บริษัท บาร์เทอร์คาร์ด (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำแพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการแบบไร้เงินสด โชว์พลังเครื่องมือการตลาด Bartercard ระบบเทคโนโลยีที่จะช่วยยกระดับธุรกิจ SME ไทย สร้างยอดขาย กวาดกำไร นำสินค้าไทยส่งออกเมืองนอก ด้วยวิธีลดค่าใช้จ่ายเงินสด ขยายฐานลูกค้าใหม่ เพิ่มพันธมิตรทางธุรกิจ ปิดช่องว่างธุรกิจไม่ให้สูญเสียรายได้ เล็งจับมือพันธมิตรต่าง ๆ จัดกิจกรรมเพื่อขยายฐานสมาชิกร่วมกันให้กว้างขึ้น ตั้งเป้าสมาชิกมากกว่า 3,000 ธุรกิจ เพิ่มขึ้นอีก 5% พร้อมเดินหน้าจัดงานใหญ่ Bartercard Trade Show 3 ครั้งต่อปี ตามด้วยงาน National Networking เพื่อเปิดโอกาสให้สมาชิกธุรกิจมาออกบูธ สร้างยอดแลกเปลี่ยนกันและกัน โดยปีที่แล้วสามารถสร้างยอดการแลกเปลี่ยนสูงได้ถึง 920 ล้านบาท
ในยุคนี้ต้องยอมรับว่าทุกๆ ธุรกิจไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ ต่างต้องการจำนวนลูกค้าและยอดขายเพิ่มขึ้น อีกทั้งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำให้ธุรกิจของตนเองประสบความสำเร็จและเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ประกอบกับผู้ประกอบการยังต้องประสบปัญหาในเรื่อง "ช่องว่างของธุรกิจ" โดยเฉพาะธุรกิจร้านอาหาร โรงแรม ที่ทุก ๆ วันไม่ได้หมายความว่าจะมีลูกค้าเดินทางเข้ามาใช้บริการเต็มทุกที่นั่ง ทุกห้องพัก ขณะที่ค่าใช้จ่ายทางธุรกิจไม่ว่าจะเป็นเงินเดือนพนักงาน ค่าบริหารจัดการภายใน ต้องหยิบเงินออกจากกระเป๋าจ่ายเต็มอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะมีจำนวนลูกค้าเข้าใช้บริการเต็มร้าน หรือไม่เต็มร้านก็ตาม
จาก Pain Point ที่เกิดขึ้นตรงนี้ ยิ่งทำให้ตระหนักถึงเครื่องมือทางการตลาดทรงพลังที่มีชื่อว่า Bartercard ซึ่งได้ถูกนำมาช่วยธุรกิจ SME ไทย ในช่วงที่ประเทศไทยเกิดวิกฤตการฟองสบู่แตกปี 2540 มาแล้ว โดยเป็นเครื่องมือที่ นางสาวเรวดี วัฏฏานุรักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บาร์เทอร์คาร์ด (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า เป็นระบบที่เข้ามาช่วยให้ SME ซึ่งเป็นสมาชิกอยู่ใน Bartercard เกิดการแลกเปลี่ยนสินค้า หรือ จับคู่ธุรกิจระหว่างกันและกัน ทำให้สามารถปิดช่องว่างของธุรกิจไม่ให้เกิดการสูญเสียรายได้แบบเปล่าประโยชน์ เนื่องจากเป็นช่องว่างของธุรกิจที่ฝ่ายขายและฝ่ายการตลาดของแต่ละธุรกิจ SME ไม่สามารถเข้าไปเก็บรายได้นั้น ๆ มาให้กับบริษัทได้แล้ว
เพราะปัจจุบัน Bartercard คือ ผู้นำแพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการแบบไร้เงินสด โดยมีหน้าที่เป็นเครื่องมือให้กับธุรกิจกลุ่ม SME เพื่อสร้างประโยชน์ 3 ข้อหลัก คือ 1) ลดค่าใช้จ่ายเงินสด 2) ขยายฐานลูกค้าใหม่ และ 3) เพิ่มพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญทางการตลาดที่ Bartercard จะช่วยเสริมและเติมเต็มให้ลูกค้า SME ที่เป็นสมาชิกอยู่ในระบบมากกว่า 3,000 ธุรกิจ ได้มีโอกาสเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนสินค้าของกันและกันภายในกลุ่ม แปรเปลี่ยนช่องว่างของธุรกิจให้กลายมาเป็นสินค้า หรือการบริการที่จำเป็นต้องใช้ของอีกธุรกิจหนึ่งด้วยวิธีการ Barter (แลกเปลี่ยน) แทนที่จะต้องไปเสียเงินสดซื้อของจากแหล่งอื่นมาใช้
ทั้งนี้ บริษัท บาร์เทอร์คาร์ด ฯ จะทำหน้าที่อยู่ 2 รูปแบบ คือ 1) ฝ่ายจัดซื้อ: เมื่อลูกค้าสมัครเข้ามาอยู่ในระบบ Bartercard จะได้รับวงเงินสินเชื่อปลอดดอกเบี้ย เพื่อนำไปใช้ Barter แลกเปลี่ยนสินค้าและบริการที่จำเป็น จากกลุ่มสมาชิก Bartercard ซึ่งมีอยู่มากกว่า 3,000 ธุรกิจ เพื่อมาใช้กับธุรกิจของตนเองได้ก่อน เช่น ธุรกิจร้านอาหารไป Barter น้ำยาทำความสะอาดจากสมาชิกที่อยู่ Bartercard มาใช้ เป็นต้น 2) ฝ่ายขาย: เมื่อลูกค้าได้นำวงเงินสินเชื่อไปใช้จ่ายแล้ว ในหน้าที่ฝ่ายขายนั้น บาร์เทอร์คาร์ด จะเข้ามาดูว่าร้านอาหารของสมาชิกท่านนั้นตั้งอยู่บนทำเลใด มีเมนูเด็ดอะไร เพื่อมาช่วยทำการตลาด ผ่านเครื่องมือระบบฐานข้อมูลลูกค้าที่บริษัทฯ มี เพื่อโปรโมทสินค้าให้ลูกค้า Bartercard ได้รู้จักและสร้างความสนใจ กระบวนการนี้จะทำให้เกิดการ จับคู่ธุรกิจ ระหว่างผู้ประกอบการในระบบสมาชิก Bartercard ให้ได้เข้าไปใช้บริการ เป็นการช่วยให้ร้านอาหารสามารถมีฐานลูกค้าใหม่ และยังมีพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นด้วย
อย่างไรก็ดี จุดแข็งของระบบ Bartercard นอกจากมีฐานสมาชิกมากกว่า 3,000 ธุรกิจ ซึ่งแบ่งเป็นธุรกิจประเภทสินค้า 55% และบริการ 45% ในประเทศไทยแล้ว ยังมีอีก 35,000 ธุรกิจใน 6 ประเทศ อาทิ ออสเตรเลีย, ฝรั่งเศส, อินเดีย, นิวซีแลนด์ และอังกฤษ ทำให้เป็นแพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการแบบไร้เงินสดที่สามารถเชื่อมโยงได้อย่างกว้างขวาง ส่งผลให้ธุรกิจ SME ไทย สามารถเกิดการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ รวมถึงการเชื่อมโยงจับคู่ธุรกิจเพื่อสนับสนุนกันและกันในการจะต่อยอดไปทำธุรกิจในต่างประเทศทั้ง 6 ประเทศนี้ได้
"เรียกได้ว่า ระบบ Bartercard เป็นเครื่องมือเทคโนโลยี ที่เข้ามาตอบโจทย์ช่วยเหลือ SME ไทย ให้ประสบความสำเร็จ มียอดขายและจำนวนลูกค้าใหม่ ๆ เพิ่มมากขึ้น รวมถึงมีโอกาสสร้างแบรนด์ ส่งออกสินค้าไปจำหน่ายยังต่างประเทศ ด้วยเครือข่ายความเชื่อมโยงจาก Bartercard ที่มีสาขาอยู่กว่า 6 ประเทศ นอกจากนี้ Bartercard ยังได้มีการพัฒนา Mobile App function เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงฐานข้อมูล โปรโมทสินค้าและทำธุรกรรมออนไลน์ได้อย่างง่ายและสะดวกยิ่งขึ้นด้วย" นางสาวเรวดี วัฏฏานุรักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บาร์เทอร์คาร์ด (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเสริม
นอกจากนี้ ในปี 2566 บาร์เทอร์คาร์ด ประเทศไทย มีเป้าหมายที่จะขยายฐานสมาชิกที่มีอยู่มากกว่า 3,000 ธุรกิจ เพิ่มขึ้นอีก 500 ธุรกิจ โดยได้จับมือเป็นพันธมิตรต่าง ๆ อาทิ ธนาคาร ยูโอบี จำกัด (มหาชน) ในการจัดกิจกรรมร่วมกันเพื่อให้ต่างฝ่ายต่างมีโอกาสแลกเปลี่ยนลูกค้าในการเข้าไปพูดคุยประชาสัมพันธ์ถึงรายละเอียดสินค้าและบริการของตนเอง รวมถึงบริษัทยังมีการจัดงาน Networking ให้กับลูกค้าทุก ๆ 4 – 6 สัปดาห์ ซึ่งเป็นโอกาสที่เจ้าของธุรกิจจะได้มาพบปะ ต่อยอดธุรกิจกัน และเป็นการสร้างยอดการแลกเปลี่ยนของแต่ละธุรกิจให้เติบโตขึ้นด้วย
เนื่องด้วยในปี 2565 ที่ผ่านมา Bartercard มียอดการแลกเปลี่ยนสูงถึง 920 ล้านบาท เฉลี่ยเดือนละ 75-80 ล้านบาท และปี 2566 บริษัทตั้งเป้าว่าจะสามารถสร้างยอดการแลกเปลี่ยนให้เติบโตขึ้นอีก 5% โดยปัจจัยที่จะทำให้เป้าหมายนี้สำเร็จคือ ถ้า Bartercard สามารถเพิ่มฐานลูกค้าให้กว้างขึ้นและหลากหลายมากเท่าไร โอกาสในการแลกเปลี่ยนของสมาชิกก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้บริษัทยังได้มีการจัดกิจกรรมการตลาดเพื่อให้สมาชิกได้มาแลกเปลี่ยนสินค้ากันและกันเป็นประจำทุก ๆ ปี คือ งาน Bartercard Trade Show เป็นงานใหญ่ที่จัดขึ้น 3 ครั้งต่อปี ได้แก่ เดือนมีนาคม กรกฎาคม และ พฤศจิกายน โดยล่าสุด มีการจัดงานขึ้นภายใต้ชื่อ The 73rd Bartercard Trade Show เพื่อเปิดโอกาสให้สมาชิกธุรกิจได้มาออกบูธแสดงสินค้า ทำการซื้อขาย สร้างยอดการแลกเปลี่ยนกันและกัน รวมถึงสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการได้มาพบปะทำความรู้จักและต่อยอดธุรกิจ สำหรับงานนี้มีผู้ร่วมออกบูธทั้งหมด 150 บูธ คิดเป็นยอดการแลกเปลี่ยนภายในวันเดียว ประมาณ 6 ชั่วโมง มากกว่า 10 ล้านบาท ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีการจัดงาน National Networking ขึ้นในเดือนกันยายน ซึ่งเป็นงานใหญ่ที่มีการรวมกลุ่มของผู้ประกอบมากกว่า 120 ท่าน
สำหรับผู้ที่สนใจรายละเอียดข้อมูลหรือกิจกรรมอื่น ๆ ของ บาร์เทอร์คาร์ด ประเทศไทย สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-024-1000 และ Facebook: Bartercard Thailand หรือ เว็บไซต์ https://www.bartercard.co.th
p
