xs
xsm
sm
md
lg

ย้อนเจาะคำต่อคำ “มินนี่” เปิดหน้าแถ อ้างไม่เกี่ยวเว็บพนัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ย้อนจับพิรุธคำแถลง “มินนี่” เมื่อ 28 ก.ย.หลังกลับจากสิงคโปร์ เชื่อเตี๊ยมกับทนายแบบลวกๆ บางช่วงเรียกตัวเองว่า “ข้าฯ” ภาษากฎหมายที่ใช้ในสำนวน อ้างว่าเคยคบ “พ.ต.อ.ภาคภูมิ” ปี 63 แต่เลิกราไปเพราะรู้มีครอบครัวแล้ว แต่ปี 66 กลับมาคบกันใหม่ คืออะไร? อ้างรวยเพราะทำธุรกิจ แต่บัญชีงบดุลบริษัทมีรายได้แค่ 2 พันกว่าบาทแถมขาดทุน พอโดนนักข่าวถามเรื่องคดีเว็บพนันกลับโบ้ยให้ทนาย เบี่ยงเบนประเด็นไปเป็นเรื่องถูกยึดโทรศัพท์แล้วปล่อยภาพหลุด แล้วจนวันนี้ทนายของมินนี่ก็ยังไม่เคยออกมาแถลง



ในรายการ  “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก” วันศุกร์ที่ 6 ตุลาคม 2566 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการได้จับพิรุธคำแถลงของ “มินนี่” น.ส.ธันยนันท์ สุจริตชินศรี หรือชื่อเดิมคือ น.ส.สุชานันท์ กุลวัฒนโยธิน ผู้ต้องหาคดีเว็บพนันออนไลน์ ที่ถูกตำรวจ PCT ชุด 4 จับกุมเมื่อ วันที่ 28 กรกฎาคม 2566 หลังพัวพันเว็บไซต์พนันออนไลน์จำนวนมาก ก่อนจะได้รับการประกันตัวออกมาสู้คดี และช่วงหัวค่ำวันที่ 28 กันยายน 2566 หลังกับจากสิงคโปร์ “มินนี่” ปรากฏตัวพร้อมทนายความที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 และได้ยื่นเอกสารคำชี้แจง ถึงประเด็นที่กำลังเป็นข่าวให้สื่อมวลชน จำนวน 1 ฉบับ


ใจความของจดหมายระบุข้อความว่า

“มินนี่ ประกอบธุรกิจ นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศและค้าขายสินค้าออนไลน์ โดยไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเว็บไซต์การพนันออนไลน์แต่อย่างใด และต้องเดินทางไปต่างประเทศอยู่เป็นประจำ จนได้มีโอกาสรู้จักกับ พี่หนึ่ง (พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย) ประมาณปลายปี 2563 ในงานเลี้ยงส่งผู้การจังหวัดเลย โดยการแนะนำของแม่มินนี่ หลังจากนั้นได้พบเจอกันอีกประมาณ 3 - 4 ครั้ง จนสนิทสนมกัน จากนั้นจึงได้คบหากันเรื่อยมา จนกระทั่งพี่หนึ่งย้ายไปประจำที่ จ.ขอนแก่น จึงได้ห่างกันและไม่ได้เจอกันอีกเลย


“จนกระทั่งปลายปี 2565 หลังกลับจากทำงานที่ต่างประเทศจึงได้พบกับพี่หนึ่งอีกครั้ง โดยมินนี่ รู้ว่าพี่หนึ่งมีครอบครัวอยู่แล้ว แต่ก็ยังคงติดต่อและคบหากันเรื่อยมา ซึ่งในระหว่างที่คบหากันนั้น พี่หนึ่งก็ยืมเงินจากมินนี่หลายครั้ง เป็นเงินสดบ้าง ให้โอนเงินบ้าง มินนี่ไม่สะดวกก็เลยให้คนที่สนิทกันโอนเงินให้ หลังจากนั้นพี่หนึ่งก็จะคืนเงินให้เป็นเงินสดแต่ยังไม่ครบถ้วน

“ส่วนพี่เปียก (พ.ต.อ.เขมรินทร์ พิศมัย)เป็นน้องชายพี่หนึ่ง เจอกันประมาณกลางปี 2566 เนื่องจากมีเรื่องปรึกษาพี่หนึ่งเกี่ยวกับคนต่างด้าวที่จะประกอบธุรกิจในประเทศไทย แต่พี่หนึ่งไม่ว่าง จึงให้พี่เปียกซึ่งเป็นตำรวจ ตม.รู้เรื่องดังกล่าวดีมาให้คำแนะนำเกี่ยวกับการขออนุญาตทำงานของคนต่างด้าวเมื่อพบกันข้าฯ จึงได้แอบถ่ายรูปส่งให้พี่หนึ่งดู ว่ามากินข้าวกับน้องชายโดยที่มินนี่ไม่ได้มีความสัมพันธ์และธุรกรรมทางการเงินใด ๆ กับพี่เปียกเลย


“ตามที่เป็นข่าวกับ ‘บิ๊กโจ๊ก’ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ทำให้มินนี่ตกใจมาก เนื่องจากท่านไม่เคยรู้จักมินนี่และไม่เคยมีความสัมพันธ์และไม่เคยติดต่อกันไม่ว่ากรณีใดๆ ข่าวที่ออกมาไม่เป็นความจริงมินนี่เจอท่านแค่ 2 - 3 ครั้งในงานเลี้ยงที่พี่หนึ่งพาไปและครั้งนึงเคยไปขอร้องเพลงกับท่านในงานเลี้ยงเท่านั้นเอง โดยที่ท่านไม่ได้รู้จักมินนี่เป็นการส่วนตัว แต่ท่านให้เกียรติมินนี่มาก จึงทำให้มีภาพและคลิปวิดีโอที่ร้องเพลงร่วมกันเท่านั้น


“สำหรับในที่มินนี่ถูกจับกุม มีตำรวจ 2 นายทำการจับกุม มินนี่จำได้ว่าเค้าเรียกกันว่าชื่อ “เจ" ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นชายตัวสูง ผิวดำ ไม่ทราบชื่อ ภายหลังมินนี่ทราบว่าตำรวจทั้ง 2 นายดังกล่าว อยู่ในชุดจับกุมของ ศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีฯ หรือ PCT ชุดที่ 4 ได้พยายาม จูงใจหรือชักจูงให้มินนี่ รับสารภาพว่าเป็นเจ้าของธุรกิจเว็บไซต์พนันออนไลน์ และกดดันให้มินนี่ยืนยันการกระทำความผิดของพี่หนึ่ง ว่าเกี่ยวข้องกับธุรกิจเว็บไซต์พนันออนไลน์ ทั้งๆที่ มินนี่ และพี่หนึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจการพนันออนไลน์ใดๆ เลย

“นอกจากนี้ข้อความทางแชตไลน์ ภาพถ่ายต่าง ๆ เป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บอยู่ในโทรศัพท์มือถือของมินนี่ ซึ่งไม่เคยเปิดเผยใด แต่หลังจากที่ถูกจับกุมและ พนักงานสอบสวน ได้ยึดมือถือเครื่องดังกล่าวไป ก็ปรากฏข้อความแชตไลน์ ภาพถ่าย ต่าง ๆ ปรากฏในโซเชียลฯ อย่างแพร่หลาย ทั้ง ๆ ที่ข้อความและภาพถ่ายเป็นพยานหลักฐานในสํานวน แต่ก็มีการนำมาเปิดเผยและโจมตีมินนี่ และบุคคลต่างๆ ทําให้เสียหาย มินนี่จึงจำเป็นต้องเรียนชี้แจงข้อเท็จจริงให้พี่ๆ สื่อมวลชนได้ทราบความจริง เพื่อปกป้องเกียรติของลูกผู้หญิงคนหนึ่งและผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด

จึงเรียนชี้แจงสื่อมวลชนให้ทราบโดยทั่วกัน
มินนี่
ลงวันที่ 28 กันยายน 2566”


นอกจากยื่นจดหมายชี้แจงแล้ว “มินนี่” พร้อมทนายความได้เดินทางไปพบสื่อมวลชนที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 เพื่อชี้แจง “ปฏิเสธ ไม่รู้ ไม่เห็น” ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ใดๆ โดยออกโรงปกป้อง “รองหนึ่ง” , “บิ๊กโจ๊ก” รวมถึงทีมงาน ว่า ไม่มีใครข้องเกี่ยวกับเรื่องเว็บไซต์พนันออนไลน์ ก่อนเดินทางไปลงบันทึกประจำวันกับพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ ว่าไม่เกี่ยวกันสำทับเอาไว้อีกชั้น


แต่เมื่อมาพิจารณาแบบลงรายละเอียดแล้ว เรื่องนี้มีอะไรแปร่งๆ อยู่หลายประการ

1. “มินนี่” และทีมทนายความน่าจะร้อนรนเกินไป เร่งรีบ ทำใบแถลงการณ์แบบลวกๆ เพราะถ้อยคำแถลงชี้แจงในเอกสารนั้น มีการใช้สรรพนามแทนตัวเองอย่างสับสน มีทั้งเรียกแทนตนว่า“มินนี่”และเรียกแทนตนเอง “ข้าฯ” ซึ่งเป็นภาษาของนักกฎหมาย ที่มีการใช้ในสำนวน ดังปรากฏในข้อความส่วนหนึ่งที่ว่า “เมื่อพบกันข้าฯ จึงได้แอบถ่ายรูปส่งให้พี่หนึ่งดู ว่ามากินข้าวกับน้องชาย” พฤติกรรมดังกล่าวอาจทำให้ตีความได้ว่า “มินนี่” ผ่านการเตี๊ยมกับทนายความและตัวละครอื่นๆ มาเป็นอย่างดีก่อนเดินทางเข้าเปิดใจกับสื่อมวลชน

คำถามคือ ถ้าหากว่ามั่นใจ ว่าเรื่องที่พูดเป็นความจริง เป็นเรื่องจริง มีหนึ่งมีสอง ทำไมต้องเตี๊ยมกันแบบลวก ๆ ?


2.ขณะเดียวกัน “มินนี่” ยังตอบข้อซักถามของสื่อมวลชนเอาไว้อย่างฉะฉาน คล่องแคล่ว จนบรรดา IO เอาไปขยายความต่อยอด โน้มน้าวให้ชาวเน็ตจำนวนไม่น้อยหลงคล้อยตามว่า “มินนี่” เป็นคนตรง “มินนี่” เป็นคนจริง ถามอะไรก็ตอบได้ แบบนี้ไม่น่าที่จะเป็นเจ้าแม่เว็บพนัน

นายสนธิ กล่าวว่าจากประสบการณ์ ซึ่งไม่ได้หมายถึงใคร คนที่ถูกขึ้นชื่อว่าเป็น “ผู้ร้าย” มักจะปฏิเสธเสียงแข็งทั้งนั้น แต่เรื่องนี้ไม่ต้องห่วง เพราะทุกอย่างต้องว่าไปตามหลักฐาน โดยเฉพาะ เรื่อง “เส้นทางการเงิน” ที่หากว่าเชื่อมโยงไปใครก็ต้องจับกุมคนนั้น

3. สิ่งที่ “มินนี่” ว่ามานั้น ถ้าสังเกตดี ๆ ก็จะพบว่า หลายใจความขัดแย้งกันเอง เช่น “มินนี่” บอกว่าพบ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ 2-3 ครั้ง แต่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กลับบอกว่าเคยเจอ “มินนี่” เพียงแค่ครั้งเดียวที่งานเลี้ยง ที่มีมีการร้องเพลงคู่กัน


4.“มินนี่” ยอมรับรู้จักกับ “พี่หนึ่ง” พ.ต.อ.ภาคภูมิ สนิทกัน ในระยะเวลาสั้นๆ เมื่อปี 2563 หลังจากนั้นก็เลิกรากันไป เพราะทราบว่าเขามีครอบครัว จนกระทั่งปลายปี 2565 คาบเกี่ยวต้นปี 2566 ได้บังเอิญกลับมาสนิทกันอีกครั้ง ในช่วงระยะเวลานึง”

ประเด็น คือ “มินนี่” บอกว่า ปี 2563 คบกันช่วงสั้นๆ แล้วเลิกราห่างไปเพราะทราบว่า พ.ต.อ.ภาคภูมิ มีครอบครัวแล้ว แต่ปี 2565 – 2566 ก็กลับมาคบอีก ทั้งๆ ที่ พ.ต.อ.ภาคภูมิ เขาก็ยังมีครอบครัวอยู่เหมือนเดิม หมายความว่าอย่างไร? หรือว่ามีภารกิจอะไรที่ต้องทำร่วมกัน?


5.ต่อมา มินนี่บอกว่า เรื่องที่มีเส้นทางโอนเงินเชื่อมโยง “บัญชีม้า” เพราะ พ.ต.อ. ภาคภูมิ มายืมเงินมินนี่ แต่มินนี่อยู่ต่างประเทศก็เลยฝากคนอื่นโอนแทน“เหตุผลที่พี่หนึ่ง หยิบยืมเงิน มินนี่ เชื่อว่า เป็นเพราะข้าราชการตำรวจนั้นมีเงินเดือนไม่เยอะ


“ประเด็นคือ คุณมินนี่ ครับ คุณหนึ่ง พ.ต.อ.ภาคภูมิ เป็นนายตำรวจถึงตำรวจยศพันตำรวจเอก คนสนิท “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ แต่ไปยืมเงินเด็กอายุ 26 เป็นไปได้อย่างไรครับ? เขายืม “บิ๊กโจ๊ก” หรือ น้องชายคือ “คุณเปียก” พ.ต.อ.เขมรินทร์ ไม่ดีกว่าหรือ เพราะมีข้อมูลหลุดออกมาว่า “เปียก” พ.ต.อ.เขมรินทร์ก็ไม่ใช่กระจอก ๆ เป็นเจ้าของพระเครื่องราคาสูง ๆ จำนวนมาก


“จริง ๆ แล้ว คุณมินนี่ ควรตอบมากว่าว่า เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2566 ตอนที่ตำรวจชุด PCT ไปตรวจค้น แล้วพบของกลางสมุดบัญชีธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ 100 รายการ บัตรอิเล็กทรอนิกส์กว่า 55 ใบ โทรศัพท์มือถือ จำนวน 30 เครื่อง เงินสด 920,000 บาท คอมพิวเตอร์ ไอแพดและเครื่องรับส่งสัญญาณอินเตอร์เน็ต หลายรายการ พบเงินหมุนเวียนกว่าร้อยล้านบาท ของพวกนี้มาจากไหน?” นายสนธิกล่าว


6.มินนี่บอกว่า เป็นคนมีเงิน เรื่องเงินที่มินนี่ ให้คนอื่นโอนให้ พ.ต.อ.ภาคภูมิ มาจากการทำธุรกิจหลายอย่าง มินนี่บอกว่าเธอ มีบริษัทรับเหมา ซึ่งทำแล้วก็ไม่ได้กำไรอะไร มีธุรกิจนำเข้าส่งออก สินค้าออนไลน์ สินค้าแฟชั่น มินนี่ก็ยังมีธุรกิจอยู่

แต่เมื่อตรวจสอบดูว่ามินนี่ทำธุรกิจอะไรบ้าง ปรากฏว่า ชื่อของ “มินนี่” หรือ น.ส.สุชานันท์ เป็นกรรมการธุรกิจ 1 แห่งชื่อ บริษัท เอ็มวาย 999 จำกัด

บริษัท เอ็มวาย 999 จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2564 ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ประกอบการ ร้านขายปลีกอาหารอื่น นางสาวสุชานันท์ กุลวัฒนโยธิน และ นายแทนคุณ อุดชาชน เป็นกรรมการ


ข้อมูลงบการเงิน สิ้นสุด วันที่ 31 ธันวาคม 2565 งบกำไรขาดทุน รายได้รวม 2,304 บาท ขาดทุน 2,196 บาท

แล้วเงินคุณมินนี่มาจากไหน เป็นร้อย หรืออาจจะถึงพันล้าน มันไม่ย้อนแย้งกันไปหน่อยหรือ?

ที่สำคัญ ผู้ถือหุ้นบริษัทคุณ ก็คือ นางสาวอรณี ทองอรุณ และ นายณัฐวัตร พิมพ์สวัสดิ์ ก็เป็นผู้ต้องหาในคดีร่วมกันจัดให้เล่นพนันออนไลน์ และข้อหาร่วมกันฟอกเงิน ด้วย


7.พอนักข่าวถามเรื่องคดี “มินนี่” ก็เบี่ยงประเด็นไปเป็นเรื่องโดนเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว โดยตั้งข้อสังเกตเรื่องวันที่ PCT ชุด 4 มาจับกุมมินนี่ และขอตรวจค้น ทำให้มินนี่ถูกยึดโทรศัพท์ไป แล้วภาพกับคลิปส่วนตัว กลับหลุดออกมา

โดยมินนี่ยังยืนยันอีกครั้งว่าเงินทุกบาท ทุกสตางค์มินนี่ ได้มาจากการทำธุรกิจ เรื่องอาณาจักรที่อยู่ เรื่องทรัพย์สินนั้นเป็นของแม่ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกัน

อย่างไรก็ตาม ประเด็นอยู่ที่ว่าหลักฐานในการดำเนินคดีอย่างนี้ ไม่มีอะไรชัดเจนไปกว่าเส้นทางการเงิน แต่เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมเส้นทางการเงินถึงได้มีการโอนผ่านบัญชีม้า ? มินนี่กลับเลี่ยงไม่ตอบโดยโยนให้ทนายความเป็นผู้ชี้แจงแทน แต่ต่อมาทนายก็เงียบ ไม่ได้ชี้แจงแต่อย่างใด


“ผมไม่ได้กล้า ผมไม่กล้าหรอกครับ และผมคิดว่า ผมไม่อยากจะเรียกว่าคุณตอแหล แต่หลายๆ อย่างที่ความสนิทสนมกับพวกคุณ กับ พ.ต.อ.ภาคภูมิ มันมีรูปธรรมดา คนที่รู้จักกันธรรมดา แล้วคุณภาคภูมิเองก็ให้สัมภาษณ์ตอนหลังว่าเขายอมรับว่าเขามีความสัมพันธ์กับคุณ ถ้าคุณไม่เชื่อ หรือพวกโซเชียลมีเดีย และ IO ของพวกคุณไม่เชื่อ ก็ไปดูสิ

“รูปที่คุณนั่งพิงกันเหมือนกับจะโอบกอดกันเลย นี่มันไม่ใช่แค่รู้จักกันธรรมดานะ คุณมินนี่ คุณอาจจะโกหก IO ของคุณได้ ที่บอกว่าคุณตอบชัดเจน จะแจ้ง แต่คุณโกหกผมไม่ได้ ท่านผู้ชมเห็นด้วยกับผมหรือเปล่า

“เพราะฉะนั้นแล้ว เรื่องนี้ไม่พูดไม่ได้ เพราะคุณมินนี่สะดุดขาตัวเองล้มหลายเรื่องในการให้สัมภาษณ์ครั้งนั้น รีบร้อนเหลือเกิน ต้องการมาเคลียร์คนใกล้ชิดของคุณเอง คือพูดง่ายๆ ว่าประจักษ์พยานสิ่งแวดล้อมแบบนี้ คุณขึ้นศาล คุณก็แพ้ ผมเบื่อมากเลย พวกโซเชียลโง่ๆ ที่ฟังคำสัมภาษณ์ของมินนี่ครั้งเดียวก็บอกว่าเป็นผู้หญิงพูดจาชัดเจน ก็มีพวกคุณแบบนี้อยู่หลายคน อยู่จำนวนหนึ่ง มันก็เลยทำให้สังคมไทยบิดเบี้ยว ผิดเพี้ยน”
นายสนธิกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น