นักท่องเที่ยวเผยอุทาหรณ์หลังไปท่องเที่ยวเกาะลันตา กระบี่ เดินเล่นบนชายหาดแต่ขากลับไปโดนแมงกะพรุนไฟเรือรบโปรตุเกส พร้อมฝากเตือนนักท่องเที่ยวให้เพิ่มความระมัดระวัง เนื่องจากแมงกะพรุนไฟชนิดนี้มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลก อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
วันนี้ (2 ส.ค.) มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้แชร์เรื่องราวเพื่อเตือนภัยลงกลุ่ม “แจ้งเหตุ แจ้งข่าว กระบี่” โดยมีนักท่องเที่ยวได้สัมผัสเข้ากับแมงกะพรุนไฟเรือรบโปรตุเกส บริเวณทะเลเกาะลันตา จนได้รับบาดเจ็บ ต้องรีบไปโรงพยาบาล โดยระบุข้อความว่า “เตือนภัย แมงกะพรุนไฟเรือรบโปรตุเกสโผล่ทะเลเกาะลันตา นักท่องเที่ยวชาวกรุงเทพมหานครท่านหนึ่ง ฝากเรื่องนี้มาแจ้งเตือนให้ระวังกันนะครับ
ช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมา เธอพร้อมกับครอบครัวเดินทางไปพักผ่อนกันที่เกาะลันตา จ.กระบี่ แล้วไปเดินเล่นกันริมหาดพระแอะ ต.ศาลาด่าน มีคลื่นซัดเข้ามาที่ฝั่ง แล้วสามีของเธอสัมผัสเข้ากับ "แมงกะพรุนไฟเรือรบโปรตุเกส" บริเวณข้อเท้า จนมีอาการปวดแสบปวดร้อน ปวดร้าวไปทั้งขา เธอจึงพาส่งโรงพยาบาลเกาะลันตา รับการรักษาจนหาย เจ้าหน้าที่แจ้งว่าเป็นผู้ป่วยเคสแรก ยังโชคดีที่สัมผัสเพียงเล็กน้อย เพราะแมงกะพรุนชนิดนี้มีพิษร้ายแรง หากสัมผัสปริมาณมากอาจเสียชีวิตได้ จึงฝากเตือนมาให้ทุกคนระมัดระวัง แมงกะพรุนชนิดนี้จะพบได้ในช่วงฤดูมรสุม หากใครสัมผัส ใช้ไม้เขี่ยออก ห้ามสัมผัสโดยตรง แล้วใช้น้ำส้มสายชูราดจุดที่สัมผัส รีบนำตัวคนเจ็บส่ง โรงพยาบาลทันที”
ทั้งนี้ แมงกะพรุนไฟหมวกโปรตุเกส หรือ แมงกะพรุนไฟเรือรบโปรตุเกส จัดเป็นแมงกะพรุนชนิดที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลก เทียบเท่าแมงกะพรุนกล่องหรือแมงกะพรุนอิรุคันจิ (Malo kingi) และเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลกด้วย ซึ่งพิษนั้นจะทำลายระบบประสาท ผิวหนัง หัวใจ เมื่อถูกต่อยจะมีอาการปวดแสบปวดร้อนอย่างมาก ส่วนใหญ่ผู้ที่โดนพิษจะช็อก และหัวใจล้มเหลวก่อนที่จะกลับเข้าถึงฝั่ง
วิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้นคือ ใช้น้ำเกลือล้างบริเวณที่ได้รับผลกระทบ ไม่แนะนำให้ใช้น้ำจืด ตามด้วยการใช้น้ำอุ่นประมาณ 45 องศา มาล้างบริเวณที่ถูกพิษอย่างน้อย 15-20 นาทีความร้อนจะช่วยลดความเจ็บปวด
หากเข้าตาให้ใช้น้ำประปาอุณหภูมิห้องล้างตาอย่างน้อย 15 นาที ถ้ายังมีอาการพร่ามัว หรือรู้สึกฉีกเจ็บให้รีบไปพบแพทย์โดยเร็วเท่าที่จะเป็นไปได้ ไม่แนะนำให้ใช้น้ำส้มสายชู จะทำให้พิษซึมซาบได้เร็วขึ้น และกระตุ้นให้เลือดออกอีกด้วย
รูปร่างของแมงกะพรุนไฟหมวกโปรตุเกส มีสีฟ้าหรือสีม่วง มีหนวดยาว จัดอยู่ในวงศ์ Physaliidae และสกุล Physalia ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิดเท่านั้น โดยปกติจะไม่พบในน่านน้ำไทย โดยจะพบในทะเลเปิดของมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ, ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน, มหาสมุทรแปซิฟิก และมหาสมุทรอินเดีย แต่อาจจะถูกกระแสน้ำพัดมาเกยตื้นหรือเข้าสู่น่านน้ำไทยได้ในบางฤดูกาล
คลิกโพสต์ต้นฉบับ