“สนธิ” ชี้ประชุม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ที่ปักกิ่ง “สี จิ้นผิง-ปูติน” มองตารู้ใจ สะท้อนสัมพันธ์แนบแน่นจีน-รัสเซีย ร่วมมือกันในฐานะประเทศใหญ่ทั้งคู่ สนับสนุนหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางเป็นยุทธศาสตร์การพัฒนา เปลี่ยนแปลงดุลอำนาจของโลก พิทักษ์ความยุติธรรมระหว่างประเทศ ไม่ให้ถูกบงการโดยมหาอำนาจเดี่ยว
ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก”เมื่อวันศุกร์ที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ ได้กล่าวถึงการพบปะกันระหว่างประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน และประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ในการประชุมสุดยอดความร่วมมือ "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" ครั้งที่ 3 ที่กรุงปักกิ่ง เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
นายสนธิกล่าวว่า นายสี จิ้นผิง และวลาดมีร์ ปูติน เคยพบปะกันมาแล้วถึง 42 ครั้ง ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา คนระดับประธานาธิบดีถ้าพบกัน 42 ครั้งแสดงว่าอุดมการณ์ หลักกา รเหมือนกัน เข้าใจปัญหาซึ่งกันและกัน และเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนตายที่พร้อมจะช่วยเหลือซึ่งกัน และกันไม่หวั่นไหวต่ออำนาจอิทธิพลหรือความโลภ ไม่เหมือนนายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดียที่เอาแต่ประโยชน์ตัวเองและประโยชน์อินเดียเป็นที่ตั้ง
ทั้งนี้ ก่อนออกเดินทางเยือนปักกิ่ง ทำเนียบประธานาธิบดีปูตินบอกว่า สองผู้นำจะหารือเกี่ยวกับประเด็นภูมิภาคและประเด็นระหว่างประเทศในปัจจุบัน โดยรัฐบาลจีน กับรัสเซียยึดถือจุดยืนที่ใกล้เคียงกัน หรือเหมือนกัน ในประเด็นสำคัญระดับโลก พร้อมย้ำถึงความสัมพันธ์ทวิภาคีกับประเทศจีน เมื่อเดินทางไปถึงทางการจีนแสดงถึงการให้เกียรติอย่างสูง จัดกองทหารเกียรติยศ 3 เหล่าทัพ สวนสนามที่ลานจอดเครื่องบิน ให้นายหวัง เหวิน เทา รัฐมนตรีพาณิชย์ ไปต้อนรับด้วยตัวเอง
รถยนต์ที่ผู้นำรัสเซียใช้ในการเดินทางในการประชุมที่ปักกิ่งคือรถ Aurus ลีมูซีน ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ผลิตในรัสเซีย ไม่แน่ใจว่ารัสเซียผลิตเอง หรือฝ่ายจีนจัดสรรให้ แต่แสดงถึงความแตกต่างพิเศษจากผู้นำทุกคน เพราะผู้นำคนอื่นๆ จะใช้รถยนต์หงฉี ของจีนไปตอ้นรับ
เมื่อเจอกันแล้ว สี จิ้นผิง จับมือสองมือกับปูติน แล้วบอกว่า "ยินดีต้อนรับเพื่อนเก่า" ขอยินดีต้อนรับสู่ประเทศจีน
ในภาษาจีนนั้น ถ้าคนที่คลื่นความถี่เดียวกัน นิสัยใจคอเหมือนกัน มีความรักใคร่กัน จะเรียกกันว่า “เหล่าเผิงโหย่ว” หรือเพื่อนเก่า
การประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมครบรอบ 10 ปีของการก่อตั้งหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง ซึ่งประเทศรัสเซีย และประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน มีส่วนสำคัญในการสนับสนุนโครงการนี้อย่างแน่นอนที่สุด
แม้กระทั่งการติดต่อการซื้อแก๊ส การค้าขายระหว่างรัสเซียกับจีนนั้น ยอดค้าขายตอนนี้ขึ้นไปจนถึง 3 แสนล้านเหรียญสหรัฐแล้ว ถือว่าเป็นยอดที่สูงมาก
ความสัมพันธ์ที่แนบแน่นของสี จิ้นผิง กับ ปูติน ให้สังเกตภาพถ่าย ทั้งสองคนยิ้มแย้มแจ่มใส สายตามองกันอย่างรู้ใจ เป็นความจริงใจของผู้นำที่เป็นนักเลงโตคนละแบบ ปูติน เป็นประเภทปะฉะดะ สี จิ้นผิง ล้ำลึก ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว
ถ้าสังเกตตำแหน่งภาพถ่ายร่วมกัน ทางตำแหน่งที่นั่งในงานจะพบว่า ปูติน จะอยู่ไม่ซ้ายก็ขวาของสี จิ้นผิง ตลอดเวลา โดยธรรมเนียมจีนแล้ว ซ้ายมือเจ้าภาพคือคนที่ได้รับเกียรติสูงสุด ส่วนถ้านั่งขวามือต้องถือว่าเป็นคนที่สนิทและรู้ใจกัน
ผู้นำประเทศที่นั่งอยู่ทางซ้ายและขวาของสี จิ้นผิง มีอยู่ 3 คน คนแรก คือ วลาดิมีร์ ปูติน คนที่สอง คือ โจโก วิโดโด ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประธานอาเซียนวาระปัจจุบัน คนที่สาม คือ ประธานาธิบดีฆาเซิม-โฌมาร์ต โตกาเยฟ ของคาซัคสถาน ซึ่งเป็นประเทศแรกที่สี จิ้นผิง ประกาศแนวคิดหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง เมื่อสิบปีก่อ่น
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เป็นคนกล่าวเปิดการประชุมสุดยอดหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง แต่คนที่กล่าวปิด คือประธานาธิบดีปูติน แสดงถึงความสำคัญของรัสเซียที่มีต่อจีน ที่ใช้โครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางเป็นยุทธศาสตร์ในการพัฒนา ซึ่งแน่นอนว่าจะมีผลเปลี่ยนแปลงดุลอำนาจของโลก
เรื่องนี้อาจจะมีการตีความได้จากคำกล่าวของสี จิ้นผิง ในการหารือร่วมกับปูติน มีคำพูดที่มีนัยสำคัญหลายเรื่อง เป็นต้นว่า จีนยินดีจะทำงานร่วมกับรัสเซียเพื่อทำความเข้าใจกับแนวโน้มแห่งประวัติศาสตร์ สอดคล้องกับกระแสของการพัฒนาโลกโดยยึดผลประโยชน์พื้นฐานของประชาชนทั้งสองชาติ สร้างยุคสมัยแห่งความร่วมมือทวิภาคี แสดงถึงความรับผิดชอบในฐานะที่เป็นประเทศใหญ่ทั้งคู่ สนับสนุนการพัฒนาและความเจริญรุ่งเรืองของสองประเทศ พิทักษ์ความยุติธรรมระหว่างประเทศ และส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการพัฒนาร่วมกันของโลก
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เคยกล่าวหลายครั้งว่าขณะนี้โลกกำลังเผชิญการเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์ และจีนจะยืนอยู่บนทิศทางที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลง สี จิ้นผิง พูดต่อว่า โลกจะไม่มีวันได้ถูกบงการโดยมหาอำนาจเดี่ยว (นัยก็คืออเมริกา และโลกตะวันตก) อีกต่อไป
ในการประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 20 เมื่อปีที่แล้ว (2565) จีนยอมรับแล้วว่าตัวเองเป็นประเทศใหญ่ แต่จีนไม่ได้วางอำนาจบาตรใหญ่ จีนและรัสเซียมองเห็นพ้องกัน 100 เปอร์เซ็นต์ ว่าสงครามและความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในโลกทุกวันนี้เพราะโลกถูกบงการโดยมหาอำนาจเพียงไม่กี่ประเทศ หลักๆ ก็คือสหรัฐอเมริกา และมีกลุ่มประเทศทางยุโรป สหราชอาณาจักรก็ด้วย การพัฒนาความร่วมมือต่างๆ ถูกตั้งเงื่อนไขอย่างไม่ยุติธรรม ผู้นำจีนจึงบอกว่า จีนพร้อมสนับสนุนการพัฒนาร่วมกันและพิทักษ์ความยุติธรรมในเวทีระหว่างประเทศ
ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา จีนได้ใช้โครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางกระจายความเจริญจากพื้นที่ริมชายฝั่งทะเลไปยังพื้นที่ตอนในของประเทศ จนเปลี่ยนจากกองหลังกลายเป็นแนวหน้า ตลาดจีนเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับตลาดโลก จีนเป็นคู่ค้าหลักของประเทศและภูมิภาคมากกว่า 140 ประเทศ และเป็นแหล่งการลงทุนหลักสำหรับประเทศต่างๆ จำนวนมาก
ที่ผ่านมา ชาติมหาอำนาจอย่างเช่นอเมริกา หรือชาติตะวันตก มักจะมองว่าการพัฒนาของคนอื่นจะเป็นภัยคุกคามตัวเอง และการพึ่งพาเศรษฐกิจซึ่งกันและกันจะเป็นภัยแห่งความเสี่ยง แต่จีนมองว่าการช่วยให้ผู้อื่นบรรลุเป้าหมาย จะช่วยเหลือเราด้วย
เหมือนกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เคยกล่าวในสุนทรพจน์ว่า "ถ้าคุณเป็นผู้ให้ ยื่นดอกกุหลาบให้กับผู้อื่น แต่ว่ากลิ่นหอมก็ยังคงติดตรึงอยู่ในมือของคุณเช่นกัน"