“สนธิ” ชี้เป็นเรื่องตลกแต่ขำไม่ออก “ปานปรีย์” บอกติดต่อกระทรวงต่างประเทศอิสราเอลให้ช่วยคนไทยที่ถูกกลุ่มฮามาสจับเป็นตัวประกัน แนะศึกษาประวัติศาสตร์อิสราเอลไม่เคยช่วยตัวประกันได้ และอิสราเอลกับฮามาสประกาศไม่อยู่ร่วมโลกกันแล้ว แนะทางเดียวต้องคุยกับอิหร่านที่มีอิทธิพลต่อกลุ่มฮามาส แต่ไทยต้องปรับทัศนคติใหม่ เลิกตามก้นตะวันตก ควบกับอิหร่านอย่างจริงใจ ติง “พิธา” กั๊กช่องทางติดต่อ หาแสงเข้าตัวเองเหมือนเคย
จากเหตุการณ์บุกเข้าโจมตีครั้งใหญ่ที่สุดของนักรบปาเลสไตน์ “กลุ่มฮามาส” ต่อ อิสราเอล ที่เริ่มต้นตั้งแต่เช้าตรู่ของวันเสาร์ที่ 7 ตุลาคม 2566 ทำให้มีการตอบโต้จากฝ่ายอิสราเอล จนล่าสุดผู้เสียชีวิตทั้งฝ่ายอิสราเอลและปาเลสไตน์จำนวนกว่า 3 พันคน รวมทั้งมีการจับชาวต่างชาติเป็นตัวประกันโดยมีคนไทยอย่างน้อย 16 คนนั้น
นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ กล่าวในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก”เมื่อวันศุกร์ที่ 13 ตุลาคม ที่ผ่านมาว่า กรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังออกมาประณามการก่อเหตุของกลุ่มฮามาสทันทีหลังเกิดเหตุการณ์นั้น ก็ถือว่าปากไว แต่ก็เข้าใจได้เพราะว่าโดยพื้นฐานแล้วเป็นนักธุรกิจ อาจไม่ได้เข้าใจประวัติศาสตร์ ไม่เข้าใจที่มาที่ไปของเรื่อง แต่กรณีที่นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศนั้น สมควรถูกตำหนิและถูกวิจารณ์อย่างหนัก กรณีที่ให้สัมภาษณ์เมื่อวันอังคารที่ 10 ต.ค.ว่า ได้มีโอกาสพูดคุยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอิสราเอล และได้ขอให้ใช้ความพยายามสูงสุดเพื่อให้มีการปล่อยตัวคนไทยที่ถูกกักตัวให้เร็วที่สุด
นายสนธิกล่าวว่า การให้สัมภาษณ์ของนายปานปรีย์ดังกล่าว เหมือนไม่เข้าใจเรื่องของต่างประเทศเลย คิดว่าอิสราเอลจะเจรจากับกลุ่มฮามาสให้ช่วยปล่อยตัวประกันได้หรือ ไม่มีทางคุยกันได้
นายสนธิกล่าวอีกว่า หากต้องการช่วยตัวประกันคนไทย หลักการง่ายๆ ต้องเชิญทูตอิหร่าน หรือถ้าอยากแสดงความจริงใจก็แวะไปหาทูตอิหร่าน ไปขอร้องให้อิหร่าน ช่วยคุยกับกลุ่มฮามาส เพราะว่าเป็นที่ยอมรับกันว่ากลุ่มฮามาสนั้นได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านในเรื่องยุทธวิธีตลอดจนยุทโธปกรณ์ต่างๆ อิหร่านจึงมีอิทธิพลเหรือฮามาสมาก
แต่เป็นข้อผิดพลาดของรัฐบาลไทยมานานแล้วที่ไม่ให้ความสำคัญกับอิหร่าน รับนโยบายตะวันตกที่ให้แซงชั่นอิหร่าน ทั้งที่เราไม่มีเรื่องอะไรขัดแย้งกับอิหร่าน ทำไมต้องไปแซงชั่นเขา สายการบินอิหร่านจะบินตรงเตหะราน-กรุงเทพฯ ก็ไม่ให้ลง เขาจะขายน้ำมันราคาถูกให้ก็ไม่เอา ยังไปซื้อน้ำมันราคาแพงจากตะวันตก
“คุณปานปรีย์พูดจาแล้วผมหัวเราะไม่ออกเพราะว่าเป็นเรื่องชีวิตของแรงงานไทย มีอิหร่านประเทศเดียวเท่านั้นเองที่เราจะคุยกับเขาได้ขอร้องเขาจริงๆว่าเราขอให้เขาช่วยเราจริงๆเพราะว่ากลุ่มฮามาสนั้นผมไม่อยากจะพูดว่าอยู่ภายใต้อาณัติของอิหร่านแต่ว่าอิหร่านมีอิทธิพลสูงที่สุดในกลุ่มฮามาสแล้วถ้าเราต้องการแสดงความจริงใจกับอิหร่านเราปรับทัศนคติเราเสียใหม่ในการคบหาสมาคมกับเขา” นายสนธิกล่าว
นายสนธิ กล่าวอีกว่า นายปานปรีย์คงไม่ได้ศึกษาภูมิรัฐศาสตร์ เพราะถ้าศึกษาให้ดีก็จะเห็นว่าเราไม่ควรจะไปทะเลาะเบาะแว้งอะไรกับประเทศที่โดนสหรัฐแซงชั่น วันนี้เมื่อไทยเดินตามก้นสหรัฐฯ ทุกเรื่อง ทำไมไม่ลองคุยกับอเมริกาให้ช่วยแรงงานไทย ซึ่งก็คงไม่มีทางช่วย เพราะสหรัฐฯ ยังเอาตัวไม่รอดเลย คนอเมริกันก็ถูกจับเป็นตัวประกัน
นายสนธิได้เล่าถึงเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ที่คนอิสราเอลถูกจับเป็นตัวประกันที่ประเทศยูกันดา และที่เมืองมิวนิคระหว่างการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ซึ่งอิสราเอลส่งทหารไปช่วยตัวประกันแต่ไม่สามารถช่วยได้เลย ตัวประกันถูกฆ่าตายหมด เพราะฉะนั้นถ้านายปานปรีย์จะให้อิสราเอลช่วยตัวประกันที่เป็นคนไทยก็ต้องศึกษาประวัติศาสตร์ให้ดีเสียก่อน
“คุณปรานปรีย์คุณไม่ได้หนึ่งในล้านของคุณชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกฯ ทั้งที่คุณเป็นหลานเขยของท่าน ผมเชื่อด้วยความหวังดีนะครับ ทีหลังไม่รู้แจ้งไม่รู้ชัด ไม่รู้ที่มาที่ไป ให้โฆษกกระทรวงต่างประเทศเป็นคนพูดดีกว่า เพราะโฆษกกระทรวงการต่างประเทศนั้นค่อนข้างที่จะมีเหลี่ยมคูทางการเมืองระหว่างประเทศสูงกว่าคุณเยอะ คุณต้องการคะแนนเสียงเข้าหาตัวคุณเองใช่ไหมครับ ว่าคุณได้ติดต่อรัฐมนตรีการต่างประเทศอิสราเอลและให้เขาช่วย คุณตลกอ่ะ ตลกอ่ะ ท่านผู้ชมที่มีสติปัญญา ที่ไม่โง่เขลาจนเกินไปนักก็จะเข้าใจว่าอิสราเอลจะช่วยคนไทยได้ยังไง ไม่มีทางวันนี้มันไม่อยู่ร่วมโลกกันแล้ว” นายสนธิกล่าว
อีกคนหนึ่งคือนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ตนเองเพิ่งวางสายกับท่านทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย ได้ขอบคุณท่านทูต แสดงความเป็นห่วงต่อสถานการณ์ ความเสียใจต่อความสูญเสียและพร้อมสนับสนุนรัฐบาลในการคลี่คลายวิกฤตครั้งนี้ พร้อมกันนั้นนายพิธาก็ได้ให้อีเมลของตัวเอง อาสาเป็นคนกลางติดต่อประสานงานระหว่าง แรงงาน-ญาติ กับหน่วยงานรัฐบาลให้
นายสนธิกล่าวว่า เข้าใจว่าความปราถรนาดีของนายพิธา แต่ข้อเท็จจริงนายพิธาไม่ได้เป็นอะไรเลยตอนนี้ หัวหน้าพรรคก้าวไกลก็ไม่ใช่ ผู้นำฝ่ายค้านก็ไม่ได้เป็น นอกจากเป็น “นายกทิพย์” แทนที่จะให้ช่องทางการติดต่อโดยตรงกับครอบครัวหรือญาติคนไทยในอิสราเอล เพื่อเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง รวดเร็ว ไม่ต้องวกไปเวียนมา แต่นายพิธากลับมากั๊กไว้อีกขั้นหนึ่งเพื่อให้ตัวเองได้แสง