วันนี้(25 ก.ค.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ได้โพสต์ภาพและข้อความบนเฟซบุ๊ก ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ เกี่ยวกับพิธีบวงสรวงศาลเจ้าพ่อหลักเมือง เพื่อขอพลานุภาพของศาลเจ้าพ่อหลักเมืองเพื่อจัดทำ “พระสยามพุทธาธิราช” มีรายละเอียดดังนี้
เช้าวันอังคารที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๖ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล และ อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ตลอดจนทีมงาน ได้ไปทำพิธีบวงสรวงศาลเจ้าพ่อหลักเมือง เพื่อขอพลานุภาพของศาลเจ้าพ่อหลักเมืองเพื่อจัดทำ “พระสยามพุทธาธิราช” ให้ได้สำเร็จ ได้เกิดเหตุอัศจรรย์ ๓ ประการ คือ หมู่ภมร สายรุ้ง และละอองน้ำจากฟากฟ้า
“พระสยามพุทธาธิราช” ที่คุณสนธิ ลิ้มทองกุล และทีมงานที่จะได้สร้างจัดทำขึ้นนั้น เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องจักรพรรดิ ปรากฏเรื่องราวอยู่ในชมพูบดีสูตรอันเป็นพระสุตตสังคหะบาลีนอกพระไตรปิฎก เป็นความเชื่อของฝ่ายเถรวาทในย่านอุษาคเนย์ ได้แก่ พม่า มอญ ไทย เขมร ลาว
โดยองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงนิมิตพระองค์เป็นพระมหาจักรพรรดิปราบพญาชมพูบดีที่มารุกรานมคธประเทศ ซึ่งเป็นเมืองพุทธศาสนาของพระเจ้าพิมพิสารผู้เป็นกษัตริย์
เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ปราบพยศของพระเจ้าชมพูบดีสำเร็จแล้ว ต่อมาพระเจ้าชมพูดีจึงยอมบวชเป็นภิกษุพร้อมกับกษัตริย์ทั้งร้อยเอ็ดและเสนาอํามาตย์และได้ส่งคนกลับไปยังเมืองปัญจาลนครเพื่อแจ้งแก่มเหสีและโอรส ซึ่งต่อมาเดินทางมายังเวฬุวนารามของพระพุทธเจ้าและได้บวชเช่นกันและล้วนบรรลุอรหันต์ทั้งสิ้น
พระสยามพุทธาธิราช ที่ได้จัดทำขึ้นนี้ มีส่วนที่เป็นเหรียญพระที่เป็นเนื้อผงและเหรียญที่เป็นโลหะ โดยมีพระสยามพุทธาธิราชประทับอยู่ด้านหน้า และด้านหลังเป็นรูปพระพักตร์ของท้าวจตุโลกบาลทั้ง ๔ ผู้ทรงปกป้องรักษา พระสยามพุทธาธิราช ทั้ง ๔ ทิศได้แก่ ท้าวเวสวัณผู้รักษาโลกด้านทิศเหนือ ท้าววิรุฬหกผู้รักษาโลกด้านทิศใต้ ท้าววิรูปักษ์ผู้รักษาโลกด้านทิศตะวันตก และท้าววธตรฐผู้รักษาโลกทิศตะวันออก
ส่วนที่จัดทำเป็นพระพุทธรูปนั้น มีท้าวจตุโลกบาลเป็นฐานอยู่ด้านล่างทั้ง ๔ ทิศ โดยมีพระสยามพุทธาธิราช อยู่ด้านบนสุดซึ่งอยู่ระหว่างการปั้นออกแบบพระสยามพุทธาธิราชให้มีความงดงามที่สุด
และมวลสารที่ได้รวบรวมมาจากของอันวิเศษจากทั่วทุกสารทิศที่ได้มาจากครูบาอาจารย์ทั่วดินแดนไทย ซึ่งจะได้มีโอกาสเผยแพร่รายละเอียดในโอกาสต่อๆ ไป
“พระสยามพุทธาธิราช" นี้มีความหมายอันทรงพุทธานุภาพเพื่อคุ้มครองปกป้องพิทักษ์รักษาชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และประชาชน โดยมีท้าวจตุโลกบาลคุ้มครองพระสยามพุทธาธิราช ทั้ง ๔ ทิศ ทั่วดินแดนไทยกล่าวคือ
คำว่า “สยาม” หมายถึง “สถาบันชาติ”
“พุทธา” หมายถึง “พระพุทธศาสนา” หรือ “สถาบันศาสนา” ซึ่งหมายถึงการคุ้มครองทุกศาสนาในสยามประเทศให้อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข
“อธิราช” หมายถึง “สถาบันพระมหากษัตริย์”
เพื่อให้ ๓ สถาบันหลักของชาติ ดำรงคงมั่นโดยพิพัฒน์สถาพร ตราบจิรัฏฐิติกาล เทอญ ฯ
โดยคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ได้เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการจัดทำทั้งหมด เพื่อให้เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ได้มาจากผู้ที่ต้องการมีส่วนร่วมในการเช่าบูชาวัตถุมงคลที่จะจัดทำทั้งหมดนำไปทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาและวัดวาอารามต่างๆ โดยไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น
บันทึกเช้าวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๖ ที่ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง (ซึ่งมีรูปท้าวจตุโลกบาลประทับอยู่บนจิตรกรรมฝาผนัง ๔ ทิศของศาลเจ้าพ่อหลักเมืองเช่นกัน) คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ได้ไปทำพิธีบวงสรวงใหญ่เพื่อขอพลานุภาพจากศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ได้นั่งหลับตาทำสมาธิตั้งมั่นด้วยจิตอธิษฐานที่มีพลังอย่างยิ่ง ได้ปรากฏเหตุการณ์ที่สมควรแก่การบันทึกเป็นประวัติศาสตร์เอาไว้ในฤกษ์งามยามดี ๓ ประการ
ประการแรก ในขณะที่ตั้งจิตอธิษฐานได้มีหมู่ผึ้งทั้งหลาย “จำนวนมาก” มาเกาะอยู่เต็มจานอาหารคาวหวานของเครื่องถวายสักการะอย่างหนาแน่นทั้งโต๊ะ อย่างที่ไม่เคยได้พบเห็นมาก่อน
ประการที่สอง ในขณะที่ตั้งจิตอธิษฐานจนหลังเสร็จพิธีแล้วได้ปรากฏภาพของสายรุ้งบังเกิดขึ้นพาดผ่านบนท้องฟ้าที่งดงามยิ่ง
ประการที่สาม ในระหว่างพิธีไม่มีฝนตกเลยแม้แต่หยดเดียว แต่เมื่อเสร็จพิธีก็ได้ปรากฏเหมือนละอองน้ำพรมมนต์จากฟากฟ้าแล้วหายไป
พวกเราเชื่อว่า “เทวดา” ผู้รักษาบ้านเมืองรับรู้แล้ว
ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
วันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๖