หลังมีดรามาเกี่ยวกับการเดินทางเข้า-ออกประเทศเอสโตเนีย ที่นักฟุตบอลทีมชาติไทยต้องทำการแข่งขันหลังสมาคมเปิดเผยวิธีการสุดยุ่งยาก สุดท้ายคอลัมนิสต์สายท่องเที่ยวได้ออกมาแนะนำวิธีการเดินทางที่ดีกว่า
จากกรณี “เจ” วรปัฐ อรุณภักดี นักพากย์บอลไทย ออกมาเผยแผนการเดินทางไปยังประเทศเอสโตเนียของนักฟุตบอลทีมชาติไทย ที่สุดแสนจะวุ่นวายเดินทางร่วม 10 ชั่วโมง
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้ออกมาชี้แจงการเดินทางจากจอร์เจีย ไปเอสโตเนียนั้นไม่มีไฟลต์บินตรงเพราะน่านฟ้ายูเครนปิด ซึ่งทางทีมไทยได้ทำตามคำแนะนำของเอสโตเนีย คือบินลงที่ลัตเวีย โดยสมาคมฟุตบอลเอสโตเนียได้นำรถบัสและรถขนของสัมภาระไปรอรับที่สนามบินและขับพาไปส่งที่โรงแรมโดยตรง ซึ่งเมื่ออยู่บนรถบัสแล้ว การเดินทางจากลัตเวียเข้าประเทศเอสโตเนียไม่ต้องผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง เพราะมีเจ้าหน้าที่ขึ้นมาตรวจพาสปอร์ตระหว่างทางบนรถบัส ทำให้นักฟุตบอลไม่ต้องเสียเวลา
หากจะต่อเครื่องจากลัตเวียไปเอสโตเนีย แม้สามารถทำได้ แต่ต้องรอเปลี่ยนเครื่องประมาณ 6 ชม. และนักฟุตบอลต้องทำการตรวจพาสปอร์ต 2 รอบ ทั้งขาเข้าลัตเวียและออกลัตเวีย ส่วนเจ้าหน้าที่ก็ต้องขนสัมภาระออกและเช็กอินใหม่ ซึ่งนับดูแล้วจะใช้เวลานาน อีกทั้งเป็นคณะใหญ่ จึงมีความยุ่งยากมากกว่าเดินทางส่วนตัว
ขณะที่การเดินทางขากลับเอสโตเนียมาไทย ต้องนั่งเรือไปฟินแลนด์ บินสู่กาตาร์ แล้วบินกลับไทยเพราะไม่มีบินตรงจากเอสโตเนียไปกรุงโดฮา ฉะนั้นหากจะเดินทางโดยเครื่องบินจะต้องย้อนไปลัตเวียอีก จะใช้เวลานานกว่าจะผ่านแต่ละด่าน นั่งรอต่อเครื่องหลายชั่วโมง และที่สำคัญคือไม่มีสายการบินเดียวกันหรือพันธมิตร ฉะนั้นในทุกครั้งที่เปลี่ยนเครื่องจะต้องเช็กอินสัมภาระใหม่ ดังนั้นจึงประเมินว่าการนั่งเรือจากเอสโตเนียไปฟินแลนด์ เพื่อขึ้นเครื่องที่ฟินแลนด์ต่อไปยังโดฮา เป็นวิธีที่ใช้เวลาน้อยที่สุด
ล่าสุด เมื่อวันที่ 16 ต.ค. ผู้ใช้เฟซบุ๊ก “Theerapat Charoensuk” ซึ่งเป็นคอลัมนิสต์สายท่องเที่ยวที่มีผู้ติดตามเกือบ 3.5 หมื่นคน ออกมาซัดสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย หลังเห็นแถลงการณ์เรื่องสาเหตุการเดินทางกลับของนักเตะทีมชาติไทย โดยเจ้าตัวได้ระบุข้อความว่า
“ยิ่งแถลงยิ่งตลก ยิ่งบอกว่าคนเอสโตเนียบอกให้ทำแบบนี้ยิ่งบ้า คนเอสโตเนียทื่อมะลื่อตรงไปตรงมาเน้นประสิทธิภาพจะตายห่-”
“จากริกาบินเข้าทัลลินน์ก็ได้ แอร์บอลติกถูกๆ สนามบินริกาก็ดี หรือจะต่อที่วอร์ซอ ที่มิวนิก ทำได้หมด ไฟลต์เยอะแยะ”
“ขากลับกลับจากทัลลินน์ บินต่อที่อิสตันบูล แฟรงก์เฟิร์ต มิวนิก เฮลซิงกิ ราคาไม่ต่างมากทั้งนั้น”
“ไอ้ท่อนที่บอกว่าจะตรวจพาสปอร์ตตอนออกจากลัตเวียเพื่อ? เอสโตเนียก็เป็นเชงเกน ข้ามพรมแดนจากลัตเวียไม่มีตรวจ ไม่มีมาตรวจบนรถด้วย ไม่ว่าจะรถจะเรือจะเครื่องบิน”
“แถลงเหมือนคิดว่าจะไม่มีคนรู้จักเอสโตเนีย”
และถ้าผมเป็น ผจก.ทีมชาติไทย พาทีมไปเตะอุ่นเครื่องที่จอร์เจียกับเอสโตเนีย
อันดับแรก ติดต่อสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงอังการา ตุรกี เขตอำนาจจอร์เจียกรุงทบิลิซี ขอความรู้และช่วยประสาน รวมถึงประชาสัมพันธ์ให้คนไทยในจอร์เจียไปชมฟุตบอล เป็นกำลังใจทีมไทย
อันดับสอง เลือกรูตเดินทางเป็น กรุงเทพฯ-ทบิลิซี จะผ่านกาตาร์หรือเอมิเรตส์ก็ตามสะดวก แต่รูตทบิลิซี-ทัลลินน์ ควรเลือกรูต Lot Polish Airline ผ่านวอร์ซอ หรือ Lufthansa ผ่านแฟรงก์เฟิร์ต หรือเตอร์กิชแอร์ผ่านอิสตันบูล หรือถ้าจะบินลงริกาจริงๆ ก็มีไฟลต์ต่อไปทัลลินน์ในชั่วโมงเดียว ทั้งหมดก็ผ่าน ตม.ครั้งเดียวทั้งนั้นล่ะ เข้าเชงเกนโซนแล้ว
อันดับสาม ติดต่อสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเฮลซิงกิ ฟินแลนด์ เขตอำนาจครอบคลุมเอสโตเนีย ให้คนไทยในฟินแลนด์และเอสโตเนียที่สนใจมาร่วมเชียร์
อันดับสี่ เตรียมหาร้านอาหารไทย ที่ผมเชื่อว่าทั้งในจอร์เจียและเอสโตเนียมีร้านไทยดีๆ ที่อยากต้อนรับน้องๆ ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย เป็นแรงใจให้หลังการแข่งขัน นี่ถ้าผมยังอยู่ที่นั่นยังอยากจะทำแกงสักหม้อไปเลี้ยงด้วยซ้ำ
ขากลับ เลือกกลับทางอิสตันบูล หรือมิวนิก น่าจะดีกว่ากลับทางเฮลซิงกิ ที่ใช้เวลายาวนาน
เอสโตเนียถึงจะเป็นประเทศเล็ก แต่ก็มีสนามบินที่กว้างขวาง มีไฟลต์ไปยังเมืองหลักๆ ในยุโรปครบ ไม่จำเป็นต้องนั่งบัสนั่งเรือให้เหนื่อยเสียเวลาเลย สมาคมฟุตบอลฯ พูดเหมือนคนอื่นไม่มีใครรู้จักเอสโตเนีย