“สนธิ” ชี้มวยไทยคือซอฟต์พาวเวอร์ของจริง เมื่อหนูน้อยมะกันได้รับคำแนะนำให้มาฝึกที่เมืองไทย ขณะสาวจีนปั่นจักรยาน 4,000 กม.มาเรียนกับ “บัวขาว” แนะรัฐบาลผลักดันซอฟต์พาวเวอร์อย่าทำแค่ผักชีโรยหน้าเอาเป็นผลงาน หรือสนับสนุนแบบสะเปะสะปะ อย่าง “สมศักดิ์” จะผลักดันแข่งนกพิราบ แต่ไทยมีซอฟต์พาวเวอร์ด้านอื่นๆ ที่ทรงพลังและควรผลักดัน เช่น อาหารไทย สมุนไพรไทย แพทย์แผนไทย เชื่อมโยงไปกับ ศิลปวัฒนธรรมไทยอีกหลากหลายอย่าง
ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก”เมื่อวันศุกร์ที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ ได้กล่าวถึงกรณีที่สะท้อนความนิยมของชาวต่างชาติต่อมวยไทย กรณีเด็กชายชาวสหรัฐอเมริกาที่ชื่อ รีด แฮร์ริงตัน อยากลดน้ำหนักและได้โพสต์คลิปวีดิโอในอินสตาแกรมส่วนตัวว่า ถ้ามียอดฟอลโลว์ถึง 2 แสน จะทำตามคอมเมนต์ที่มียอดไลก์มากที่สุด ซึ่งในเวลาอันรวดเร็วก็มีคนกดติดตามเกิน 3 แสนคน และมีคอมเมนต์หนึ่งแนะนำให้มาฝึกมวยไทยที่ประเทศไทยและลงแข่งขันให้ได้แชมป์ เป็นคอมเมนต์ที่มีคนกดไลก์มากที่สุดกว่า 2.7 ล้านคน เป็นสถิติการกดถูกใจความเห็นที่มากที่สุดนับตั้งแต่ที่อินสตาแกรมเคยมีมา โดยตัวเด็กก็พร้อมที่จะเดินทางมายังประเทศไทยตามที่รับปากไว้ว่าจะทำตามคอมเมนต์ที่มีคนกดไลก์มากที่สุด และ บัวขาว บัญชาเมฆ ก็ออกมาตอบรับทันทีว่าให้เดินทางมาฝึกที่ค่ายมวยบัญชาเมฆ จังหวัดเชียงใหม่ได้ทันที และพร้อมรับปากว่าจะดูแลเป็นอย่างดี
นอกจากนี้ ยังมีกรณีสาวจีน ชื่อ หลี่ เจินเซียง (李珍香) ปั่นจักรยาน 4,000 กิโลเมตร จากเมืองเหมียนหยาง ในมณฑลเสฉวน มาฝึกซ้อมเมืองไทยมวยไทยกับ บัวขาว บัญชาเมฆ ที่จังหวัดเชียงใหม่
นายสนธิกล่าวว่าทั้ง 2 กรณีสะท้อนให้เห็นถึง Soft Power ที่ทำให้ทั่วโลกรู้จักประเทศไทย และกีฬามวยไทย เพิ่มมากขึ้น และเป็นจุดแข็งของประเทศไทยในสายตานานาชาติ ซึ่งของอะไรก็ตามถ้าดีจริง จะโด่งดังด้วยตัวของมันเองโดยไม่ต้องยัดเยียดบังคับ เพียงแต่ภาครัฐต้องสนับสนุนให้ถูกจุด สนับสนุนอย่างจริงจัง ไม่ใช่แค่ทำแบบผักชีโรยหน้าเพื่ออ้างเป็นผลงาน
ทั้งนี้ การพัฒนาให้ Soft Power เหล่านี้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ไม่ใช่การสนับสนุนแบบสะเปะสะปะ ยกตัวอย่าง ในการประชุมคณะกรรมการยุทธ์ศาสตร์ซอฟท์เพาเวอร์แห่งชาติ ครั้งที่1/2566 เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ที่ผ่านมา ที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน วันนี้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน เสนอว่า Soft Power ไทย ควรจะเพิ่มในหมวดของการสร้างนักกีฬาที่เป็นสัตว์เลี้ยง อย่าง “การแข่งขันนกพิราบ” เพราะจะเป็นการดึงนักท่องเที่ยวได้ คนก็เอาไปเป็นประเด็น ตลกโปกฮากันทั้งโซเชียล
“ผมก็ไม่ได้บอกว่าไอเดียของคุณสมศักดิ์ นั้นเป็นความคิดที่ใช้ไม่ได้นะครับ แต่เมืองไทยเรามี Soft Power ด้านอื่นๆ ที่ทรงพลังและควรผลักดัน สนับสนุน ไม่เฉพาะเรื่อง การท่องเที่ยว ยกตัวอย่างเพิ่มเติมเช่น มวยไทย อาหารไทย สมุนไพรไทย แพทย์แผนไทย การนวดแผนไทย เชื่อมโยงไปกับ ศิลปวัฒนธรรมไทย อีกหลากหลายอย่าง ฯลฯ”
นายสนธิกล่าวต่อว่า ยกตัวอย่าง อาหารไทย ที่เป็นอย่างเช่นทุกวันนี้ได้ก็เพราะสาเหตุคือ ลักษณะทางภูมิศาสตร์ของเรา ที่ด้านหนึ่งติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก จีน อีกด้านนึงทางตะวันตกของเราก็คือ อินเดีย เพราะฉะนั้นอาหารไทยหลัก ๆ ก็จึงเป็นส่วนผสมผสานระหว่าง จีน กับอินเดีย แล้วในยุค 2-3 ร้อยปีหลังก็มีวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นโปรตุเกส ยุโรป หรืออะไรก็แล้วแต่
ทั้งนี้ในการผสมผสาน หลอมรวม หรือ Fusion นี้นั้น คนไทยหรือคนต่างชาติที่อพยพเข้ามาตั้งรกรากอยู่ในประเทศไทยก็มีการตัดสิ่งที่ “ไม่พึงประสงค์” ของท้องถิ่นออกไป และเสริมสิ่งที่ “พึงประสงค์” เข้ามาแทน เช่น แกงกะหรี่ไทยก็ทำอย่างอ่อน ไม่ได้ทำอย่างแขก หรืออินเดียที่เข้มข้น แม้แต่อาหารจีนในประเทศไทยก็มีส่วนผสมระหว่างอาหารจีน กับ อินเดีย และกลายเป็น “เอกลักษณ์อาหารจีนแบบไทย” ไป กลายเป็นการบูรณาการทั้งแบบตั้งใจ และไม่ตั้งใจ ยเป็น “เอกลักษณ์ของอาหารไทย” ในที่สุด
“Soft Power ของไทยเหล่านี้เกี่ยวพันกันอย่างลึกซึ้งจริง ๆ เป็นของดีที่ตกทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษ และสั่งสมมาอย่างยาวนาน ผ่านการแลกเปลี่ยน ผสมผสาน หลอมรวมทางวัฒนธรรมมานับเป็นร้อย ๆ ปี ผมได้คุยกับทีมงาน และอาจารย์ปานเทพแล้วว่า จะเรียบเรียงเรื่องนี้อย่างเป็นระบบ เป็นขั้นเป็นตอนว่า การจะส่งเสริม และสนับสนุนให้ Soft Power ของไทยกลายเป็นจักรกลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคม และประเทศได้อย่างมั่นคง และยั่งยืนนั้น ควรจะทำอย่างไร
“ซึ่งผมจะรวบรวมและเรียบเรียงมานำเสนอในรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิเร็ว ๆ นี้นะครับ” นายสนธิกล่าว