ทนายแก้ว เผยคดีเด็กวัย 14 มือกราดยิง ค้นเจอ พ.ร.บ.ศาลเยาวชนฯ กฎหมายเปิดช่องให้สามารถโอนคดีไปศาลธรรมดาได้หากผู้ก่อเหตุจิตใจโตเกินวัยสภาพเช่นเดียวกับบุคคลที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล
จากกรณีเกิดเหตุการณ์กราดยิงในห้างสยามพารากอน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บหลายราย ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมคนร้ายได้แล้ว เป็นเยาวชนชาย อายุ 14 ปี พร้อมอาวุธปืนขนาด 9 มม.ที่ใช้ก่อเหตุ ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
โดยพบว่าหลังจากมีแพทย์และนักจิตวิทยาเข้าไปดูแลประเมินด้านสุขภาพจิต ได้รับรายงานว่ามีการส่งตัวเด็กชายไปรักษาต่อที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ เมื่อวานนี้ (5 ต.ค.) ตามคำวินิจฉัยของแพทย์ โดยมีเจ้าหน้าที่กรมพินิจฯ ตามไปควบคุมดูแล รวมทั้งต้องพิสูจน์ว่าทำไมถึงก่อเหตุการณ์เช่นนี้ได้ ส่วนอาการป่วยของเด็กในทางกฎหมายไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ แต่มีโปรแกรมการรักษา และหากครอบครัวขอเด็กออกมารักษาสามารถทำได้หรือไม่ ซึ่งเคสนี้ศาลไม่อนุญาตให้ประกันนั้น
วันนี้ (6 ต.ค.) เฟซบุ๊ก "Legal Intelligence มนต์ชัย ทนายโซเชียล" หรือ ทนายแก้วมนต์ชัย จงไกรรัตนกุล ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า “จากเหตุเด็กยิงที่ห้าง แม้ กม.อาญา ม.74 จะกำหนดไว้ว่ามีความผิดแต่ไม่ต้องรับโทษนั้น….แต่จุดนี้ ผมไปค้นคว้าเจอว่า ใน พ.ร.บ.ศาลเยาวชนฯ กฎหมายเปิดช่องให้สามารถโอนคดี จากศาลเยาวชนและครอบครัว ไปพิจารณาในศาลที่มีอำนาจพิจารณาคดีธรรมดาได้ หากพบว่าเยาวชนที่ก่อเหตุมีสภาพร่างกายและจิตใจโตเกินวัย พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวฯ มาตรา 97 วรรค 2"
โดย พ.ร.บ.ศาลเยาวชนฯ กับความพยายามคุ้มครองเด็กเเละเยาวชนเเทนการลงโทษ มาตรา 97 วรรค 2 ได้กำหนดให้ศาลเยาวชนและครอบครัวมีอำนาจพิจารณาโอนย้ายคดีของเด็กและเยาวชนที่อายุยังไม่ถึง 18 ปี บริบูรณ์ แต่ศาลเยาวชนฯ พิจารณาโดยคำนึงถึงสภาพร่างกาย สภาพจิต สติปัญญา และนิสัยแล้ว เห็นว่าในขณะกระทำความผิด หรือระหว่างการพิจารณาคดีบุคคลดังกล่าวมีสภาพเช่นเดียวกับบุคคลที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ก็สามารถโอนคดีไปให้ศาลที่พิจารณาคดีบุคคลธรรมดาพิจารณาคดีได้
ทั้งนี้ หากพิจารณาในรายละเอียดจะเห็นว่าเงื่อนไขในการพิจารณาการโอนคดีตามกฎหมาย ได้แก่ สภาพร่างกาย สภาพจิต สติปัญญาและนิสัย ก็มีถ้อยคำที่คลุมเครือเเละยังจะเป็นคำที่เปิดให้ศาลแต่ละองค์คณะใช้ดุลพินิจได้อย่างกว้างขวาง
