสุทธิ์ชาวปาเลสไตน์ และมีการชุมนุมประท้วงต่อต้านการกระทำของอิสราเอลที่มุ่งฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา

สก็อตต์ ริตเตอร์ ยังได้ตั้งข้อสังเกตด้วยว่า ต้องทำความเข้าใจว่า “กลุ่มฮามาส” รู้ว่าพวกเขาต้องการอะไรให้เกิดขึ้น หาก“กองทัพอิสราเอล” เริ่มเปิดฉาก“ยุทธการภาคพื้นดิน” เคลื่อนกำลังพลทางบกเข้าไปในเขตฉนวนกาซาแล้ว


ขณะที่กลุ่มฮามาสได้เตรียมพร้อมในสมรภูมิรบที่ที่พวกเขาชำนาญฝึกซ้อมมานานเพื่อเอาชนะสงครามในฉนวนกาซา และเตือนสหรัฐฯ อย่าก้าวเข้ามาร่วมในสงคราม โดยชี้ “ตัวต้นเหตุก่อสงคราม” ก็คือบรรดานักการเมืองไซออนิสต์ที่ทรงอิทธิพลและมีบทบาทสำคัญ คนพวกนี้คือคนที่มีส่วนสำคัญทำให้เกิดเหตุร้ายแรงวันที่ 7 ตุลาคม แต่ไร้ความสามารถที่จะดับไฟสงครามวันที่ 7 ตุลาคมได้ ตอนนี้ชาวอิสราเอลส่วนใหญ่ไม่ไว้วางใจพวกนักการเมืองเหล่านี้อีกต่อไป

เพราะตราบใดที่อิสราเอลและอเมริกายังมีนักการเมืองไซออนิสต์จะไม่มีสันติภาพในตะวันออกกลางอีกต่อไป พวกนักการเมืองไซออนิสต์เป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเพียงอย่างเดียวต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ

สก็อตต์ ริตเตอร์ ถึงกับตั้งจิตอธิษฐานขอให้อิสราเอลพ่ายแพ้ ไม่ใช่พ่ายแพ้เชิงยุทธศาสตร์ที่ทุกคนถูกฆ่าตายหมด แต่เป็นความพ่ายแพ้ที่ทำให้เกิดสันติภาพร่วมกัน ชาวยิวต้องอยู่ร่วมกันกับเพื่อนบ้านอย่างสงบสุขปลอดภัย เขากล่าวว่า
“ผมต้องการให้อิสราเอลรับรู้ว่า พวกเขาไม่ใช่ยอดมนุษย์ superman แต่ไม่ได้วิเศษวิโสกว่าคนอื่น ก็เป็นคนเหมือนกัน มีเลือดเนื้อและเจ็บปวดเช่นกัน”

ผู้ประท้วงถือธงชาติปาเลสไตน์ และ ป้ายแสดงภาพของ เบนจามิน เนทันยาฮู เปลี่ยนไปเป็นผู้นำอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำของนาซีเยอรมนี ในระหว่างการชุมนุม เพื่อสนับสนุนชาวปาเลสไตน์ และเรียกร้องให้หยุดยิงทันที ในกรุงบรัสเซลส์ เบลเยียม เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2566
แต่ความบ้าหลงตัวเองของยิวที่คิดว่า ตนเองเก่งกว่าฉลาดกว่านั้นไม่จริง โดย ริตเตอร์ ชี้ให้เห็นจากกรณีหน่วยข่าวกรอง MOSSAD ล้มเหลวด้านข่าวกรองก่อนเกิดเหตุวันที่ 7 ตุลาคม ความอวดดีที่คิดว่าตัวเองเหนือกว่าและรู้ทุกเรื่องโดยไม่ได้ผ่านการใส่ใจทำงานหาข่าวกรองอย่างหนัก

แต่“มายด์เซต (Mind Set)”ของหน่วยข่าวกรองอิสราเอลยุคนี้กลับหันไปพึ่งพา เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เนื่องจากในอดีตความสำเร็จของ AI ระหว่างปฏิบัติการต่อต้านฉนวนกาซาในปี 2564 ทำให้ MOSSAD ของอิสราเอลพึ่งพาอัลกอริธึมที่ใช้คอมพิวเตอร์มากเกินไปในการปฏิบัติงานและการวิเคราะห์ทำงานเพียงการกดปุ่มควบคุมปืนใหญ่จากห้องทำงาน และสังหารผู้บริสุทธิ์ชาวปาเลสไตน์

ริตเตอร์ กล่าวต่อว่า สาเหตุที่ทำไมไม่มีใครในวอชิงตันสักคนตะโกนหยุดยิง?

เพราะถ้าใครทำอย่างนั้นก็จะโดนไล่ออก และจะถูกกล่าวหาว่าเป็นพวก“โปรฮามาส”และ“ภารกิจของอิสราเอล”ต้องไม่หยุด ฆ่ากลุ่มฮามาสที่นายเนทันยาฮูชี้ว่าเป็นคนที่ตายไปแล้ว


อิสราเอลจะเอาชนะได้อย่างไร?

ริตเตอร์ชี้ช่องด้วยว่า อิสราเอลสามารถชนะสงครามนี้ได้ด้วยการหยุดยิง และปล่อยให้ความช่วยเหลือชาวปาเลสไตน์ด้านมนุษยธรรมจากทั่วโลกเข้าไปในฉนวนกาซาได้รวมถึงอาหาร น้ำ เชื้อเพลิง และเวชภัณฑ์ แล้วเปิดเจรจาโดยตรงกับกลุ่มฮามาสเกี่ยวกับการปล่อยตัวนักโทษ มันก็จบ

นี่คือคำร้องขอของ นายเบอร์นี แซนเดอร์ส สมาชิกวุฒิสภา ที่กล่าวในสภาเมื่อ 25 ตุลาคมนี้ แต่อิสราเอลไม่สามารถทำตามคำร้องขอข้างต้นได้ แถมยังได้รับการสนับสนุนงบประมาณช่วยเหลือทำสงครามนี้จาก นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐ ด้วย แต่ถ้าอิสราเอลปฏิบัติการรุกภาคพื้นดินและล้มเหลวในภารกิจนี้ อิสราเอลอาจจะไม่มีแผ่นดินอยู่จากมหกรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่ทำกับชาวปาเลสไตน์

นางเจเน็ต เยลเลน
ส่วน พันเอก ดักลาส แมคเกรเกอร์ อดีตที่ปรึกษาอาวุโส รมว.กลาโหมสหรัฐฯ ยุครัฐบาลทรัมป์ ได้กล่าวกับ นายเคลตัน มอร์รัส อดีตผู้สื่อข่าวของ Fox News ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้ดำเนินรายการ Redacted ใน YouTube ว่า สหรัฐไม่เข้าใจสถานการณ์ตะวันออกกลางเปลี่ยนไปอย่างมาก รัฐอาหรับเข็มแข็งขึ้นและเป็นเอกภาพมากขึ้นในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา สหรัฐจะนำอิสราเอลไปสู่ทุ่งสังหารทำลายล้าง และสงครามตะวันออกกลางจะลุกลามบานปลาย ต้องปะทะโดยตรงกับอิหร่านและตุรกี

นอกจากนี้ เมื่อ วันที่ 26 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา ในรายการของ นายทัคเกอร์ คาร์ลสัน อดีตพิธีกรชื่อดังของฟ็อกซ์นิวส์ได้สัมภาษณ์ พันเอกแมคเกรเกอร์ด้วย เป็นประเด็นวิเคราะห์จุดเสียเปรียบและได้เปรียบในกรณีกองทัพสหรัฐฯ ต้องปะทะกับอิหร่านโดยตรงในสงครามฉนวนกาซา

พันเอก ดักลาส แมคเกรเกอร์
ประการแรก สหรัฐอเมริกาจะเสียเปรียบเรื่องการวางตำแหน่งกำลังพล ที่ปัจจุบันทหารสหรัฐมีประมาณ 450,000 นาย แต่ส่วนใหญ่อยู่ในสมรภูมิสงครามยูเครน-รัสเซีย หากจะโยกย้ายกำลังพลจากยุโรปมายังตะวันออกกลาง จำเป็นต้องพึ่งกำลังนาวิกโยธินในพื้นที่ราว 2,000 นาย รวมถึงหน่วยรบพิเศษ ซึ่งไม่นานมานี้มีข่าวถูกระดมยิงจนต้องถอนตัวจากการเข้าไปปฏิบัติการกับกลุ่มฮามาส ในพื้นที่ฉนวนกาซา

ประการที่สอง อิหร่านมีความแข็งแกร่งแม้ว่าจะโดนสหรัฐคว่ำบาตรยาวนาน แต่อิหร่านสามารถฝ่าวิกฤตมาได้ด้วยการเร่งพัฒนาเทคโนโลยีที่พึ่งตนเอง และเทคโนโลยีทางการทหาร พัฒนาขีปนาวุธของตัวเอง โดรนพิฆาตรุ่นใหม่ รวมถึง โดรนกามิกาเซ่รุ่นต่าง ๆ

ประการที่สาม สหรัฐอเมริกาส่งกองเรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐฯถึง 2 กองเรือคือ เรือบรรทุกเครื่องบินUSS Gerald R. Fordเรือบรรทุกเครื่องบินที่ใหญ่ที่สุดในโลก และUSS Dwight D. Eisenhowerไปประจำการในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

แต่ในยุทธภูมิตะวันออกกลาง อิหร่านมีระบบขีปนาวุธที่แม่นยำที่ติดตั้งไปกับโดรนพิฆาตรุ่นใหม่ ล่าสุดเมื่อ เดือนสิงหาคม 2566 นี้ รัฐบาลอิหร่านเปิดตัวโดรนพิฆาตชื่อ Mohajer 10 สามารถบินได้โดยไม่หยุดพักที่ระดับความสูง 7,000 เมตร และพิสัยทำการไกลถึง 2,000 กิโลเมตร

โดรนพิฆาต Mohajer 10 ของอิหร่านที่สมรรถนะบินสูงและบินไกลโดยไม่หยุดพักในระยะ 2000 กิโลเมตร ถึงอิสราเอลได้เลย
ทำให้โดรนดังกล่าวสามารถบินถึง “อิสราเอล” ที่อยู่ห่างจาก “อิหร่าน” ประมาณ 1,720 กิโลเมตร และสามารถยิงโจมตีใส่กองเรือสหรัฐฯ ได้อย่างแม่นยำ ซึ่งจะทำให้กองเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐอเมริกาตกอยู่ในอันตรายมากกว่า

ดังนั้นแมคเกรเกอร์มีความเห็นว่า สหรัฐฯ ไม่ควรเข้าไปร่วมในสงครามฉนวนกาซา เพราะเสี่ยงที่จะเผชิญหน้าโดยตรงกับอิหร่าน และยังรวมถึง ตุรกีและรัสเซียด้วย


“เรากำลังยกระดับสถานการณ์ในทุกทิศทาง ดูเหมือนว่าสหรัฐคิดว่าการเพิ่มอัตรากำลังพลและอาวุธได้ผล สหรัฐเคยลองวิธีนี้ในยูเครน ยิ่งสหรัฐสนับสนุนยิ่งทวีความรุนแรง และทำให้สถานการณ์บานปลาย เหมือนกับวันนี้ยูเครนที่ประเทศตกอยู่ภายใต้ซากปรักหักพัง


“ผมกลัวมากว่าหากสงครามในภูมิภาคนี้เกิดขึ้นอย่างที่ผมจินตนาการไว้ สุดท้ายแล้วอาจไม่เหลือประเทศอิสราเอลเลย” นี่คือคำเตือนสุดท้ายของพันเอกดักลาส แมคเกรเกอร์ อดีตที่ปรึกษาอาวุโสด้านความมั่นคงของสหรัฐที่ทิ้งท้ายไว้อย่างน่าคิด


อิสราเอลไม่ได้พ่ายแพ้สงครามในสนามรบ แต่อิสราเอลกำลังพ่ายแพ้ทางการเมือง เพราะเป็นครั้งแรกที่ผู้คนเริ่มเข้าข้างกลุ่มฮามาส มีคนกล่าวว่าอิสราเอลจะไม่มีวันเอาชนะฮามาสได้แม้จะพยายามฆ่าเขา

เพราะฮามาสเป็นอุดมการณ์ ยิ่งฆ่ายิ่งโต วิธีที่จะเอาชนะกลุ่มฮามาสคือ การนั่งลงเจรจาหยุดยิงและเปิดให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไหลเข้าไปในฉนวนกาซา

และยอมรับข้อเท็จจริงว่ารัฐปาเลสไตน์จำเป็นต้องเกิดขึ้นและคงอยู่แล้วต่างคนต่างอยู่


กำลังโหลดความคิดเห็น