“สนธิ” แฉภาคต่อ #ตั๋วปารีส เปิดรายงานคำซักค้านในศาลอังกฤษ “เสี่ยนิค นพพร” ติดต่อ “แอนดรูว์ แมคเกรเกอร์” ช่วยพาหนีไปอยู่ฝรั่งเศสหลังโดนคดีหมิ่นเบื้องสูงเมื่อปี 57 หลังจากนั้นสุมหัวกันหาทางยกเลิกมาตรา 112 พร้อมวางแผนสื่อกอบกู้ “วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง” ทวงคืนหุ้น 3 หมื่นล้าน วางเครือข่ายสื่อทั้งในและต่างประเทศเป็นระบบ โดย “เสี่ยนิค” เป็นผู้ออกทุน ทั้งยังจัดเวิร์กชอปนักเคลื่อนไหวจากประเทศเพื่อบ้าน มี “ปวิน” รวมถึงภรรยา “โรม” เข้าร่วม เป็นจุดเริ่มต้นของการเปิด “รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส” ในเฟซบุ๊ก แพร่ข้อมูลเท็จจาบจ้วงสถาบัน
ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก” วันศุกร์ที่ 8 กันยายน 2566 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ ได้เปิดโปงขบวนการ ตั๋วปารีส หรือนายทุนผู้อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวเพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 หลังจากรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” เมื่อวันศุกร์ที่ 4 สิงหาคม 2566 ได้เปิดเผยถึงชื่อเสียง และหน้าตาของนายทุน#ตั๋วปารีสซึ่งก็คือ“นายนิค” นพพร ศุภพิพัฒน์อดีตผู้ก่อตั้งบริษัทวินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด
โดย ในปี 2557 นายนิคได้ก่อเหตุจ้างวาน 3 พี่น้องตระกูล อัครพงศ์ปรีชา ซึ่งเป็นอดีตนายทหารและข้าราชการในวัง ขู่บังคับ นายบัณฑิต โชติวิทยะกุล อดีตหุ้นส่วนธุรกิจ ให้ลดหนี้ให้จาก 120 ล้านบาท เหลือ 20 ล้านบาท โดยแอบอ้างเบื้องสูง และเป็นสาเหตุให้ มหาเศรษฐีหนุ่มอย่าง“นิค นพพร”ถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112 และรีบหลบหนีไปยังต่างประเทศ
เมื่อ 9 ปีที่แล้ว ในการหลบหนีออกนอกประเทศ “นายนิค นพพร” หรือนายทุนตั๋วปารีส ได้รับความช่วยเหลือจาก นายแอนดรูว์ แม็กเกรเกอร์ มาร์แชลล์ อดีตผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ชาวสกอตแลนด์ ซึ่งมีภรรยาเป็นคนไทย และหลบหนีคดี ม.112 ออกจากประเทศไทยไปก่อนหน้า โดยนายแอนดรูว์ได้ช่วยเหลือให้นายนิค นพพร หลบหนีผ่าน ชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อไปอาศัยอยู่กับนายแอนดรูว์ และภรรยาที่กัมพูชา ก่อนที่ในอีก 2 วันต่อมา จะนายนิค นพพร จะเดินทางต่อ เพื่อไปลี้ภัยยังประเทศฝรั่งเศส
นอกจากนี้ นายนิค นพพร ยังได้รับความช่วยเหลือจากนายแอนดรูว์ ในการยื่นคำขอลี้ภัย และหลักฐานต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการขอลี้ภัยในประเทศฝรั่งเศสด้วย
หลังจากเปิดเผยถึงเรื่อง#ตั๋วปารีสไปเป็นเดือน แล้วแต่คนที่ถูกเอ่ยถึงทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น นายนิค นพพร ศุภพิพัฒน์ นายแอนดรูว์ แม็กเกรเกอร์ มาร์แชลล์ นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคก้าวไกล พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาท รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล นายปิยบุตร แสงกนกกุล นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
รวมไปถึง แกนนำพรรคก้าวไกลกับคณะก้าวหน้าทั้งหลาย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์,นายช่อ พรรณิการ์ วานิช, นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร, นายชัยธวัช ตุลาธนที่เห็นชอบออกมาแถลงข่าวโน่นนี่ ชอบออกมาโพสต์โซเชียลมีเดีย จุดประเด็นโน้นประเด็นนี้เป็นรายวัน แต่พอเรื่องนี้กลับเงียบสนิท ไม่ออกมาปฏิเสธเรื่อง#ตั๋วปารีสให้ “คอนด้อมส้ม ”กับ พวกสาวกชื่นใจว่าไม่จริง
“บอกมาหน่อยสิครับว่าไม่จริง ไอ้สนธิ ไอ้แป๊ะลิ้ม มันพูดเท็จ จะฟ้องศาลฐานหมิ่นประมาทให้เข็ดหลาบ มันนำเข้าข้อมูลสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จถ้าไม่จริง ก็บอกสิครับ ฟ้องสิครับ หรือพวกคุณไม่กล้า เพราะรู้อยู่เต็มอกว่าเรื่อง#ตั๋วปารีส ที่ผมพูดนั้นเป็นเรื่องจริง หรือ ไม่รู้ว่าเอกสารที่อยู่ในมือผมนั้นยังมีข้อมูลอะไรอีกบ้าง ก็เลยไม่กล้าฟ้อง” นายสนธิกล่าว
นายสนธิ กล่าวอีกว่า ในสื่อไทยบางพวก มีพวกกองเชียร์พรรคก้าวไกลที่ทำตัวเหมือนเป็น นักวิชาการ, ผู้รู้, แสร้งทำตัวเป็น Influencers ชี้นำสังคม ด้วยความรู้และข้อมูลผิด ๆ หรือข้อมูลแบบไม่ครบถ้วน โดยแฝงไว้ด้วย “อคติ” และ “วาระซ่อนเร้น” ในการล้มล้างสถาบัน พอศาลอังกฤษมีคำพิพากษาเรื่องการแย่งชิงหุ้น บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด นั้นก็ออกมาเชียร์ “นายนิค” นพพร ศุภพิพัฒน์ เหมือนเป็นฮีโร่คนหนึ่ง แต่ไม่ได้รู้เรื่องความตื้นลึกหนาบางของคดี และเล่ห์เหลี่ยมของต่างชาติ
เพราะพวกนี้ได้อ่านแค่ สรุปคำพิพากษาศาลอังกฤษความยาวแค่ประมาณ 400 หน้า แต่จริง ๆ แล้วในการให้การของนายนพพร และผู้เกี่ยวข้องกับคดีหุ้นวินด์ เอนเนอร์ยี่ฯ นั้นมีรายละเอียดมากมาย หลายพันหน้า ซึ่งมีข้อมูลและรายละเอียดอะไรที่น่าสนใจมาก ๆ โดยไม่ได้ถูกบรรจุเอาไว้ในคำพิพากษา แต่จะหยิบยกเล่าให้ฟังต่อไปนี้
เปิดลับ กลยุทธ์สื่อ (Media Strategy) ทวงคืนธุรกิจของนายทุน #ตั๋วปารีส
รายละเอียดของการติดต่อสื่อสารระหว่าง นายนิค นพพร กับ นายแอนดรูว์ แม็กเกรเกอร์ มาร์แชลล์ มีอยู่ในเอกสารรายงานคำซักค้านต่อศาลอังกฤษของ“นายนิค” นพพร ศุภพิพัฒน์เมื่อ วันที่ 8 พฤศจิกายน 2565
ทั้งนี้ เวลาขึ้นศาลอังกฤษ ทนายความสามารถดึงข้อมูล หลักฐาน การซักค้านมาจากข้อมูลการใช้โทรศัพท์, ในอีเมล, ใน Chat และข้อมูลการสื่อสารทางช่องทางทั้งหลายที่อยู่ในแอปพลิเคชันต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นWhatsapp ที่ฝรั่งใช้ หรือLINE ที่คนไทยชอบใช้ ข้อมูลที่ล่องลอยอยู่บนคลาวด์ เซิร์ฟเวอร์ (Cloud Storage)
เขามีอำนาจอย่างถูกกฎหมายในการให้หน่วยสืบราชการลับ-หน่วยข้อมูลข่าวกรอง ดึงข้อมูลเหล่านี้มาใช้ในศาล ซึ่งข้อมูลจำนวนมากที่ถูกใช้ซักค้าน“นายนิค นพพร”นั้นก็ถูกดึงมาจากช่องทางการติดต่อสื่อสารของ“นายนิค นพพร”กับ บุคคลต่าง ๆ
คุยทุกเรื่องกับสนธิตอนนี้ จะเปิดเผยถึง รายละเอียดของการติดต่อสื่อสารระหว่าง นายนิค นพพร กับ นายแอนดรูว์ แม็กเกรเกอร์ มาร์แชลล์ อดีตผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ ซึ่งสองคนมีสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นกันมาก และหลังการหลบหนีคดี ม.112 ไปอยู่ฝรั่งเศสแล้วทั้งสองคนก็ได้สุมหัวกัน เพื่อวางแผนจะทวงคืนทรัพย์สมบัติของนายนิค นพพร คืนกลับมา
ทั้งนี้ เวลาขึ้นศาลอังกฤษ ทนายความสามารถดึงข้อมูล หลักฐาน การซักค้านมาจากข้อมูลการใช้โทรศัพท์, ในอีเมล, ใน Chat และข้อมูลการสื่อสารทางช่องทางทั้งหลายที่อยู่ในแอปพลิเคชันต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นWhatsapp ที่ฝรั่งใช้ หรือLINE ที่คนไทยชอบใช้ ข้อมูลที่ล่องลอยอยู่บนคลาวด์ เซิร์ฟเวอร์ (Cloud Storage)
เขามีอำนาจอย่างถูกกฎหมายในการให้หน่วยสืบราชการลับ-หน่วยข้อมูลข่าวกรอง ดึงข้อมูลเหล่านี้มาใช้ในศาล ซึ่งข้อมูลจำนวนมากที่ถูกใช้ซักค้าน “นายนิค นพพร” นั้นก็ถูกดึงมาจากช่องทางการติดต่อสื่อสารของ “นายนิค นพพร”กับ บุคคลต่าง ๆ
คุยทุกเรื่องกับสนธิตอนนี้ จะเปิดเผยถึง รายละเอียดของการติดต่อสื่อสารระหว่าง นายนิค นพพร กับ นายแอนดรูว์ แม็กเกรเกอร์ มาร์แชลล์ อดีตผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ ซึ่งสองคนมีสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นกันมาก และหลังการหลบหนีคดี ม.112 ไปอยู่ฝรั่งเศสแล้วทั้งสองคนก็ได้สุมหัวกัน เพื่อวางแผนจะทวงคืนทรัพย์สมบัติของนายนิค นพพร คืนกลับมา
สำหรับเรื่อง กลยุทธ์สื่อ (Media Strategy) ในคำพิพากษา(หน้าที่ 85)ระบุเรื่องนี้ไว้เพียงสั้น ๆ แค่ 2 ย่อหน้าเท่านั้น เกี่ยวกับเรื่องราวของการติดต่อในการวางแผนเรื่องนี้ระหว่าง นายนิค นพพร นายทุน#ตั๋วปารีสกับ นายแอนดรูว์ แมคเกรเกอร์
แต่ว่าในรายละเอียดคำซักค้านต่อศาลอังกฤษของ “นายนิค” นพพร ศุภพิพัฒน์ เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2565 นั้นมีการพูดถึงเรื่องนี้ เมื่อนำมาถอดเทปแล้วคิดเป็นจำนวนหลายสิบหน้า
ครั้งที่แล้ว ได้เกริ่นให้ฟังไปแล้วว่า นายแอนดรูว์ แมคเกรเกอร์ เป็นผู้วางแผน “การดำเนินปฏิบัติการด้านสื่อ” ให้นายนิค นพพร โดยมีจุดประสงค์หลัก คือ กดดันฝั่งนายณพ ณรงค์เดช ให้คืนหุ้น บ.วินด์ เอนเนอร์ยี่ ให้กับนายนิค นพพร และทำให้ บ.วินด์ เอนเนอร์ยี่ สามารถเข้า IPO หรือ สามารถทำการเสนอขายให้กับประชาชนเป็นครั้งแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ให้ได้
กลับมาที่รายละเอียด เอกสารรายงานคำซักค้านต่อศาลอังกฤษของ“นายนิค” นพพร ศุภพิพัฒน์เมื่อ วันที่ 8 พฤศจิกายน 2565 สรุปให้เข้าใจง่าย ๆ ดังนี้
-ปี 2557 เมื่อ “นายนิค นพพร” สามารถหลบหนีคดีอาญามาตรา 112 และลี้ภัยไปอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศสได้ ก็ยังคงติดต่ออยู่กับ นายแอนดรูว์ อย่างสม่ำเสมอ ในฐานะเพื่อนสนิทที่ให้ความช่วยเหลือต่อกัน
-ต่อมาใน วันที่ 5 มีนาคม 2559(ค.ศ.2016 หรือประมาณ 7 ปีครึ่งที่แล้ว) มีหลักฐานว่า นายแอนดรูว์ แมคเกรเกอร์ ได้ส่งอีเมลโดยแนบ“ร่างกลยุทธ์สื่อ (draft media strategy)”ความยาว 6 หน้ามาให้กับนายนิค นพพร โดยร่างฉบับนี้ นายแอนดรูว์ ใช้ชื่อว่า “Rescuing WEH --- Media Campaign Strategy” หรือแปลเป็นไทยก็คือ “กลยุทธ์แคมเปญสื่อ ในการกอบกู้ วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง”
- ร่างแผนกลยุทธ์สื่อฉบับนี้ นายแอนดรูว์ ส่งให้นายนิค นพพร ผ่านอีเมลที่ชื่อ123sammythebeagle@gmail.com พร้อมกับเขียนข้อความไปในอีเมลถึงนายนิค นพพร ด้วยว่า
“ขออภัยที่ล่าช้า การค้นคว้าใช้เวลานานกว่าที่คิด สิ่งที่แนบมาด้วยนี้ก็คือ ร่างแรกของกลยุทธ์สื่อ เมื่อคุณมีเวลา ก็บอกด้วยแล้วกันว่าคุณคิดว่ายังไง
“หากคุณคิดว่ามันมีประเด็นดี สำหรับการถกเถียงกันต่อ ผมสามารถเดินทางมาปารีสได้ในวันจันทร์ เพื่อพูดคุยกันต่อ ...”
- ไม่กี่วันต่อมา นายนิค นพพร ก็ออกค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และค่าโรงแรมที่พักให้กับนายแอนดรูว์ แมคเกรเกอร์ เพื่อมาประชุมร่วมกันกับ“นายนิค นพพร”ที่กรุงปารีส ฝรั่งเศส เพื่อพูดคุยกันในเรื่องของรายละเอียดของ กลยุทธ์สื่อ (Media Strategy) ต่อ
นี่เป็นรายละเอียดคำให้การของ“นายนิค นพพร” ต่อศาล โดยยอมรับถึงเรื่องการมาประชุมกับ “นายแอนดรูว์ แมคเกรเกอร์” ที่ กรุงปารีส ในช่วงเดือนมีนาคม 2559 เขาว่าอย่างนี้ครับ ผมจะอ่านให้ฟังแบบคำต่อคำ
ต่อไปนี้เป็นคำซักถามในศาล โดยนายนิค นพพรเป็นผู้ตอบ
ถาม - คุณได้พบกับเขา (นายแอนดรูว์) ที่ปารีสในช่วงระหว่างวันที่ 5-20 มีนาคม ใช่ไหม?
นิค นพพร - ใช่ครับ
ถาม - เขาพักที่ปารีสใช่ไหม? คุณได้จ่ายเงินให้เขาเป็นค่าโรงแรมหรือเปล่า?
นิค นพพร -ใช่ครับ ผมคิดว่าอย่างนั้น
ถาม - คุณจ่ายเงินให้เขาพักที่ไหน?
นิค นพพร -ผมจำไม่ได้
ถาม - ในโรงแรมดี ๆ หรือเปล่า?
นิค นพพร- ผมคิดว่ามันเป็นโรงแรมดีแหล่ะ แต่ไม่ใช่โรงแรม 5 ดาว
ถาม - แล้วพวกคุณสองคนนัดพบกันที่ไหนที่กรุงปารีส?
นิค นพพร- น่าจะเป็นที่บ้านพักของผม
ถาม - ที่บ้านพักของคุณ?
นิค นพพร- ใช่ครับ
วันที่ 20 มีนาคม 2559 นายแอนดรูว์ ส่งอีเมลถึงนายนิค นพพร ระบุว่า"ขอบคุณมาก ๆ อีกครั้งสำหรับการรับรองที่ปารีส มันยอดเยี่ยมมากที่ได้เจอคุณ"
หลายคนอาจสงสัยว่า เวลาพวกนี้เขาวางแผนกลยุทธ์ด้านสื่อสารมวลชน เขาทำกันอย่างไร ?
ในแผนกลยุทธ์สื่อเขาลงรายละเอียดถึง
-การกำหนดวัตถุประสงค์ (Objective)
-วางกลยุทธ์ (Strategy)
- กำหนดยุทธวิธี (Tactics) ยกตัวอย่างเช่น การใช้ชื่อบนดิน ใต้ดิน นักข่าว นักวิเคราะห์ ยกระดับเมื่อยุทธวิธีประสบความสำเร็จ
- มีการประเมินความเสี่ยง (Risk)
- มีการกำหนด แหล่งปล่อยข่าว (Sources) ที่พร้อมที่จะพูดในสิ่งที่ทางนิค นพพร และแอนดรูว์ แมคเกรเกอร์ ประสงค์จะปล่อยออกไป ทั้งบนดิน และใต้ดิน
-มีการลิสต์รายชื่อสื่อทั้งต่างประเทศ และในประเทศไทย รวมไปถึงนักวิเคราะห์ที่อยู่ในเครือข่าย อย่างในเอกสารแผนกลยุทธ์สื่อ ที่นายแอนดรูว์ ส่งถึงนายนิค นพพรก็มีการระบุถึง สื่อต่างชาติ ให้ใช้ Financial Times, Bloomberg, Wall Street Journal, Deal Street Asia เป็นต้น สื่อในประเทศ ให้ใช้ บางกอกโพสต์ ระบุชื่อนายนพพร วงศ์อนันต์ซึ่งต่อมาไปอยู่กับ BBC Thai และนายประวิตร โรจนพฤกษ์ ผู้สื่อข่าวของข่าวสดอิงลิช
นอกจากนี้ยังปรากฎชื่อนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์หลายแห่ง เช่น CIMB, KT Zimco, Phillip, ธนชาต, กรุงศรีฯ เป็นต้น
ถามว่าแม้วันนี้ “นายนิค นพพร” จะชนะคดี ที่อังกฤษ ทวงเงิน 30,000 ล้านกลับมาได้ หรือ สามารถกลับมาเป็นเจ้าของ ถือหุ้นใหญ่ บ.วินด์ เอนเนอร์ยี่ ได้จริง ๆ แล้ว“นายนิค นพพร”จะสามารถนำบริษัทของตัวเอง เข้า IPO ในตลาดหลักทรัพย์ได้อย่างไร เพราะตัวเองยังติดคดี ม.112 และเป็นผู้ลี้ภัยอยู่ ?
คำตอบก็คือไม่มีทางทำได้
ดังนั้นหนทางหนึ่งที่เขาจะกลับมาได้แบบเท่ๆ โดยไม่มีคดีพัวพัน วิธีดังกล่าวหนีไม่พ้นก็คือ การล้ม ม.112 เสีย หรือไม่ก็บ่อนเซาะทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ให้อ่อนแอเสียเลย เพื่อ“เพิ่มอำนาจต่อรอง”ให้ตัวเองสามารถกลับมาทวงหุ้น และทรัพย์สิน ของตัวเองให้ได้
ด้วยเหตุนี้ ถึงแม้ว่า “กลยุทธ์แคมเปญสื่อ ในการกอบกู้ วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง(Rescuing WEH --- Media Campaign Strategy)” จะไม่ได้มีเนื้อหาเกี่ยวกับ ขบวนการล้มมาตรา 112 และ ขบวนการทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยโดยตรงก็ตาม
แต่ บุคคลที่ดำเนินการดังกล่าวกลับเป็นบุคคลกลุ่มเดียวกัน ทั้งยังสะท้อนเห็นภาพชัดว่า ความเคลื่อนไหวของคนกลุ่มนี้นั้นมีการดำเนินการอย่างเป็นระบบระเบียบ มีการวางแผนกลยุทธ์ มีการกำหนดยุทธวิธี มีการวางเครือข่ายทั้งสื่อในประเทศ สื่อต่างประเทศ นักวิเคราะห์ นักวิชาการ และนักเคลื่อนไหว มีการกำหนดการให้เงินทุน มีการวาง Timeline วางแผนประเมินความเสี่ยง ต่าง ๆ อย่างรอบคอบ
ดังที่ได้เปิดหลักฐานให้เห็นชัด ๆ ไปแล้วเมื่อครั้งก่อนว่า จากหลักฐานการสนทนาผ่านแอปพลิเคชัน LINE ของนายซิ่ว ศิลปินกราฟิตี้ หรือ ชื่อจริงคือ นายสมรนนท์ แย้มอุทัย ซึ่งออกมาเปิดโปงเรื่องการสัมมนาที่ประเทศฝรั่งเศสของนายทุน และกลุ่มเคลื่อนไหวที่ต้องการล้มสถาบัน
นอกจากนี้ยังเปิดเผยถึงข้อความสนทนาระหว่าง นายซิ่ว กับ K.nick Paris ที่ชัดเจนว่ามีการเชื่อมโยงไปถึงขบวนการด้อยค่าสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยผ่านนักวิชาการ เช่นนายปวิน, นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุลรวมไปถึงการรวบรวมเอาเครือข่ายสื่อมวลชนต่าง ๆ เพื่อรายงานข่าว และส่งปาปารัสซีไล่ตามความเคลื่อนไหวของสถาบันฯ ในต่างประเทศ เพื่อให้เกิดความไม่พอใจในหมู่ประชาชนชาวไทย โดยตัวอย่างที่ระบุไว้ชัดก็คือหนังสือพิมพ์ Bildของเยอรมนี ซึ่งเป็นสื่อเยอรมันที่จ้างช่างภาพปาปารัสซี่ ตามถ่ายภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
“เสี่ยนิค-แอนดรูว์-ปวิน-โรม” ร่วมเสวนา#ตั๋วปารีส
ล่าสุดเมื่อ วันเสาร์ที่ 12 สิงหาคม 2566 นายซิ่ว ศิลปินกราฟิตี้ ยังได้เปิดเผยถึงรายละเอียดบางส่วนของ การ Workshop สัมมนา ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสระหว่างวันที่ 20-22 กรกฎาคม 2561 หรือเมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว ซึ่งใช้ชื่อว่า Southeast Asia and South Asian Workshop & Retreat (Paris, France) 2018 จัดโดยมูลนิธิ อาเซียนเฮาส์ หรือ AsienHaus Stiftung (องค์กรซ่อนรูปของเยอรมนีที่มีบทบาทในการออกมาเคลื่อนไหวสนับสนุนม็อบ 3 นิ้ว อย่างชัดเจน)
โดยในการสัมมนา Workshop ดังกล่าวนอกเหนือจากนักเคลื่อนไหวในประเทศเพื่อนบ้านของไทยเช่น พม่า กัมพูชา ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ปรากฎชื่อของบุคคลที่น่าสนใจอย่าง เช่น นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ น.ส.อิวาน่า คูร์เนียวาติ ภรรยานายรังสิมันต์ โรม ช่างภาพและนักเคลื่อนไหวในสังกัด Amnesty International นายแอนดรูว์ แมคเกรเกอร์ มาร์แชลล์
นอกจากนี้ ในเอกสารบันทึกสรุปการสัมมนา Workshop ดังกล่าวยังมีไฮไลท์ที่สำคัญ คือ ปรากฎชื่อของ “เสี่ยนิค” นพพร ศุภพิพัฒน์ นายทุน #ตั๋วปารีส อยู่ด้วย โดยในประเด็นนี้ นายซิ่ว ศิลปินกราฟิตี้ได้ออกมาจี้ถามให้ นายปวินช่วยตอบด้วยว่า
“ในส่วนของอาจารย์ปวิน รบกวนตอบให้ตรงคำถามนิดนึงนะครับ ว่าถ้าไม่มีอะไร ในขณะที่รายชื่อคนโดน 112 ก็เต็มงาน ทำไมถึงต้องซ่อนชื่อนพพรไว้ล่ะครับ?🙄🙄🙄ก็แค่สัมมนาธรรมดาๆไม่ใช่หรอ ทำไมต้องไม่กล้าเปิดเผยชื่อนี้ล่ะครับ แล้วเงินที่จัดงานวันนั้นเงินใครนะครับ?🙄🙄🙄”
พร้อมทั้งยังโพสต์ต่อด้วยว่า “เสี่ยนิค นายนพพร” แม้จะไม่ได้ปรากฎชื่อว่าเป็นผู้เข้าร่วมสัมมนา แต่ก็มีหลักฐานว่าอยู่ในงานสัมมนา และได้พบเจอกับนายปวิน และนายแอนดรูว์ ทั้งยังนั่งเกือบจะหัวโต๊ะของการสัมมนาดังกล่าวด้วย!
ในที่นี้ จะไม่ลงลึกไปถึงเนื้อหาของการสัมมนา Workshop ครั้งดังกล่าวที่ กรุงปารีส ฝรั่งเศส เพราะจะมีรายละเอียดมากเกินไป แต่สามารถหาอ่านในทวิตเตอร์ และโซเชียลมีเดียของนายซิ่วได้
อย่างไรก็ตาม มีหลักฐานว่า การสัมมนาดังกล่าวนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของหลาย ๆ อย่าง ยกตัวอย่างเช่น ขบวนการ และแนวร่วมม็อบ 3 นิ้ว, ม็อบนักศึกษาในอีกหลายปีต่อมา, การจัดตั้งกลุ่มเฟซบุ๊ก 'รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส' ซึ่งนายปวินก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนเมษายน 2563 เพื่อปลุกระดม ปล่อยข่าวเท็จ ข่าวปลอม และข้อมูลต่าง ๆ เพื่อให้ร้าย และทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยกลุ่มเฟซบุ๊กดังกล่าวในเวลาต่อมามีผู้เข้าร่วมนับล้านคน
นี่คือการจัดการของเขา จากการวางกลยุทธ์สื่อบนกระดาษเพียงไม่กี่หน้า นำมาสู่การสัมมนาเชิงปฏิบัติการ สร้างแนวร่วม และนำมาสู่การใช้สื่อเพื่อปลุกระดมผู้คนในประเทศ รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านของเราให้เข้าร่วมกับการเคลื่อนไหวของเขา เพื่อล้มล้างสถาบันหลัก สถาบันสำคัญในประเทศไทย เพื่อเป้าประสงค์ของตัวเองไม่ว่าจะเป็นการ ยกเลิกกฎหมายอาญามาตรา 112, การล้มล้างสถาบันกษัตริย์ หรือ การเปิดประตูให้ฝรั่ง ชาติตะวันตกเข้าแทรกแซงการเมืองในประเทศไทย และในภูมิภาคอาเซียน
ด้วยเหตุนี้ จึงไม่แปลกใจเลยที่ทำไม ในช่วงหลังเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม เมื่อพรรคก้าวไกล และคุณพิธาออกมาแสดงว่าอหังการ์มมังการ จะเป็นรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี แต่ถูกประเทศเพื่อนบ้านไม่ว่าจะเป็น พม่า หรือกัมพูชา ออกมาแสดงความเป็นปฏิปักษ์อย่างชัดเจน ก็เป็นผลพวงมาจากการกระทำเหล่านี้ทั้งสิ้น
“ไว้ผมจะทยอยนำรายละเอียดเรื่อง#ตั๋วปารีสนี้มาเรียบเรียง สรุปให้ฟัง และขยายความต่อว่า ขบวนการอันชั่วช้านี้ได้ทำอะไรไปแล้ว กำลังทำอะไรอยู่ และจะทำอะไรเพิ่มเติมอีกต่อไปในอนาคตครับ” นายสนธิกล่าว