“สนธิ” ถาม “พิธา-ก้าวไกล” ที่เคยบอกจะน้อมนำพระราชดำรัส แค่เล่นละครลิงหลอกคนทั้งประเทศใช่หรือไม่ ในวันเฉลิมพระชนมพรรษาที่ผ่านมาจึงไม่มีข้อความถวายพระพรเลย ขณะที่พรรคอื่นๆ มีทุกพรรค แม้กระทั่งกลุ่มชาติพันธุ์ในพม่ายังจัดพิธีถวายพระพรแสดงความจงรักภักดี ตรงกันข้ามกับเครือข่ายพรรคก้าวไกลที่พยายามใส่ร้ายป้ายสี ด้อยค่าสถาบันตลอด
ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก” วันศุกร์ที่ 4 สิงหาคม 2566 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ ได้กล่าวถึงการแสดงความจงรักภักดีของพรรคการเมืองต่างๆ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วันที่ 28 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้รวบรวมหน้าเพจเฟซบุ๊กของบรรดาพรรคการเมืองในประเทศไทยล้วนแล้วแต่โพสต์ข้อความ “ทรงพระเจริญ” ไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทยภูมิใจไทยพลังประชารัฐรวมไทยสร้างชาติพรรคเสรีรวมไทยพรรคประชาธิปัตย์พรรคไทยสร้างไทยพรรคประชาชาติพรรคชาติไทยพัฒนาฯลฯ แต่ปรากฏว่ามีอยู่พรรคเดียวซึ่งน่าจะเดาออกว่าพรรคไหนที่ไม่มีข้อความถวายพระพร
ไม่เพียงแต่พรรคการเมืองที่ลงถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่บุคคลสำคัญสื่อมวลชน เรื่อยไปถึงหน่วยงานบริษัทห้างร้านต่างๆ ทั้งภาครัฐเอกชนต่างก็ถือว่าวันเฉลิมพระชนมพรรษานั้น เป็นวันสำคัญแห่งชาติ ออกมาถวายพระพรด้วยกันทั้งสิ้น
ด้วยเหตุนี้ จึงไม่ต้องถามเลยเข้าใจไปเลยว่าทำไมพรรคก้าวไกลและคณะก้าวหน้าของนายธนาธ รจึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล นางสาวพรรณิการ์ วานิช นายชัยธวัช ตุลาธน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ รวมทั้งสมาชิกพรรคก้าวไกลคนอื่นๆ จะอ้างว่าต้องการจะแก้ไขหรือยกเลิกกฎหมายอาญามาตรา 112 รวมถึงปฏิรูปสถาบันกษัตริย์นั้น มีเป้าประสงค์อย่างไร
“ความจงรักภักดีนั้น จริงๆ แล้วไม่ต้องการให้ ม.112 มาแกล้งผู้อื่นหรือแท้จริงแล้วเป็นความหน้าไหว้หลังหลอกของคนพวกนี้ ยิ่งไม่ต้องสงสัยเลย การที่คุณพิธาตอบคำถามผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2566 คุณพิธาพูดอย่างไร ท่านผู้ชมจำได้หรือเปล่า? คุณพิธาบอกจะน้อมรับน้อมนำพระราชดำรัส โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำว่าชาติและประชาชนที่พระองค์ท่านเน้นย้ำ มาใช้ในการบริหารราชการแผ่นดิน ผมก็เลยมีข้อสงสัยว่า ที่คุณพิธาพูดอย่างนี้ พูดจากใจ หรือเล่นละครลิงหลอกคนทั้งประเทศ”
นายสนธิ กล่าวต่อว่า ในทางตรงกันข้ามกับพรรคก้าวไกลและคณะก้าวหน้า ประชาชน นักวิชาการ เยาวชนบางกลุ่มในเมืองไทยพยายามใส่ร้ายป้ายสีด้อยค่า ต้องการลดความสำคัญของสถาบันกษัตริย์
แต่เมื่อมาดูอีกด้านหนึ่ง กองทัพรัฐฉานจัดยิ่งใหญ่พิธีจุดเทียนถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ช่วงเย็นถึงค่ำวันศุกร์ที่ 28 กรกฎาคม 2566 ณ ฐานบัญชาการ 2 แห่งของสภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน กองทัพรัฐฉาน หรือกองทัพรัฐฉานใต้ ได้พร้อมใจกันจัดพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคลเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 71 พรรษาของในหลวง โดยที่กองบัญชาการใหญ่ดอยไตแลง พลเอก เจ้ายอดศึก ประธานสภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน ได้นำผู้บริหารและเหล่าผู้บัญชาการผู้บังคับการ ผู้นำหน่วยกำลังพลในกองทัพรัฐฉานใต้ ครูอาจารย์ และนักเรียนโรงเรียนเชื้อชาติไต รวมหลายร้อยคนมาร่วมทำพิธีเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ภายในห้องประชุมที่ชื่อห้องประชุมเจ้ากองเจิง
พลเอก เจ้ายอดศึกพูดว่า กองทัพรัฐฉานได้จัดทำพิธีถวายพระพรชัยมงคลเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระมหากษัตริย์และพระราชินีของประเทศไทยมาเป็นประจำทุกปี ตั้งแต่รัชสมัยของในหลวงรัชกาลที่ 9 ในปี 2542 จนถึงปัจจุบันเพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์และราชวงศ์ของไทย เนื่องจากเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่และทรงมีพระมหากรุณาธิคุณมิใช่เฉพาะต่อประชาชนชาวไทยแต่ยังรวมถึงคนทุกชนชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยอีกด้วย ชาวไทใหญ่และชาวไตทุกกลุ่มในรัฐฉานซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคนไทยต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ในโอกาสอันมงคลเช่นนี้ทุกคนจึงพร้อมใจมาร่วมแสดงความจงรักภักดีด้วยการจุดเทียนชัยถวายพระพร
สำหรับดอยไตแลง ตั้งอยู่ริมสันปันน้ำบนเทือกเขาในพื้นที่อำเภอเมืองพาน จังหวัดรังเคอร์ รัฐฉานใต้ ตรงข้ามกับบ้านปางคำอำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน
“เพื่อเป็นเกร็ดให้ทราบ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ในยุคที่ท่านพ่อแม่ครูอาจารย์ยังมีชีวิตอยู่ พ่อแม่ครูอาจารย์เอาข้าวของต่างๆ อาหารแห้งทั้งข้าวสารอาหารกระป๋องบรรทุกใส่รถยนต์สิบล้อ แล้วก็พ่วงอีกที่หนึ่ง เป็นรถพ่วงวิ่งขึ้นไปส่งให้กับเจ้ายอดศึกเพื่อบริจาคอาหารการกินให้กับชาวรัฐฉาน หลวงตามหาบัวทำมาตลอด ท่านมีแม้กระทั่งเณรอุปัฏฐาก ที่สมัยนั้นชื่อเณรหลง ซึ่งเป็นคนทางรัฐฉานได้ ขอเข้ามาบวชแล้วก็มาจำวัดอยู่ที่วัดป่าบ้านตาด และทำตนเป็นเณรอุปัฏฐาก คอยดูแลความเป็นอยู่ของหลวงตา ซักจีวรให้ปูที่นอนให้ ทำความสะอาดกุฏิให้” นายสนธิ กล่าว
นอกจากที่ดอยไตแลงซึ่งเป็นกองบัญชาการใหญ่แล้ว ที่กองบัญชาการภาคเชียงตุง พื้นที่ปฏิบัติการหมายเลข 1 ของรัฐฉานใต้ดอยก่อวัน ก็ยังมีการจัดพิธีจุดเทียนถวายพระพรเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา โดยมีพันเอกเจ้ากอนจีน หรือในชื่อไทยว่าเจ้าคำกรณ์ชื่น ผู้บัญชาการภาคเชียงตุง เป็นผู้นำจุดเทียน มีผู้นำหน่วยกำลังพล บก.ภาคเชียงตุง ประชาชน และผู้อยู่อาศัยในค่ายพักพิงชั่วคราวนับร้อยคนมาร่วมแสดงความจงรักภักดี
ดอยก่อวันอยู่ในพื้นที่อำเภอเมืองโต๋น จังหวัดเมืองสาด รัฐฉานตะวันออก ตรงข้ามกับบ้านพญาไพร ตำบลเทิดไท อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย นอกจากเป็นที่ตั้งกองบัญชาการภาคเชียงตุง ของกองทัพรัฐฉานใต้แล้ว ยังมีค่ายพักพิงชั่วคราวของผู้ลี้ภัยในการสู้รบของรัฐฉาน มีผู้ลี้ภัยอาศัยอยู่มากกว่า 2,500 คน
จะเห็นได้ชัดว่าชาติพันธุ์ที่อยู่ทางภาคเหนือของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกรัฐฉานก็ยังแสดงความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ไทย พูดชัดเจนว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณของกษัตริย์ไทยที่ให้ที่พึ่งพิงอาศัยแก่ชนชาติพันธุ์ทั่วไป ไม่ใช่เฉพาะพวกไทใหญ่หรือชาวไต หรือพวกฉาน กองทัพรัฐฉาน แต่มีพระมหากรุณาธิคุณให้กับชนชาติพันธุ์ทุกชาติพันธุ์ นี่คือความบริสุทธิ์ใจและความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันกษัตริย์และพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ตั้งแต่รัชกาลที่ 9 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน
“ท่านผู้ชมครับ ม็อบสามนิ้วครับ น่าละอายไหม ชาติพันธุ์ต่างๆ ให้ความสนใจเทิดทูนบูชาสถาบันกษัตริย์ แต่คุณเป็นคนไทยที่เกิดมาในประเทศไทย หรือว่าคนอย่างคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งทั้งแม่ทั้งเตี่ยทั้งปู่ย่าตายายล้วนแล้วแต่เป็นคนจีนที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในประเทศไทย ทำมาหารับประทานจนกระทั่งร่ำรวยขึ้นมา กลับใช้ความร่ำรวยนี้เอามาสร้างปัญหาและหาทางทำลายสถาบันกษัตริย์ตลอดเวลา” นายสนธิกล่าว