xs
xsm
sm
md
lg

“สนธิ” สอนรุ่นน้องสื่อ อย่าทำตัวเป็นสากกะเบือ หลงเคลิ้มตาม “ละครลิงชูวิทย์”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“สนธิ” ขอสอนรุ่นน้องลูกหลานคนทำสื่อ อย่าทำตัวเป็นสากกะเบือ ก่อนไปฟังแถลงข่าวควรทำการบ้าน ไม่เช่นนั้นจะตกเป็นเหยื่อ “ชูวิทย์” เล่นละครลิง โกหกครั้งแล้วครั้งเล่าก็ยังเล่นตาม ไม่ตั้งข้องสงสัย ยกตัวอย่าง อ้างว่าทำคีโมตอนเช้าแต่ตอนบ่ายแถลงข่าวกระโดดโลดเต้น ทั้งที่คนทั่วไปหากทำคีโมต้องนอนพักอย่างน้อย 1 วัน เตือนสื่อหากยังนำข้อมูลเท็จชูวิทย์มาแพร่ต่อจะโดนฟ้องเสียเอง



ในรายการ  “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก” วันศุกร์ที่ 18 สิงหาคม 2566 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ ได้กล่าวถึงการทำข่าวของสื่อมวลชน จากกรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตนักการเมืองและเจ้าของธุรกิจอาบอบนวด แสดงท่าทีคุกคามนักข่าวเครือผู้จัดการ กล่าวหาว่าไม่ใช่นักข่าว ไม่เขียนข่าวตามที่แถลง และไล่ออกจากห้องในการการแถลงข่าวที่โรงแรมเดอะเดวิส บางกอก เมื่อวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา

นายสนธิ กล่าวว่า อยากจะพูดถึงบรรดานักข่าวทุกคน หัวหน้าข่าว บรรณาธิการข่าว ของโทรทัศน์ทุกช่อง หนังสือพิมพ์ทุกฉบับ อยากให้สั่งสอนลูกน้อง หรือบางกรณีตัวบก.ว่าต้องมีศักดิ์ศรีบ้าง รู้จักวิชาชีพของคุณเอง การออกไปทำข่าวนั้นต้องรู้ว่า ในกรณีแถลงข่าว หรือไลฟ์สดของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หรือใครก็ตาม นักข่าวต้องไม่ทำตัวเป็นสากกะเบือ ถูกสะกดจิต นั่งฟังอย่างเดียว จดทุกอย่างที่เขาพูดออกมา


อย่างกรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นี่ชัดเจน นักข่าวที่มีสติปัญญา แล้วสมองไม่กลวง ไม่ใช่หัวสากกะเบือ ก่อนไปต้องทำการบ้านเสียหน่อย การบ้านนี่มันให้เจอเยอะมาก ท่านผู้ชมรู้หรือเปล่าว่า ข่าวในเครือผู้จัดการนั้น มีการเก็บข่าวข้อมูลย้อนหลังถึง 20 ปี อยู่ใน archive อะไรที่เกิดขึ้นเมื่อ 20 ปีที่แล้ว เรียกขึ้นมาดูได้ตลอดเวลา เรียกว่าถังข่าว นักข่าวผมทุกคนจะทำเรื่องอะไร เขาจะดึงข่าวเก่าว่าเคยมีพูดถึงเรื่องนี้บ้างไหม

เพราะฉะนั้นถ้านักข่าวของพวกคุณ พวกหัวหน้าข่าว และบรรณาธิการข่าว จะไปทำเรื่องคุณชูวิทย์ คุณต้องสั่งสอนทันทีเลยว่า อย่าทำตัวเป็นสากกะเบือ เขาพูดอะไรให้คิดตาม ถ้าไม่เห็นด้วย หรือไม่เห็นอะไร หรืออยากจะขอความเห็นเพิ่มเติม ให้ยกมือถามเขา เพราะคุณชูวิทย์ชอบใช้เสียงเป็นตัวกลบ ถ้าคุณทำการบ้านล่วงหน้า คุณจะรู้ว่าประวัติคุณชูวิทย์ ตั้งแต่ออกมาแฉเรื่องรถไฟฟ้าสีส้ม ไล่มาเรื่อยๆ นั้น 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ โกหกหมด แล้วก็จับโกหกได้คาหนังคาเขา คุณไม่คิดถึงประเด็นนี้บ้างเลยหรือว่า คุณนี่นะ ซ้ำแล้วซ้ำอีก ถูกนักโกหกตัวยง ซึ่งพิสูจน์ได้แล้วว่าโกหกตั้งไม่รู้กี่เรื่อง ให้คุณไปฟังเขาโกหกต่อ แล้วบางคนก็โง่พอที่จะเอาคำโกหกนั้นมาลงหนังสือพิมพ์ของตัวเอง แท้ที่จริงแล้ว คุณชูวิทย์เขาหลอกใช้คุณ


ใครก็ตามที่เคยโดนคุณชูวิทย์แฉ ถ้าคุณจะฟ้องหมิ่นประมาทคุณชูวิทย์ อย่าฟ้องคุณชูวิทย์คนเดียว สื่อมวลชนเจ้าไหน ทีวีช่องไหน ที่เอาคำโกหกของคุณชูวิทย์ออก คุณต้องฟ้องหนังสือพิมพ์ฉบับนั้น ฟ้องทีวีช่องนั้น ฟ้องบรรณาธิการข่าว ฟ้องผู้อำนวยการทีวี ฟ้องแม้กระทั่งเจ้าของทีวี

ที่ต้องฟ้องเพราะว่าเสือกโง่ เอาข้อมูลอันเป็นเท็จ คือพูดง่ายๆ ว่าถูกคุณชูวิทย์หลอกเอาไปลงข่าว ผมก็อยากจะรู้ว่า สักวันหนึ่ง คุณสรยุทธ ถ้าเอาข่าวที่คุณชูวิทย์พูด ถ้าพาดพิงถึงผมแล้วไม่จริงนะ หรือใครก็ตาม ที่ไม่จริง ผมไม่ฟ้องคุณชูวิทย์หรอก เพราะคุณชูวิทย์ไม่มีราคามากพอ แต่ผมจะฟ้องเจ้าของช่อง ช่อง 3 ตระกูลมาลีนนท์ ผมฟ้องให้หมดเลย รวมทั้งคุณสุรินทร์ด้วย ในฐานะเป็นผู้อำนวยการ ฟ้องคุณสรยุทธด้วย แต่ผมไม่ฟ้องคุณชูวิทย์ ไม่มีราคาให้ผมไปแตะ ขยะแขยง สะอิดสะเอียน

คนแถลงข่าวที่ชอบโกหกเป็นประจำอย่างคุณชูวิทย์ พวกคุณต้องทำงานล่วงหน้า ถ้าคุณทำการบ้านล่วงหน้าคุณจะรู้ทันทีเลยว่าคุณชูวิทย์ในรอบ 5-6 เดือนที่ผ่านมานี้ โกหกเรื่องอะไรบ้าง แต่กลับเป็นเรื่องที่คุณเฉย ตรงนี้ต่างหากที่ผมกำลังตั้งข้อสงสัยครับนักข่าวทั้งหลาย บก.ข่าว และหัวหน้าข่าว พวกคุณไม่เช็กข่าวเก่าเลยหรือ คุณชูวิทย์เขาขุดหลุมพรางให้คุณเข้าไป คุณก็ตกไปในหลุมพรางกับดักเขา แล้วคุณก็รับทราบคำโหก แล้วก็เอามาเขียนข่าวและส่งไป

จริงๆ แล้วคุณต้องบอกลูกน้องคุณ เวลาไปทำข่าวที่ไหน ต้องไปด้วยความระมัดระวังอย่างสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคุณชูวิทย์ ว่าจะตกเป็นเหยื่อการโกหก พลาดพลั้ง เอาข้อความที่คุณชูวิทย์พูดโดยไม่ตรวจสอบ หรือสอบให้แน่ชัด เอามาเขียนข่าว ส่งให้หัวหน้าข่าว เพราะฉะนั้นแล้ว ผมไม่อยากให้พวกคุณ บก.ข่าว หัวหน้าข่าว สื่อกระแสหลัก ไปตกหลุมพรางของคุณชูวิทย์ เอาข่าวขึ้น เพียงเพราะว่านายชูวิทย์กำลังดัง พวกคุณมีโอกาสสูงที่จะตกเป็นจำเลยในคดีหมิ่นประมาท แล้วผมขอยุยงส่งเสริมใครก็ตามที่ลงข่าวนายชูวิทย์ แล้วโดนนายชูวิทย์โจมตี นอกจากคุณจะฟ้องนายชูวิทย์แล้ว กรุณาฟ้องหนังสือพิมพ์อีก


นี่ยังดีนะ แสนสิริ เขาไม่อยากทะเลาะกับสื่อมวลชน ถ้าเป็นผม ผมฟ้องหมดเลย ไม่ว่าช่องอะไรก็ตามที่ลงข่าวว่าแสนสิริเจตนาทุจริต ฉ้อฉล ในการซื้อขายที่ดิน จริงๆ แล้วพวกคุณควรจะเป็นจำเลยพร้อมกับนายชูวิทย์นะ แต่สำหรับผมแล้ว ผมยืนยัน ผมจะไม่ฟ้องนายชูวิทย์ แต่ผมจะฟ้องช่องต่างๆ ที่เอาเรื่องราวของผมไปออก หรือเรื่องราวที่มันกระทบต่อสิทธิของผม หมิ่นประมาทผม แล้วผมฟ้องไล่เรียงเลย ตั้งแต่บรรณาธิการข่าว หัวหน้าข่าว ผู้อำนวยการข่าว ไปจนถึงผู้ถือหุ้นด้วย ผมรอที่จะฟ้องช่อง 3 อยู่ คุณสรยุทธ คุณอย่าพลาดนะ คุณสรยุทธ สุทัศนะจินดา คุณอย่าพลาดนะ คุณซี้กับชูวิทย์ เอาสิ ลงไปเลย ที่ชูวิทย์พูดถึงผมน่ะ ที่ทำให้ผมเสียหาย ลงไปสิ! แล้วคุณเจอผมในศาลแน่ สรยุทธ สุทัศนะจินดา

หัวหน้าข่าว และ บก.ข่าว คุณต้องสั่งให้ลูกน้องคุณทำการบ้านล่วงหน้า ให้เขารู้จักถามคำถาม อย่าทำตัวเป็นสากกะเบือ ทุกอย่างที่ถาม บอกว่ามีหลักฐานไหม แล้วผมจะเตือนอย่างหนึ่งนะครับ ชูวิทย์ชอบใช้วิธีนี้ หลักฐานอยู่นี่ครับ หลักฐานอยู่นี่ครับ แล้วก็วาง นักข่าวโง่ๆ อ๋อ คุณชูวิทย์ชูหลักฐานแล้ว แล้วคุณเห็นเนื้อในหรือเปล่าว่ามันคืออะไร เหมือนกับที่ชอบบอกว่า ผมมีนะ แชตคุยกันกับคนที่เกี่ยวข้อง นี่ไง แชต คุณไม่รู้ว่าที่เขากดให้คุณดู ซึ่งคุณนั่งห่าง คุณมองไม่เห็นหรอก อย่าไปตกหลุมพรางนี้


ชอบนักที่เอาเอกสารมา มีแฟ้ม นี่ไง อยู่กับผมๆ คุณเคยสังเกตไหม คุณชูวิทย์เวลาแถลงข่าวอะไรต้องมีกระดานสีขาว ไม่ว่าจะแถลงส่วนตัว หรือว่าแถลงผ่านรายการคุณสรยุทธ จับโน่นโยงนี่ จับนี่โยงนั่น โยงมันฉิบหายวายป่วงหมดเลย ทั้งๆ ที่ไม่เกี่ยวกันก็โยง แล้วแต่ละจุดมันมีคำถามในการโยงทุกครั้งที่คุณโยง ต้องถาม นี่เขาเรียกว่าอะไรรู้ไหมท่านผู้ชม ? "จับปลาตอนน้ำขุ่น" คือกวนให้มันขุ่นก่อนแล้วเอามือล้วงไปจับ ปลากำลังดิ้นอยู่ จับ

เวลาคุณชูวิทย์เขาชูเอกสารเป็นปึก นักข่าวที่ไม่มีประสบการณ์ เห็นเอกสารเป็นปึก ก็จะปล่อยผ่าน คุณต้องถามคุณชูวิทย์ว่า เอกสารที่คุณมี แจกให้พวกผมดูได้ไหม ถ้าเขาปฏิเสธจะให้เอกสารแจกให้ผู้สื่อข่าว คุณต้องประท้วงทางอ้อมว่า ถ้าอย่างนั้นผมก็ไม่สามารถจะยืนยันคำพูดที่คุณพูดไป เพราะคุณพูดจากปากคุณเอง แล้ว บก.ข่าว หัวหน้าข่าว ก็สามารถจะระบุให้ผู้ติดตามเรื่องนี้อยู่ ต้องระบุในเนื้อข่าว ถ้าจะเขียนจริงๆ ตีพิมพ์ หรือพิธีกร ต้องพูดบอกว่า ทางช่องนี้ ผู้สื่อข่าวได้ติดตามขอดูข้อมูลหลักฐาน แต่คุณชูวิทย์ไม่ให้ดู เพราะฉะนั้นแล้ว ข้อความที่คุณชูวิทย์พูดมา ก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าจริงหรือไม่จริง แต่นักข่าวภาคสนามที่นั่งชูคอกันสลอนเลย เป็นเหยื่อของชูวิทย์

เวลาทำข่าว คุณไม่เคยสังเกตหรือว่า คุณชููวิทย์เขาจะดรามาเพื่อขอความเห็นใจ มุกช่วงหลังๆ ที่ใช้มาประจำก็คือ ผมจะอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว หมอบอก 8 เดือน แล้วหมอที่บอกคุณว่าอยู่ได้อีก 8 เดือน


ผมอยากรู้เป็นหมอที่ไหน ผมเกิดมาเพิ่งเคยเจอว่า หมอมาบอกคนไข้ว่าอีกไม่กี่เดือนคุณจะตายแล้ว และจริงๆ แล้วผมยังไม่รู้เลยนะคุณชูวิทย์เขาเป็นมะเร็งอะไรหรือเปล่า ผมไม่ทราบจริงๆ แล้วผมก็งง พวกนักข่าวทั้งหลาย วันนั้นคุณชูวิทย์มาแถลงข่าวว่า เมื่อเช้านี้ผมเพิ่งออกมาจากโรงพยาบาล ไปทำคีโมมา แล้วบ่าย คุณชูวิทย์กระโดดโลดเต้นเหมือนลิงเลย ถ้านักข่าวมีสติปัญญาสักนิด ถ้ามีเพื่อนฝูง มีญาติพี่น้องที่เป็นมะเร็ง ไปทำคีโม คุณไม่เคยสังเกตหรือว่าคนที่ทำคีโม พอทำเสร็จ อย่างน้อยต้องนอนสัก 2-3 วัน แข็งแรงที่สุดคือนอน 1 วัน ไม่ใช่ออกมาตอนเช้า แล้วตอนบ่ายมากระโดดโลดเต้น คุณต้องตั้งข้อสงสัยตรงนี้ แล้วคุณก็สามารถถามคุณชูวิทย์ได้ ถามคุณชูวิทย์ให้เจาะใจกันเลยว่า คุณชูวิทย์ครับ ไปทำคีโมที่โรงพยาบาลไหน คุณชูวิทย์อาจจะบอกว่าเป็นความลับส่วนตัว บอกไม่ได้ คุณก็ถามต่อสิ ผมมีพี่เป็นหมอ มีเพื่อนเป็นหมอ ทุกคนยืนยันว่าเวลาทำคีโมนั้น เมื่อทำเสร็จเรียบร้อยแล้วต้องพักผ่อนอย่างน้อย 1-2 วัน นี่คุณชูวิทย์ไม่พักเลย แสดงว่าคุณชูวิทย์ร่างกายแข็งแรงมาก ถ้าแข็งแรงมากก็แสดงว่าไม่ได้เป็นมะเร็งสิ

เพราะฉะนั้นแล้ว นักข่าวอย่าไปเคลิบเคลิ้มกับที่ว่า เขาอยู่อีก 8 เดือน เพราะฉะนั้นสิ่งที่เขาพูด เขาแฉเพื่อชาติ มันจะเป็นความจริง เพราะนี่คือม่านบังตา นี่คือการอำพรางว่าเพราะผมจะอยู่อีกไม่นาน เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมพูด อย่าถามผม เป็นความจริงหมด นักข่าวต้องไม่เคลิบเคลิ้มไปกับคำพูดนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอีกไม่นานผมก็ตายแล้ว โอ๊ยย ร้องห่มร้องไห้กัน แฟนชูวิทย์เคลิ้ม น้ำตาไหลพราก ผมยังไม่รู้เลยว่าไหลพรากเรื่องอะไร เพราะความจริงมีหนึ่งเดียว คุณชูวิทย์ครับ ให้คุณตายไปแล้วเกิดใหม่อีก 10 ชาติ ความจริงไม่มีวันเปลี่ยนแปลง มันจะคงสภาพเป็นความจริงอันเดิมครับ คุณชูวิทย์ คุณตายไปเลย ตายไปพรุ่งนี้ก็ได้ ความจริงที่บอกว่าคุณโกหก ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลง ความจริงที่บอกว่าคุณจะไปแบล็กเมลแสนสิริ กับคุณเศรษฐา ก็ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง


เพราะฉะนั้นแล้ว อย่างเช่นเรื่องคีโม หัวหน้าข่าว บก.ข่าว คิดไม่ตกเลยหรือ คุณเป็นคนที่มีประสบการณ์มาก คุณน่าจะรู้เลย คุณยกหูโทรศัพท์ทันที แหล่งข่าวคุณมีเยอะ คุณหมอครับ คนที่ไปทำคีโม คุณชูวิทย์อ้างว่าไปทำมาเมื่อเช้า ออกจากโรงพยาบาลมาแล้วไปทำงานต่อ โอกาสเป็นไปได้มีกี่เปอร์เซ็นต์

แล้วหัวหน้าข่าว บก.ข่าว คุณต้องสอนนักข่าวคุณ เทคนิคของคุณชูวิทย์อีกอย่างหนึ่งคือ ชอบทำเสียงดัง ส่งเสียงดัง พอถึงจุดทีตัวเองตัน ถอยไม่ได้ ไปต่อไม่ได้ ก็พลิกประเด็นเปลี่ยนไปเรื่องอื่นทันทีเลย ทิ้งไปเลย

ถ้านักข่าวคิดเป็น ไม่ได้ถูกสะกดจิตจากนายชูวิทย์ หรือไปฟังนายชูวิทย์แถลงข่าวอย่างโง่ๆ ก็ต้องรู้ถึงความผิดสังเกตของการกระทำของนายชูวิทย์ อะไรบ้างล่ะ ? ผมเคยพูดไปอาทิตย์ที่แล้วไง ผมมาเตือนสติความจำอีกที


นักข่าวทั้งหลาย พวกคุณจำได้หรือเปล่า ก่อนการเลือกตั้ง ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ด่าพรรคภูมิใจไทย ด่าอนุทิน ชาญวีรกูล จนเสียผู้เสียคน ด้อยค่ากัญชา ใครไม่เห็นด้วยกับกัญชา ก้จะไปขึ้นเวทีกับเขา ขึ้นเวทีกับพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ คนหิวแสงเจอคนหิวแสงด้วยกัน


คุณนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ก็เห็นด้วยกับคุณชูวิทย์เรื่องกัญชา คุณชูวิทย์ไปช่วยหาเสียงให้ คุณวัชระ เพชรทอง คือใครที่ออกมาแล้วชูว่ากัญชาเป็นยาเสพติด คุณชูวิทย์จะไปหาเสียงให้เสร็จเลย แต่จู่ๆ หลังจากที่ด่าเขาเป็นหมูเป็นหมา เป็นเดือนๆ ไม่หยุด นอกจากนั้นยังพูดต่อนะ ผมจะทำลายพรรคภูมิใจไทย ไม่ให้มันเข้ามามี ส.ส. โน่นนี่นั่น จู่ๆ เงียบเลย ไม่พูดถึงเลยแม้แต่นิดเดียว แล้วคนตั้งข้อสงสัยก็เลยชงเรื่องให้โฆษกประจำตัว คุณสรยุทธ สุทัศนะจินดา ก็ถามว่า ทำไมถึงหยุดพูดถึงเรื่องกัญชา กับภูมิใจไทย

คุณชูวิทย์ ตอบแบบหน้ายางมะตอยเลยว่ามันจบแล้วครับ ไม่มีแล้ว คุณอนุทิน (ที่คุณด่าโคตรพ่อโคตรแม่เขามาตั้งนาน) เขาก็ต้องทำหน้าที่ที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติต่อไป


ท่านผู้ชมครับ หัวหน้าข่าวครับ บก.ข่าวครับ คุณไม่รู้สึกผิดสังเกตบ้างเหรอ ตามประสบการณ์ของคุณ ของการกระทำ คุณไม่รู้สึกผิดสังเกตเลยหรือ คนที่รู้เรื่องทั้งหมดดีแล้วสังเกต มันจบเพราะอะไรกัน มันจบเพราะตกลงกันได้แล้วใช่ไหม การตกลงกันนี้มีเงินทองเข้ามาเกี่ยวข้องหรือเปล่า มีใครทำเงินหล่นหรือเปล่า เพราะคนอย่างคุณชูวิทย์ ถ้าตกลงกันไม่ได้ แกไม่หยุดหรอก

ตัวอย่างนี้ ท่านผู้ชมครับ นักข่าวครับ สะท้อนให้เห็นถึงสีสันและตัวจริงของคุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ซึ่งคุณษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ตั้งฉายาว่า "แฉไป ไถไป"

นี่เป็นเพียงเรื่องที่จะให้คำแนะนำว่า นักข่าวทุกคนควรจะทำหน้าที่ตามวิชาชีพที่ควรเป็น ถ้าคุณแค่ไปฟังเฉยๆ จดทุกอย่างที่เขาพูด ผมจะเสนอว่า สื่อหลัก หนังสือพิมพ์ทุกฉบับ ทีวีทุกช่อง คุณไม่ต้องไปจ้างนักข่าวที่จะไปฟังคุณชูวิทย์พูดหรอก เสียเงินเปล่าๆ เสียเวลา คุณจ้างแกร็บ หรือไลน์แมน ไปนั่งฟังช่วยอัดเทปมา จบแค่นั้น ผมสงสารอาชีพและวิชาชีพของสื่อมวลชนในวันนี้มาก

จ่อยื่นสอบนิติกรรมอำพรางที่ดินสุขุมวิท 24

คุณชูวิทย์ครับ เรื่องที่ดินของคุณ(ในซอยสุขุมวิท 24) ที่ผมออกไปอาทิตย์ที่แล้วว่ามีโอกาสเป็นนิติกรรมอำพราง แล้วคุณก็บอกกับคนใกล้ชิดว่า เอ๊ย ผมไม่ผิด ไม่เป็นไรครับคุณชูวิทย์ เพื่อความยุติธรรมระหว่างคุณกับผม ข้อมูลผมอาจจะผิดก็ได้ อีกไม่นานนี้ เพื่อความยุติธรรม ตรงไปตรงมา และผมเป็นคนชัดเจนมาก ผมจะไปยื่นคำร้องที่กรมสรรพากรให้เขามาตรวจสอบเรื่องนิติกรรมอำพรางนี้ ว่า ในสายตาของกรมสรรพากร หลังจากดูหลักฐานของผมทั้งหมดแล้ว เรียกหลักฐานจากคุณมาดูแล้ว เขาคิดว่าเป็นนิติกรรมอำพรางหรืรอเปล่า ผมจะไปยื่นด้วยตัวเอง ตรงไปตรงมา คุณชูวิทย์ครับ ผมไปแน่นอน เหมือนกับผมไปยื่นเรื่องที่ดินของคุณที่สุขุมวิท ที่คุณประกาศว่าจะให้เป็นสวนสาธารณะ

ผมไปยื่นที่ ป.ป.ช. ผมทำจดหมายถึง กทม. แล้วผมก็จะไปยื่นคำร้องเรื่องร้องเรียนให้ตรวจสอบด้วยที่ กทม. สำนักงานโยธาของ กทม. ว่า ผมมีหลักฐานอยู่ในมือว่าใบอนุญาตก่อสร้างที่สามารถสร้างได้ถึง 60,000 ตารางเมตรนั้น ผมมีหมด คุณต่ออายุตั้งแต่ปีแรกที่คุณขอไป มาเรื่อยๆ ตลอด ท่านผู้ชมรู้ไหม 20 ปี ใบอนุญาตนี้ยังขอต่ออายุอยู่ ผมจะถามว่าใบอนุญาตนี้ได้มาอย่างไร

ทุกวันนี้การจะก่อสร้างอาคารอะไรก็ตาม มันต้องผ่าน EHIA เอาล่ะ ยุคนั้นอาจจะไม่ต้องผ่าน แต่มายุคนี้แล้ว ถ้าเจ้าหน้าที่ยังต่ออายุให้โดยที่ไม่ยื่นเข้าตามระบบที่ถูกต้อง คือต้องผ่าน EHIA ว่าไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม แสดงว่าเจ้าหน้าที่ กทม. บางส่วนหรือบางคนสมรู้ร่วมคิดกับคุณชูวิทย์ กระทำผิดมาตรา 157 อย่างนี้ดีกว่าคุณชูวิทย์ ถ้าทำผิดแบบนี้ วิธีนี้ ผมว่าเป็นคนกลาง คุณกับผมไม่ต้องทะเลาะกัน


คุณชูวิทย์รู้ไหมว่าผมเคยเตือนคุณไปหลายต่อหลายครั้งแล้วเรื่องบาปบุญคุณโทษ เวรกรรมมันจะไล่ล่าคุณ เวรกรรมไล่ล่าคุณ คุณไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วคุณกำลังรับกรรมอยู่ กรรมมันกำลังไล่ล่าตัวคุณ แล้วกรรมมาจากไหนล่ะ ? จากการที่คุณเคยทำธุรกิจบาป คุณโกหกพกลม หักหลังคน ทำร้ายคนด้วยคำพูด ทำร้ายคนโดยไม่มีพื้นฐานแห่งความเป็นจริง คุณอาจจะไม่เชื่อเรื่องกรรมก็ได้ แต่ผมเชื่อ ผมไม่อยากจะเอ่ยชื่อพ่อแม่ครูอาจารย์ของผม ซึ่งคุณไม่ค่อยรู้จักหรอก คุณอาจจะเคยได้ยินแต่ชื่อ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน หลวงปู่ชอบ ฐานสโม หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี หลวงปู่หล้า เขมปัตโต สมเด็จญาณสังวรฯ ทุกองค์ท่านยืนยันว่า "กรรม" เป็นอะไรบางอย่างที่มนุษย์เราในโลกนี้ไม่มีใครหนีพ้น คุณก็หนีไม่พ้น คุณชูวิทย์ คุณต้องรับไป

ถึงวันนี้ คุณชูวิทย์ครับ คุณจะอ้างเอาเรื่องโกหกพกลมใกล้ตายมาเป็นข้ออ้าง เพื่อแสวงหาประโยชน์ เพื่อให้คนเขาเชียร์คุณว่าคนใกล้ตายแล้วเขาไม่พูดโกหก คุณชูวิทย์ คุณรู้หรือเปล่าว่าคนเราเวลาจะตาย จิต สภาพจิตสุดท้ายก่อนตายของคุณ ถ้าคุณยังหมกมุ่น หรือถูกเผาไหม้จากความทุกข์ใจเรื่องทรัพย์สินเงินทองของคุณ แล้วลูกคุณอยู่ต่อไปจะเป็นอย่างไรบ้าง คุณชูวิทย์เชื่อผมสิ คุณตกนรกแน่นอน ผมทำนายล่วงหน้าเลย

คุณชูวิทย์ครับ ผมเตือนคุณ เคยเตือนมาหลายครั้งแล้ว ผมจะเตือนคุณอีก ถ้าคุณยังไม่รู้จักกลับตัว หันมาพูดความจริง อย่าโกหกพกลม อย่าไปเที่ยวแบล็กเมลใคร ทำความดีเสียบ้าง อยากเห็นคุณทำความดีที่บริสุทธิ์ใสซื่อสักครั้งหนึ่งก่อนคุณตาย แล้วก็ท่องพุทโธเวลาคุณต้องเจ็บหนัก พุทธ (เข้า) โธ (ออก) ผมคิดว่าผมเตือนคุณด้วยความหวังดีครับคุณชูวิทย์ ส่วนคุณจะไม่ฟังผม ไปอาละวาด ออกมาเขียนเฟซบุ๊กคุณด่าโคตรพ่อโคตรแม่ผม เชิญตามสบาย คุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ผมไม่รู้สึกอะไรหรอก เพราะว่ามันก็เป็นของมันอย่างนี้แหล่ะ และแล้วมันก็จะผ่านไป.


กำลังโหลดความคิดเห็น