“สนามบินดอนเมือง” ส่งหนังสือเชิญสื่อทำข่าว ทักษิณ กลับไทยผ่านไลน์กรุ๊ปก่อนลบข้อความทิ้ง อ้างยังไม่ได้รับการอนุมัติจากผู้บริหาร ด้าน ผอ.ดอนเมือง แจง จม.เชิญสื่อทำข่าวทักษิณเป็นแค่ฉบับร่างที่ยังไม่สมบูรณ์
เมื่อวันที่ 20 ส.ค. มีรายงานว่า พบฝ่ายกิจการพิเศษและมวลชนสัมพันธ์ ฝ่ายอำนวยการท่าอากาศยานดอนเมือง ได้ส่งหนังสือเรียนเชิญนักข่าว และสื่อมวลชนที่มีความประสงค์ทำข่าว การเดินทางมาประเทศไทยของอดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ ชินวัตร ในวันที่ 22 ส.ค. 66 โดยขอความกรุณาลงทะเบียนผ่าน QR Code ภายในวันที่ 21 ส.ค. 66 เวลา 16.00 น.
ทั้งนี้ ขอสงวนสิทธิ์ให้นักข่าวและสื่อมวลชน สำนักข่าวละ 4 ท่าน และสามารถมารับบัตรเข้าพื้นที่ได้ในวันที่ 22 ส.ค. 66 ตั้งแต่เวลา 06.00 น.เป็นต้นไป ณ บริเวณอาคารคลังสินค้าที่ 4 ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) โดยขอให้ใช้ประตูทางเข้าช่องทาง 9 ทดม. (สถานีบริการเชื้อเพลิง ปตท.) และกรุณานำบัตรประชาชน พร้อมทั้งบัตรประจำตัวผู้สื่อข่าวมาแสดง ณ จุดลงทะเบียนด้วย
นอกจากนี้ ยังได้แผนผังพื้นที่จอดรถ และเส้นทางเดินรถของท่าอากาศยานดอนเมืองแนบมาด้วย โดยท่าอากาศยานดอนเมืองได้จัดเตรียมที่จอดรถรองรับไว้ประมาณ 410 คัน ประกอบด้วย บริเวณหน้าอาคารจอดรถ 5 ชั้น (100 คัน) สำหรับประชาชน, ด้านหน้าคลังสินค้าที่ 4 (50 คัน) สำหรับสื่อมวลชน, ด้านข้างคลังสินค้าที่ 4 (60 คัน) สำหรับพรรคการเมืองและรัฐบาล และที่จอดรถระยะยาวด้านทิศใต้ (200 คัน) สำหรับประชาชน อย่างไรก็ตาม ท่าอากาศยานดอนเมืองไม่อนุญาตให้รถเข้าช่องทางเข้าอาคาร MJET (ติดแนวถนนเทวฤทธิ์พันลึก) โดยให้ใช้การเดินเข้าไปแทน
อย่างไรก็ตาม พบว่าหนังสือเชิญนี้ทางฝ่ายกิจการพิเศษฯ ได้ส่งผ่านไลน์กรุ๊ปสื่อมวลชนกระทรวงคมนาคม โดยส่งมาประมาณ 3 นาทีก่อนลบออกไป เบื้องต้นทราบว่าหนังสือเชิญดังกล่าวยังไม่ได้ผ่านการอนุมัติจากผู้บริหาร จึงต้องยกเลิกการส่งหนังสือเชิญดังกล่าว
ต่อมาวันนี้ (21 ส.ค.) นายการันต์ ธนกุลจีรพัฒน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมือง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงกรณีมีการแชร์ เอกสารที่ ทอท.ส่งจดหมายเชิญสื่อมวลชนลงทะเบียนทำข่าว ทักษิณ ชินวัตร เดินทางกลับไทย ก่อนจะลบไปในเวลาต่อมา
โดย ผอ.ดอนเมืองยอมรับว่าเจ้าหน้าที่ ทอท.ได้ส่งจดหมายดังกล่าวเข้าไปในไลน์กรุ๊ปสื่อมวลชนกระทรวงคมนาคมจริง ส่วนสาเหตุที่ต้องมีการยกเลิกจดหมายดังกล่าว เนื่องจากจดหมายดังกล่าวยังเป็นเพียงฉบับร่างเท่านั้น ยังไม่ถูกต้องสมบูรณ์ 100% แต่เจ้าหน้าที่ ทอท.เข้าใจคลาดเคลื่อนนำไปโพสต์ในกลุ่มสื่อมวลชนกระทรวงคมนาคม