xs
xsm
sm
md
lg

คลี่ปม “กำนันนก” สั่งตาย “สารวัตรแบงค์” “บิ๊กโจ๊ก” ได้ที บี้ “บิ๊กต่อ” ชิงเก้าอี้ ผบ.ตร.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“สนธิ” ชี้ตำรวจไร้ศักดิ์ศรี ไปนั่งถอดเสื้อกินเลี้ยงบ้าน “กำนันนก” รับส่วยรายเดือน ติง “บิ๊กโจ๊ก” ทำพลาด ไม่สั่งให้ตำรวจ 28 นายออกจากราชการไว้ก่อน ซ้ำยังเอารายละเอียดสำนวนที่ควรเป็นความลับมาเล่าเป็นฉากๆ ให้คนฮือฮา เพื่อหาแสง เพราะกำลังแข่งกับ “บิ๊กต่อ” ชิงเก้าอี้ ผบ.ตร. แนะทางแก้ความเน่าเฟะ ต้องโอนงานตำรวจสู่องค์กรท้องถิ่น ให้นายก อบจ.ที่ประชาชนเลือกมาเป็นคนคุม อย่าให้ ผบ.ตร.คุมตำรวจทั้งประเทศ 3 แสนคน มีอำนาจแต่งตั้งโยกย้าย ควบคุมการจัดซื้อจัดจ้าง เป็นที่มาของการทุจริตคอร์รัปชั่นไม่รู้จบ



ในรายการ  “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก” วันศุกร์ที่ 15 กันยายน 2566 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการได้กล่าวถึงกรณีพ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือ"สารวัตรแบงค์"สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง (สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล.) ถูกยิงระหว่างร่วมงานเลี้ยงที่บ้านของนายประวีณ จันทร์คล้ายหรือ"กำนันนก"กำนันตำบลตาก้อง อำเภอเมืองนครปฐม เมื่อเวลาประมาณ 3 ทุ่มเศษของวันที่ 6 ก.ย.ก่อนที่จะเสียชีวิตในเวลาตี 2 ของวันที่ 7 ก.ย.ว่า ที่มาที่ไปของเรื่องนี้ เกิดจากเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม 2566 ทีมงานพรรคก้าวไกล นำโดย นายวิโรจน์ ลักขณาอดิสร, นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์ จับมือกับ นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ตัดสินใจแฉเรื่องราวทุจริตส่วยสติกเกอร์ตำรวจทางหลวง เอื้อประโยชน์รถบรรทุกน้ำหนักเกิน

พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.
ต่อมา พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. มีคำสั่งเด้ง พล.ต.ต.เอกราช ลิ้มสังกาศ ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง (ผบก.ทล.) ไปปฏิบัติหน้าที่ ศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ศปก.บช.ก.) พร้อมมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน โดยให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บัญชาการกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผบก.ปปป.) มารักษาราชการแทน ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง อีกตำแหน่งหนึ่ง


เวลาผ่านไป 3 เดือน วันที่ 4 กันยายน 2566 พล.ต.ท.จิรภพ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว ตั้งแต่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ หรือ “บิ๊กเต่า” มานั่งรักษาการ ตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจทางหลวง มีผลงานการจับกุมผู้กระทำผิดกฎหมายเพิ่มขึ้น และยืนยันขจัดปัญหาส่วยสติกเกอร์ได้มากแล้ว ส่วนเรื่องที่มีการร้องเรียนกันก่อนหน้านั้นอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะทำงานทั้ง บช.ก., จเรตำรวจ และกองบังคับการตำรวจทางหลวง พล.ต.ท.จิรภพ ประกาศมั่นใจว่าตำรวจทางหลวง ยุคใหม่ปลอดส่วย เดินหน้าสร้างผลงาน




คล้อยหลังเพียง 2 วัน ราวสามทุ่มเศษของวันพุธที่ 6 กันยายน 2566 มีเหตุยิงกันทำให้ตำรวจได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 นาย ภายในบ้านเลขที่ 30/1 หมู่ 1 ตำบลตาก้อง อำเภอเมืองนครปฐม ซึ่งนายประวีณ จันทร์คล้ายหรือ"กำนันนก"อายุ 35 ปี กำนันตำบลตาก้อง เจ้าของบ้านกำลังจัดงานเลี้ยงประจำเดือน


มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ถูกนำส่ง รพ.นครปฐม คือ พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือ "สารวัตรศิว" หรือ"สารวัตรแบงค์" เสียชีวิตเมื่อเวลาประมาณ 02.00 น. วันที่ 7 กันยายน และ พ.ต.ท.วศิน พันปี รอง ผกก.2 บก.ทล.ถูกกระสุนเข้าที่แขนซ้าย อาการปลอดภัย



 พ.ต.ท.วศิน พันปี รอง ผกก.2 บก.ทล.
เบาะแสพบว่า ผู้ก่อเหตุลั่นไก คือนายธนัญชัย หมั่นมากหรือ "หน่อง ท่าผา" อายุ 45 ปี บอดี้การ์ดคนสนิทของกำนันนก ซึ่งที่ผ่านมามักมีผู้พบเห็นทั้งคู่ไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ

หน่อง ท่าผา และ กำนันนก
“ขอไม่ได้ ซื้อไม่ขาย” จึงต้อง “สั่งตาย”

ตั้งแต่ "สารวัตรแบงค์" สายตรงของ พล.ต.ท.จิรภพ มานั่งเก้าอี้ สารวัตรทางหลวง 1 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ทาง"กำนันนก"ก็เคยทาบทามติดต่อเสนอเงินใต้โต๊ะจากการใช้รถบรรทุกสัญจรในกิจการรับเหมาก่อสร้างให้แต่เจ้าตัวไม่ยอมรับ

การจัดงานเลี้ยงในวันนั้น “กำนันนก” เป็นหน้าเสื่อเบอร์ใหญ่ให้ผู้ร่วมประกอบการ เรียกนายตำรวจพื้นที่ ตำรวจทางหลวง และตำรวจนอกสังกัดที่เคยเกื้อกูลกัน เข้ามา“เสียบปลั๊กต่อสัญญาณ ดีลส่วยเรื่องการขอบรรทุกน้ำหนักเกิน ซึ่งจริงๆ แล้วกำนันนกจัดงานเลี้ยงทุกเดือนแล้วตำรวจก็จะมากัน แล้วรับเงินที่ให้เป็นประจำ

กติกาของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาร่วมงานเป็นที่รู้กันคือ"กำนันนก"จะให้ถอดเครื่องแบบ และเก็บอาวุธปืนประจำกาย แล้วมากินเลี้ยงกัน

งานเลี้ยงถอดเสื้อที่บ้าน “กำนันนก” ซึ่งเต็มไปด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ
วันนั้น การนัดหมายกินเลี้ยง ของ"กำนันนก"ที่มีเรื่องส่วยเป็นประเด็นหลัก สามารถตกลงกับนายตำรวจคนอื่นๆ ที่มาร่วมงานได้จนเสร็จสิ้นแล้ว แต่"สารวัตรแบงค์"ซึ่งปฏิเสธไม่ยอมรับเงินใต้โต๊ะ เพราะว่าถูกส่งมาโดยตรงจาก พล.ต.ท.จิรภพ มีความซื่อสัตย์ จึงไม่ได้มางานเลี้ยงด้วย จึงมีผู้บังคับบัญชาซึ่งต่อมาคือ “ผู้กำกับเบิ้ม” ที่ฆ่าตัวตายในภายหลังเรียกตัว “สารวัตรแบงก์” เข้ามาพบกำนันนกเป็นครั้งแรกในวันนั้น

โดยเจ้าตัวเดินทางไปถึง เวลา 20.30 น. ก่อนถูกยิงในเวลา 21.20 น.

เมื่อ"สารวัตรแบงค์"เดินทางมาถึงที่งานท่ามกลางวงล้อมของเจ้าหน้าที่ตำรวจนายอื่นๆ ที่ร่วมวงสังสรรค์กันอยู่ “กำนันนก” ก็เปิดประเด็นขอเจรจาเรื่องส่วย แต่"สารวัตรแบงค์"ปฏิเสธไม่รับ ให้ไปคุยกับ “รักษาการณ์ผู้การทางหลวงคนปัจจุบัน” นั่นก็คือ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว

เมื่อประเด็นส่วยเจรจาไม่ผ่าน"กำนันนก"จึงเจรจาขอโยกย้ายหลานเขย คือ จ.ส.ต.พิสิฐ ชิวปรีชา ซึ่ง“สารวัตรแบงค์” ก็ยังปฏิเสธอีก เนื่องจากสายตรวจรถจักรยานยนต์คนเก่ายังไม่เกษียณ หากฝ่าธรรมเนียมย้าย จ.ส.ต.พิสิฐ ไปทำหน้าที่แทน ก็จะเป็นการเตะผู้อาวุโส และข้ามหัวเพื่อนข้าราชการคนอื่นๆ ซึ่งผิดหลักการปฏิบัติ เพราะหน้าที่ สายตรวจรถจักรยานยนต์ มีไว้รองรับตำรวจใกล้เกษียณซึ่งผ่านงานอื่น ๆ มาแล้วอย่างโชกโชน


เมื่อผิดหวังไปแล้ว 2 เรื่อง ทำให้“กำนันนก”ซึ่งดื่มสุรามาตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันเกิดขึ้น เลยท้าดวลเหล้ากับ“สารวัตรแบงค์” ปรากฏว่าสู้ไม่ได้ โดนเยาะเย้ยถากถางก็เลยโกรธ แล้วเดินไปหาลูกน้องมือขวาคือ"หน่อง ท่าผา"

"สารวัตรแบงค์" รู้ว่าตัวเองพูดจาเปรียบเปรยเยาะเย้ยกำนันนกไม่ดีแน่ ก็เลยเดินเข้าไปหาเพื่อขอโทษขอโพย แต่เหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด"หน่อง ท่าผา" ใช้ปืน “กล็อก 19” ขนาด 9 มม.ออกมาลั่นไก 7 นัด ใส่ "สารวัตรแบงค์" 5 นัด อีก 2 นัดเป็นลูกหลงไปโดน พ.ต.ท.วศิน พันปี รอง ผกก.2 บก.ทล. ที่แขนซ้าย

หลังจากยังเสร็จก็มี ร.ต.ท.นิมิต สลิดกุล รอง สว.จร.สภ.เมืองนครปฐม ซึ่งทราบภายหลังว่ามีชื่อเป็นเจ้าของอาวุธปืนสวัสดิการของกลางพยายามเข้าจับกุม"หน่อง ท่าผา"เอาไว้แล้ว แต่ท้ายที่สุดก็มีการปล่อยตัว มิหนำซ้ำยังขับรถ จยย.ของตัวเองประกบรถยนต์พาตัว"กำนันนก"และ"หน่อง ท่าผา"หลบหนีออกจากจุดเกิดเหตุไปได้


จริงๆ แล้ว“กำนันนก” นายประวีณ จันทร์คล้ายจะไม่มีโอกาสสั่งสารวัตรแบงค์มาหาที่บ้านได้เลย เพราะนายตำรวจน้ำดีคนนี้ ไม่สนใจงานเลี้ยงถอดเสื้อกินเหล้ารับซองเงิน แบบที่นายตำรวจสายโจรชอบกันนัก

ที่ผ่านมา ข่าวว่า“สารวัตรแบงค์”ไม่เคยย่างกรายไปร่วมงานเลี้ยงของกำนันนก แม้แต่ครั้งเดียว เพราะด้วยความเป็นตำรวจตงฉินที่ พล.ต.ท.จิรภพ ส่งเข้าไปจัดการปัญหาส่วยที่นครปฐม รู้จักเว้นระยะห่างจากขาใหญ่ผู้มีอิทธิพล แต่แค่ครั้งแรกที่“สารวัตรแบงค์”เข้าไปที่นั่น ก็เพราะ พ.ต.อ.เบิ้มที่เรียกเข้าไป ก็กลายเป็นจุดจบของเขาในทันที


เรื่องเคลียร์ส่วยรถบรรทุกเป็นปมสำคัญ ที่คุยกันไม่รู้เรื่อง ไม่ใช่เรื่องการขอตำแหน่ง โดย “กำนันนก” พยายามจะใช้เงินฟาดหัว“สารวัตรแบงค์” เพื่อให้มารับส่วยแบบคนอื่นๆ โดยสารวัตรแบงก์นั้นมีอำนาจที่จะบล็อกรถบรรทุกที่ทผิดกฎหมาย โดยที่กำนันนกนั้นมีรถบรรทุกจำนวน 100 คัน

วันที่ 7 กันยายน 2566 ศาลจังหวัดนครปฐม มีการออกหมายจับนายประวีณ จันทร์คล้าย หรือ "กำนันนก" ส่วนนายธนัญชัย หมั่นมากหรือ"หน่อง ท่าผา"อายุ 45 ปี มือปืนก็หลบหนีไปก่อนที่จะถูกวิสามัญฆาตกรรมโดยทีมวิสามัญฯ ของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ในขณะที่ทีมงานของ พล.ต.ท.จิรภพไปไม่ทัน โดยโดนทีมแรกวิสามัญฯ ก่อน


ตายอย่าง “หมาพิตบูล” หรือ “หมาขี้เรื้อน” ?

วันเสาร์ที่ 9 กันยายน 2566 พี่ชายของนายธนัญชัย หมั่นมาก เดินทางไปรับศพน้องชายที่สถาบันนิติเวชวิทยา ได้กล่าวว่า"น้องมันตายแล้ว ตายไม่ว่า ตายอย่างหมา ตนก็ภูมิใจ หมาพิตบูลไม่ใช่หมาชิสุ”

แถมพูดด้วยความน้อยใจเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ยังติดใจอะไรหรือไม่ ก็ตอบว่า"ถ้าผมติดใจนักข่าวช่วยอะไรผมได้ไหม เพราะมีแต่นายสั่งนี้นายสั่งนั้น จึงอยากให้มันจบดีกว่า"


“ขออนุญาตนะครับ อย่าโกรธกัน น้องชายของคุณไม่ได้ตายอย่างหมาพิตบูลหรอก แต่ถ้าตายอย่างหมาพิตบูลจริงๆ ก็น่าจะเป็นหมาพิตบูลขี้เรื้อน น้องชายคุณเป็นอาชญากร ยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำดีที่ซื่อสัตย์สุจริต” นายสนธิกล่าว

ผลงานตำรวจน้ำดี “สารวัตรแบงค์”

“สารวัตรแบงค์” ขึ้นชื่อว่ามีจุดยืนเป็นตำรวจมือสะอาด เพราะเป็นลูกน้องสายตรงของ“บิ๊กก้อง” พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.
ผลงานที่ผ่านมาของ “สารวัตรแบงค์” คือเครื่องการันตีความซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา เช่น เป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ที่เข้าจับกุม“อั้ม ภูมิพัฒน์” กับ “แยม ธมลพรรณ์” สองผัวเมียจอมอวดรวย ข้อหาเปิดบ่อนออนไลน์ และเว็บโป๊ ยึดได้ของกลางเงินถึง 700 ล้านบาท ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2565


การจับกุม “ผู้ต้องหาสีเทา” ที่มีทรัพย์สินเงินทองมากมายแบบนี้ ถือว่าไม่ง่าย ถ้าตำรวจไม่มั่นคงตรงไปตรงมา มีสิทธิ์โดนเงินฟาดหัว เสียผู้เสียคน มีตัวอย่างมากมาย

“เสี่ยโป้ อานนท์”ก็เป็นอีกคน ที่โดนสารวัตรแบงค์ ร่วมทีมกวาดล้าง

ชนวนเหตุที่ทำให้ถูกยิงที่บ้านกำนันนก มันคือเรื่องการร้องขอ“สารวัตรแบงค์”ให้ยอมรับเงินส่วยตามระบบของ“กำนันนก” แต่สารวัตรแบงค์ปฏิเสธ เพราะว่าเจ้านายตัวเองคือ พล.ต.ท.จิรภพ ส่งมาเพื่อล้างส่วยในเขตนครปฐม


คนที่ขอร้องให้สารวัตรแบงค์มานั้น ก็คือพ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ ผู้กำกับ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวงที่ยิงตัวตายที่บ้านพักใน จ.ปทุมธานี ถูกพาดพิงว่าเป็นคนโทรศัพท์ตาม พ.ต.ต.ศิวกร ให้มาที่บ้านกำนันนก ก่อนถูกลูกน้องกำนันยิงเสียชีวิต

ในที่สุดแล้ว "กำนันนก" ก็สู้คดีอ้างว่าตนเองไม่ได้เป้นคนสั่งให้ยิง แต่ในคำขอหมายจับที่ยื่นต่อศาลนั้น ระบุว่า กำนันนกคือผู้ที่จ้างวานหรือสั่งการให้ “หน่อง ท่าผา” ยิงสารวัตรแบงค์

ดูเหมือนว่ากำนันนกจะรู้ตัวดี จึงไม่ยอมประกันตัว เพราะว่า เป็นคนที่กุมความลับไว้เยอะมาก จ่ายเงินส่วยให้ตำรวจคนไหนบ้าง มีตั้งแต่ระดับ พล.ต.ต.ไป มีเงินมีทองจ่ายให้คนนั้นคนนี้ เพราะฉะนั้นถ้าประกันตัวออกไปก็ตาย ก็เลยต้องอยู่ในคุก ซึ่งก็มีโอกาสตายเช่นกัน แต่ยังระมัดระวังตัวได้ดีกว่าอยู่ข้างนอก

เกมชิงเก้าอี้ ผบ.ตร. “บิ๊กโจ๊ก VS บิ๊กต่อ”

มีตำรวจ 6 นายที่อยู่ในงานเลี้ยงบ้านกำนันนกถูกจับกุม โดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ได้ออกหมายจับ 3 ข้อหาหลักคือ เป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อช่วยไม่ให้ผู้อื่นได้รับโทษ, ร่วมกันทำลาย ซ่อนเร้น, ร่วมกันช่วยเหลือผู้กระทำความผิด

นี่คือพฤติการณ์ตำรวจ อาจจะไม่ใช่ทั้งหมดแต่ก็ไม่น้อย สะท้อนให้เห็นเลยว่า พ.ร.บ.ตำรวจที่ออกมาใหม่ หรือโครงสร้างตำรวจที่ปรับปรุงใหม่ ต่อให้ออกมาอีกกี่ร้อย พ.ร.บ. ปรับกี่ร้อยโครงสร้าง ก็ไม่สามารถจะแก้ปัญหาอะไรได้


แต่วันนี้มีเรื่องที่อยากจะพูด คือ ความขัดแย้งระหว่าง 2 บิ๊ก คือ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล และ “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ที่กำลังชิงตำแหน่ง ผบ.ตร.กัน

และมีเรื่องที่จะเตือน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ด้วยว่า ตำรวจ 28 คนที่ถอดเสื้ออยู่ในงานเลี้ยงบ้านกำนันนก สมควรถูกให้ออกจากราชการทุกคน เพื่อดำเนินการสืบสวนสอบสวนความผิดทางวินัย หรือถ้ามีทางอาญาก็ต้องโดนด้วย


“ผิดยังไง คุณเป็นตำรวจ คุณไปงานเลี้ยงเพื่อจะไปรับเงินส่วย ไม่งั้นคุณจะไปทำไม รวมถึง ผกก.พญาไท ที่พูดจาไม่ดี ข่มขู่นักข่าว เป็นถึง ผกก.โรงพักพญาไท แต่มานั่งกินอาหารกินเหล้า รับส่วยเขา เหตุผลเพราะว่าคุณเคยเป็นสารวัตรทางหลวงสมัย 10 กว่าปีที่แล้ว ในพื้นที่นั้น พวกนี้นี่ ต้องถูกให้ออกจากราชการ


“ตำรวจที่ถูกออกหมายจับก็มีแต่ชั้นประทวน ที่อายุ 53 แล้วเข้าเกณฑ์ได้ขึ้นเป็น ร.ต.ต. ส่วนระดับนายพัน ระดับพันตำรวจเอกรวมไปถึงผู้การฯ จังหวัดนครปฐมไม่โดนเลย นี่คือคำถามที่อยากจะถาม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ว่า ในที่สุดแล้วตำรวจชั้นผู้น้อยซวยใช่ไหม แล้วตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่นั่งถอดเสื้ออยู่ในนั้น ทำไมไม่ให้ออกจากราชการ เสนอ ผบ.ตร.ไปเลย ให้ออกจากราชการก่อน แล้วค่อยตรวจสอบ แต่เป็นการย้ายชั่วคราว ผู้การฯ นครปฐมตัวดีเลย ขึ้นเวทีพูดอวยพรกำนันนก บอกว่าขอให้เจริญในหน้าที่การงาน เส้นทางที่ทำอยู่นั้นทำถูกแล้ว”


นายสนธิ กล่าวต่อว่า อันธพาลอย่างกำนันนก สั่งตำรวจมานั่งกินข้าว ให้ถอดเสื้อ ตำรวจที่เป็น พ.ต.อ., พ.ต.ท., ผู้การฯ มานั่งกินข้าวกับคนอย่างกำนันนกทุกเดือน เพียงเพราะว่าเขาให้เงิน อายกันบ้างหรือเปล่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จงใจจะช่วยพรรคพวกหรือไม่ จึงเอาแค่ตำรวจระดับ ร.ต.อ. 5-6 คนตกเป็นจำเลย ทั้ง 28 คน อย่างน้อยก็ผิดที่ไม่มีศักดิ์ศรีของการเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ


“ผมไม่อยากให้ พล.ตงอ.สุรเชษฐ์ เดินผิดทาง คุณเป็นคนประเภทที่ถ้ามีแสงตรงไหนคุณวิ่งเข้าหาเลย เพราะคุณกำลังแข่งที่จะเป็น ผบ.ตร.กับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมลทั้งคู่เลย แล้วผู้กำกับเบิ้ม ที่ตายไปนั้นก็เป็นคนของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล”

อีกเรื่องหนึ่งที่อยกาจะเตือน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไว้ก่อน ช่วงหลังๆ นี้ หิวแสงจนลืมหน้าที่ตำรวจ เอาเรื่องราวการสอบสวนมาเล่าเป็นฉากๆ เพื่อต้องการให้คนเขาฮือฮา นั่นเป็นความลับทางราชการ เอามาพูดได้อย่างไร ควรจะพูดได้อย่างเดียวว่าขณะนี้เรากำลังเร่งหาหลักฐานอยู่ ได้มาพอสมควรแล้วแต่ต้องรออีกหน่อย พฤติการณ์แบบนี้ คนในแวดวงอาชญาวิทยาบอกว่าทำงานเพื่อเอาหน้าอย่างเดียว


“นี่ผมรัก ถึงเตือนท่านออกมานะ จำเป็นต้องพูดกับท่านตรงๆ ตรงไปตรงมา ผมอยากให้ท่านเลิกนิสัยนี้เสียที” นายสนธิ กล่าว

นายสนธิ กล่าวอีกว่า ตนรู้จักตำรวจชั้นผู้ใหญ่มาหลายคน รู้ดีว่าตำรวจรับเงินกันทุกคน รับมากหรือรับน้อยเท่านั้น แต่สมัยก่อนตำรวจยิงมาเฟียตาย เช่น เสียจิว ชลบุรี, แคล้ว ธนิกุล เจ้าพ่อนครบาล แต่มาสมัยนี้มาเฟียยิงตำรวจตาย แล้วตำรวจก็มาปกป้องมาเฟียคนนี้

จี้โอนงานตำรวจอยู่ใต้องค์กรท้องถิ่น

นายสนธิ กล่าวว่า การให้ตำแหน่งสูงสุดของตำรวจคือผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นหลักการที่ผิด เนื่องจากยุคสมัยเปลี่ยนไป ปัจจุบันวงการตำรวจมีแต่ผลประโยชน์เต็มไปหมด ผบ.ตร.จึงไม่ควรจะมีอำนาจ เพราะทำให้มีการช่วงชิงตำแหน่งนี้เพื่อจะปกครองตำรวจ 3 แสนคนทั่วประเทศ


นายสนธิ เสนอว่า ตำรวจต้องลงไปอยู่กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) ดูแล แล้วให้ประชาชนที่เลือก อบจ.นั้นตัดสินใจว่านายก อบจ.ที่เลือกมา สามารถทำให้เกิดความสงบได้หรือไม่ ตำรวจในท้องที่ช่วยเหลือประชาชนได้หรือไม่ ถ้าคำตอบคือใช่ ก็เลือกนายก อบจ.คนนั้นต่อ แล้วเก็บตำรวจภาค ตำรวจส่วนกลางเอาไว้ ให้ตำรวจภาคมีหน้าที่ทำเรื่องพิสูจน์หลักฐาน มีหน่วยสืบสวนสอบสวนภาค ถ้าจังหวัดไหนมีปัญหาให้มาร้องเรียนที่ภาค ถ้าร้องเรียนที่ภาคไม่ได้ผลก็เข้ามาร้องเรียนส่วนกลาง คือสอบสวนกลาง กองปราบ ลงไปกวาดล้าง ถ้าตำรวจท้องถิ่นไม่ทำงาน ต้องมีการคานกันไปคานกันมา

แต่การให้ ผบ.ตร.มีอำนาจคุมตำรวจ 3 แสนคน ซึ่ง ผบ.ตร.มีอำนาจสำคัญอยู่ 2 เรื่อง เรื่องแรกคืออำนาจการโยกย้ายแต่งตั้ง สามารถเอาคนของตัวเองหรือของนักการเมืองไปนั่งในตำแหน่งสำคัญๆ ได้ พอโยกย้ายเสร็จ ตำรวจที่มีสันดานไม่ดีก็ถือโอกาสเก็บเงินเก็บทองค่าวิ่งเต้นตำแหน่ง เรื่องที่ 2 คือการควบคุมการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งมีงบประมาณปีหนึ่งเป็นหมื่นล้าน ขณะนี้ก็กำลังแย่งชิงกัน งบประมาณ 7 พันล้านบาทวิ่งกันตีนขวิด

ถ้าให้ตำรวจอยู่ใต้องค์กรท้องถิ่น ก็ไม่ต้องมาแข่งกันตั้งผู้การจังหวัดโน้นจังหวัดนี้ ถ้าจะวิ่งก็ต้องวิ่งส่วนกลางเท่านั้น ตำรวจบางคนก็ต้องตัดใจทำงาน ยอมรับว่าถ้าลงท้องถิ่นแล้วต้องเลือกเอา ถ้าไม่ลงก็อยู่ส่วนกลางรอเกษียณอายุ


“มาเฟียทุกจังหวัดมี นโยบายของคุณเศรษฐา ออกมาครั้งนี้ถือว่าใช้ได้อยู่ 3 เรื่อง ตำรวจ ทั้งระดับผู้บังคับการจังหวัด ถ้าลูกน้องทำอะไรผิดเรื่องราวใหญ่โต ต้องรับผิดชอบด้วย ไม่ใช่แค่ย้ายเขา หรือผู้การทำผิด ก็ย้ายผู้การ เหมือนผู้การจังหวัดนครปฐมถูกย้ายไปออกจากจังหวัดนครปฐม แต่พอเรื่องสงบก็อาจจะถูกย้ายกลับ มันไม่จบไม่สิ้น มันเป็นน้ำวนในอ่าง”

นายสนธิ กล่าวต่อว่า ถ้าหมดอำนาจในการย้ายตำรวจระดับผู้การจังหวัด ตำรวจระดับผู้กำกับสถานี ผู้กำกับสืบสวน ให้ท้องถิ่นจัดการ ความสำคัญของ ผบ.ตร.จะไม่มี จะมีอำนาจเหลือเฉพาะเรื่องการพัฒนา ส่งเสริม สร้างความรู้ให้วงการตำรวจ


“จะเป็นไปทำไมผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็เพราะได้คุมตำรวจ 3 แสนคน ถ้าอย่างนั้นก็อย่าให้ได้คุมเลย เอาตำรวจลงไปท้องถิ่น อย่าบอกว่าท้องถิ่นไม่พร้อม คุณพูดอย่างนี้ตลอดเวลาเพื่อกันไม่ให้ตำรวจถูกสลายอำนาจใช่ไหม ศักดิ์ศรีคุณมีหรือเปล่า ตำรวจวันนี้ หิวแสงกันทุกคนเพราะอยากเป็นใหญ่ ใครพูดเก่ง ทำเก่ง ซื้อสื่อมวลชนได้ มีโซเชียลมีเดียของตัวเองได้ คุณภาพตัวเองไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ขอให้กระโดดเข้าไปจับเรื่องได้เร็ว”


นายสนธิ กล่าวอีกว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กำลังชิงตำแหน่ง ผบตร.กัน โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เหลืออายุราชการปีเดียว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เหลือ 7 ปี เวลานี้เป็นจังหวัดที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์เห็๋นว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์กำลังเพลี่ยงพล้ำ ก็เลยรุกหนักไปเลย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์เองอย่างน้อยก็มีผู้หลักผู้ใหญ่หนุนหลังคือพี่ชายตัวเอง ที่เป็นราชเลขาฯ คือ พล.อ.อ.สถิตพงษ์ สุขวิมล ซึ่งตำรวจทุกคนก็ล้วนแต่รับใช้ราชสำนัก เพียงแต่ความทะเยอทะยานของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ถ้า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ขึ้นเป็น ผบ.ตร.ซึ่งจะอยู่ถึง 7 ปี เป็นเรื่องที่น่ากลัว เพราะฉะนั้นจำเป็นจะต้องสลายโครงสร้างตำรวจ ต้องเอาลงท้องถิ่นให้ได้ ถ้ายังให้ ผบ.ตร.คนเดียวคุมตำรวจ 3 แสนคน ปัญหาจะเกิดขึ้นตลอดเวลา


“สารวัตรแบงค์ ต้องไม่ตายฟรี ถ้าถามผมวันนี้ ผมเชื่อใจตำรวจคนไหนมากที่สุด ผมเชื่อใจ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช มากที่สุด ผู้บัญชาการก้อง ซื่อสัตย์ แต่ยืนตรงกลางระหว่างต่อศักดิ์ กับสุรเชษฐ์ ทำตัวไม่ถูก แต่เจ็บใจที่ลูกน้องตัวเองถูกฆ่าตาย นี่คือความจริงที่เจ็บปวด

“คนอย่างกำนันนกมีอีกเยอะในประเทศไทย ทำไมมันถึงมีเยอะ เพราะตำรวจไม่ทำตัวให้สมศักดิ์ศรีการเป็นตำรวจไง มันถึงเกิดคนพวกนี้ขึ้นมาเยอะ แล้วในที่สุดวันนี้ก็พิสูจน์ชัดเจนแล้วว่า คนเป็นกำนันอายุ 35 สั่งโน่นสั่งนี่ สั่งตำรวจระดับนายพล ระดับผู้กำกับ มานั่งกินข้าวที่บ้านตอนสิ้นเดือนเพื่อมารับส่วยมัน เฮ้ย! พวกคุณมีศักดิ์ศรีกันบ้างหรือเปล่า”

“ใครก็ตามถ้าจะชิงตำแหน่ง ไม่ว่าจะต่อศักดิ์ หรือสุรเชษฐ์ ใครก็ตามที่ได้เป็น เอาคำพูดที่ผมพูดวันนี้ เอาไปคิดให้ดีๆ อย่าไปฟังไอ้พวกเจื้อยแจ้ว นักวิชาการ ผู้ชำนาญการตำรวจ ว่าต้องปรับโครงสร้าง ต้องออกพระราชบัญญัติตำรวจ ก็พระราชบัญญัติตำรวจ ออกมาตั้งกี่ครั้งแล้ว แล้วทำอะไรได้บ้าง และโครงสร้างก็มีอยู่เหมือนเดิม มันต้องรื้อโครงสร้าง เอาตำรวจลงท้องถิ่น”
นายสนธิกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น