“สนธิ” ชี้อุทาหรณ์เด็ก 14 กราดยิงกลางห้างพารากอนสะท้อนปัญหาในครอบครัวยุคปัจจุบันเปล่าเปลี่ยว แตกแยก พ่อแม่ไม่ดูแลลูก อดไม่ได้นึกถึง “หยก” ขณะหน่วยงานรัฐไม่จริงจังจริงใจพัฒนาเด็ก กระทรวงดีอีบกพร่องหละหลวมปล่อยขายปืนออนไลน์เกลื่อน เตือนเรงทำงานให้หนักก่อนเกิดเหตุซ้ำ
ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก” วันศุกร์ที่ 6 ตุลาคม 2566 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการได้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เด็กอายุ 14 ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงกลางห้างสรรพสินค้าสยามพารากอนเมื่อช่วงเย็นของวันอังคารที่ 3 ตุลาคม ว่า เป็นเหตุการณ์ที่สร้างความสะเทือนใจให้สังคมในหลายๆ มิติ
ทั้งมิติของความรุนแรงในเด็กและเยาวชนไทย ผ่านทั้งสื่อสังคมออนไลน์ ภาพยนตร์ เกม เป็นต้น มิติของวิธีการอบรม ดูแลและให้การศึกษากับเด็กและเยาวชน มิติของการหาซื้อของผิดกฎหมายได้อย่างง่ายดายผ่านออนไลน์ มิติของความปลอดภัยในการมาท่องเที่ยวเมืองไทย โดยเพราะผู้เสียชีวิตเป็นชาวต่างชาติ คนหนึ่งเป็นแรงงานชาวพม่า อีกคนเป็นหญิงชาวจีน ข่าวว่าเป็นแม่ของลูกแฝดที่มาท่องเที่ยวเมืองไทย จนทำให้มีการแชร์ข่าวเตือนกับในหมู่โซเซียลมีเดียจีนตอกย้ำว่าการมาเที่ยวเมืองไทยเป็นเรื่องอันตราย
นายสนธิ กล่าวต่อว่า ในแง่สังคม เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากภาวะสังคมที่เปลี่ยนไปตามสถานการณ์ของโลกทุกวันนี้ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วเราห้ามไม่ได้ เหตุการณ์ความรุนแรงของเด็กและเยาวชนในวันนี้ไม่ใช่เหตุการณ์แรก และไม่ใช่เหตุการณ์สุดท้าย ในอนาคตจะมีเหตุการณ์แบบนี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
สุดท้ายแล้ว สถาบันครอบครัวสำคัญที่สุด เรื่องที่เกิดขึ้นมาจากสถาบันครอบครัวยุคปัจจุบันที่โดดเดี่ยว เปล่าเปลี่ยว แตกแยก เห็นแก่ตัว บูชาคุณค่าเงินตรา วัตถุนิยมคลุมทั้งหมด เราได้แต่เตรียมตัวรับ ทำอะไรไม่ได้ นอกจากส่งเสริมสถาบันครอบครัวให้เข้มแข็ง
อย่างเด็กคนนี้ ครอบครัวก็ดี พ่อแม่จบมหาวิทยาลัยดัง พ่อเป็นถึงอาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง แม่ก็จบธรรมศาสตร์ มีการงานที่ดีมาก ตัวเด็กก็เรียนโรงเรียนทางเลือกค่าเทอมเป็นแสน แต่กลายมาเป็นผู้ร้ายเที่ยวกราดยิงคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่
คำถามซึ่งเรา ต้องล้อมคอกตลอดเวลาทันทีที่วัวหายก็คือเด็กสั่งซื้อปืนซื้อเครื่องกระสุนต่างๆ ราคาเป็นหมื่น ตำรวจไปค้นเจอกระสุนเต็มห้อง แถมไปเข้าสนามซ้อมยิงปืนเป็นร้อยนัด แต่ที่น่าทุเรศที่สุดคือพ่อแม่บอกไม่รู้เรื่องอะไรเลยเป็นไปได้ยังไง เพราะการที่มีเด็กเป็นแบบนี้พ่อแม่ต้องรับผิดชอบ หน่วยงานของรัฐต้องรับผิดชอบคือหน่วยงานรัฐที่ไม่จริงจังและจริงใจกับการพัฒนาเด็ก
ต้นเดือนที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุข โดยนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการ ชงที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเสนอแนวทางเพิ่มจำนวนพลเมือง ส่งเสริมการมีบุตรพร้อมดันให้เป็นวาระแห่งชาติ เข้าใจว่า นพ.ชลน่าน มองประเด็นสังคมสูงอายุที่มีแนวโน้มสูงขึ้นส่งผลกระทบต่อศักยภาพการแข่งขันในอนาคต ซึ่งไม่ผิด แต่ต้องมีแผนพัฒนาคุณภาพเด็กที่เกิดมาด้วย ไม่อย่างนั้นในอนาคตเหตุความรุนแรงต่างๆในเด็กและเยาวชนจะเพิ่มมากขึ้น
“ผมฟันธงได้เลย ผมยืนยันว่าต้องเกิดมากขึ้นเพราะเรายุยงส่งเสริมให้ผู้ชายผู้หญิงมีเพศสัมพันธ์กันมากขึ้นเพื่อปั้มเด็กให้เด็กเกิดขึ้นเพื่อมาทดแทนคนสูงวัยที่กำลังจะหมดไป
“นอกจากนี้ กระทรวงดีอีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจสังคม รัฐมนตรีเดิมชื่อชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ซึ่งผมฝากความหวังไม่ได้เลย อยากให้รัฐมนตรีคนปัจจุบัน นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ลงไม้ลงมือสักที เอาจริงเอาจังสักที วันนี้เว็บโป๊ยังเต็มอยู่ เว็บขายปืนปล่อยให้เกิดขึ้นได้ยังไง ปล่อยให้เกิดขึ้นยังไงครับ ผมต้องการคำแถลงชี้แจงจากท่านรัฐมนตรีกระทรวงดีอี ถึงเวลาหรือยังกระทรวงดีอีต้องทำงานให้หนักกว่านี้
“แล้วงานนี้ พ่อแม่เด็กต้องรับผิดชอบไหม อย่าได้ใช้ช่องโหว่กฎหมายอ้างว่าเป็นเยาวชน มันเป็นกรณีพิเศษต้องได้รับการจัดการแบบพิเศษเพราะว่านี่เป็นแค่หนังตัวอย่าง ของจริงต้องมีมาอีก ทำไมพ่อแม่เราต้องรับผิดชอบ เพราะได้ปล่อยให้เด็กออกไปอยู่อย่างอิสระขาดการดูแลอย่างเพียงพอ
“ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะต้องนึกถึงน้องหยก ที่ครอบครัวไม่ดูแลน้องหยกเลย แล้วก็ถูกปั่นหัว นี่มาคนละเอ็กซ์ตรีมเลย น้องหยกไปทางการเมือง เด็กอายุ 14 ปี คนนี้มาในการณ์ความรุนแรง และมีการเสียชีวิต” นายสนธิกล่าว