xs
xsm
sm
md
lg

เบื้องหลัง GAME OVER “แด๊ดดี้พิธา” แผนลึกคนกันเอง ใช้ ม.112 เป็นเชือกคล้องคอ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“สนธิ” เผยเบื้องหลัง “พิธา” พบจุดจบ เพราะถูกเป่าหูให้ชะล่าใจเรื่องถือหุ้นสื่อ คิดว่าจะไม่ซ้ำรอย “ธนาธร” ชี้ ลึกๆ แล้ว “ธนาธร-ปิยบุตร-ชัยธวัช” อยากให้ก้าวไกลเป็นฝ่ายค้านดีกว่า เพราะยังยึดมั่นจะล้มล้างสถาบัน เอาเรื่องแก้ ม.112 เป็นเชือกคล้องคอ “พิธา” ทำให้ขึ้นเป็นนายกฯ ไม่ได้



ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” วันศุกร์ที่ 21 กรกฎาคมที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ ได้กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ รับคำร้องจาก กกต.ไว้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ว่า สมาชิกภาพของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล ได้สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) หรือไม่ เนื่องจากถือหุ้นไอทีวี 42,000 หุ้น และยังมีมติ 7 ต่อ 2 สั่งให้นายพิธา หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ทันที ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคมนั้น ว่า เป็นเหตุการณ์ซ้ำรอยกับธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่เคยถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ในทำนองเดียวกัน

คำถาม ก็คือ ทั้งนายพิธา นายธนาธร นายปิยบุตร แสงกนกกุล รวมทั้งนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ต่างก็เป็นคนที่มีการศึกษา เฉลียวฉลาด และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง นายชัยธวัช ดูแล้วน่าจะเป็นคนที่รอบคอบมาก แต่ทำไมถึงปล่อยให้เรื่องแบบนี้มันหลุดไปได้แบบที่เถียงไม่ออก เพราะว่ามีกติกาชัดเจน และที่สำคัญที่สุด แนวทางที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ โดนนั้น เป็นแนวทางเดียวกันกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ


“ผมมีความรู้สึก และผมคิดว่า มันน่าจะถูกต้องว่า การที่พิธา โดนเล่นงานทางศาลรัฐธรรมนูญนั้น คุณธนาธร ปิยบุตร และ ต๋อม ชัยธวัช รู้เห็นเป็นใจด้วย

“ทำไมผมถึงพูดเช่นนั้น ? ผมพูดเช่นนั้นเพราะว่า พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ช่วงหลังเป็นคนที่เริ่มออกอาการ อาการอะไร ? อาการหลงตัวเอง อาการทะเยอทะยาน ไปที่ไหน ยังไม่ทันไร ก็บอกว่าผม ว่าที่นายกรัฐมนตรี เรียกคนนู้นมาประชุม เรียกข้าราชการมาประชุม ไปประชุมกับ อบต. ไปประชุมกับ อบจ. กับองค์กรส่วนท้องถิ่น ไปหมดทุกจุด ประชุมกับสภาหอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมฯ และไปพูดเพื่อให้ฟังเท่ๆ

“แสดงว่าคุณพิธา ไม่ได้กังวลในเรื่องหุ้นสื่อเลย ถึงแสดงออกไปเต็มตัวเลย ท่านผู้ชมจำที่ผมพูดนี่แล้วไปไล่ดูเหตุการณ์ ท่านผู้ชมที่ติดตามข่าวการเมืองจะเห็นว่าคุณพิธา เป็นอย่างนั้นจริงๆ คือที่ไหนมีแสง คุณพิธา จะไปหมด เพื่อโชว์ออฟ ไม่ว่าจะไปโชว์รูปหัวใจกับทีมนักวอลเลย์บอลหญิง”
นายสนธิ กล่าว


นายสนธิ กล่าวต่อว่า เมื่อวิเคราะห์แล้ว นายธนาธร นายปิยบุตร น.ส.พรรณิการ์ วานิช นั้น ถูกสั่งห้ามเล่นการเมืองคราวที่แล้ว จาการยุบพรรคอนาคตใหม่ คำถามมีอยู่ว่า ถ้านายพิธา ผ่านวิกฤตไปได้และเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ก็จะไม่มีพื้นที่ให้นายธนาธร นายปิยบุตร ได้มาแสดงออกเลย เพราะว่านายพิธา เป็นหัวหน้าพรรค เป็นนายกรัฐมนตรี

นายชัยธวัช เลขาธิการพรรคก้าวไกล จริงๆ แล้วเป็นคนที่สนิทสนมกับนายธนาธร เหมือนกับเป็นร่างเดียวกัน เป็นคนที่มีความคิดทางการเมืองลึกซึ้ง และเป็นคนที่ขายไอเดียทางการเมืองให้กับนายธนาธร การที่นายชัยธวัช มาเป็นเลขาฯ พรรค ก็คือนายธนาธรส่งมาคุมนายพิธานั่นเอง


“นี่คือการอ่านเกมของผมนะครับ แน่นอนที่สุด ฝั่งก้าวไกลอาจจะออกมาปฏิเสธโน่นปฏิเสธนี่ แต่ว่าถ้าดูตามรูปทรงแล้วมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ และผมยังเชื่อเลยว่าเรื่องหุ้นไอทีวีนั้น ถ้าผมอ่านข่าวในตอนต้นๆ ผมมีความรู้สึกว่าคุณพิธา ไม่กังวล บอกว่าตอบคำถามได้ โน่นนี่นั่น รับรองไม่มีปัญหา ผมเชื่อว่าไม่มีปัญหา คนที่ไม่กังวลและบอกว่าตอบคำถามได้ และไม่มีปัญหานี้ ไม่ใช่มาจากสมองพิธาคนเดียว มันจะต้องถูกปลุกปั่น สวมความคิดจากคนที่ใกล้ชิดคุณพิธา แล้วคนซึ่งเป็นฝั่งของคุณธนาธร บอกว่า เรื่องนี้ไม่เหมือนธนาธร เรื่องนี้อย่างไรก็ไม่โดน นี่คือประเด็นแรก การปูทางให้คุณพิธา ตกหลุมพรางกับดัก”

นายสนธิ กล่าวอีกว่า ลึกๆ แล้วนายธนาธร กับนายปิยบุตร ใฝ่ฝันที่จะให้พรรคก้าวไกลโอนตัวเองกลับมาเป็นพรรคฝ่ายค้าน แต่ตัวเองไม่กล้าพูดออกมาตรงๆ มีแต่แซมออกมาว่า เป็นรัฐบาลไม่ได้ก็มาเป็นฝ่ายค้านดีกว่า แต่จริงๆ แล้วไม่อยากให้นายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่อยาก เพราะว่าตัวเองนั้นยึดมั่นในการล้มล้างสถาบันกษัตริย์ ก็เลยเอาเรื่องมาตรา 112 เป็นเชือกมาคล้องคอพิธา เอาไว้


นายพิธานั้น เป็นคนหนุ่ม อายุ 42 ปี เรียนจบจากฮาร์วาร์ด MIT การศึกษาดีเลิศ หน้าตาดี เหมือนดาราเกาหลี ชาติตระกูลก็ดี เป็นเพียงแต่ว่ามีคนตั้งข้อสงสัยว่าทำไมญาติพี่น้องของนายพิธา อาๆ ของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายผดุง ลิ้มเจริญรัตน์ ซึ่งเป็นอาของนายพิธา สาปส่งสาปแช่งด้วย เมื่อคนใกล้ชิดไปถามถึง เขาบอกว่า เพราะว่านายพิธา ตอนบริหารงานธุรกิจของครอบครัวอยู่นั้น มีความไม่โปร่งใสในเรื่องการเงินการทอง ทำให้บริษัทล้มละลาย

วันที่นายพิธา ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค ก็แสดงศักยภาพในการพูด นายพิธาเป็นคนพูดเก่ง พูดได้ดี คนที่พูดเก่งและพูดได้ดีนั้น มีอยู่ 2 ประการ เก่งโดยพื้นฐานของตัวเอง พูดได้ดีด้วยความจริงใจ นี่ก็ประเด็นหนึ่ง อีกประเด็นหนึ่ง พูดเก่ง พูดดี ก็เพราะพูดโกหก โกหกพกลมเพื่อเอาคะแนนเสียงใส่ตัว


“นั่นคือที่มาว่าทำไมสิ่งที่คุณพิธา พูด จะถูกจับโกหกมาตลอดเวลา ซึ่งผมเคยเน้นย้ำแล้วว่า นี่คืออีกข้อหนึ่งที่ผมยอมรับคุณพิธา ไม่ได้ เพราะว่าคุณพิธา โกหกประชาชนเพื่อเอาแสงเข้าตัว

“เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าเราเอาพวกนี้ตัดทิ้งไปหมด ก็เหลืออยู่อย่างเดียว ความทะเยอทะยานเป็นส่วนตัวของคุณพิธา ตอนนั้นคุณพิธา โด่งดังมาก ตัวเองเหมือนเทพลอยอยู่บนท้องฟ้า มีคนแซะว่า แอฟ ทักษอร ว่าอย่างไร คุณพิธา ก็ยิ้มอย่างเท่ แล้วบอก แอฟว่าอย่างไร ผมก็ว่าอย่างนั้นครับ”


นายสนธิ กล่าวต่อว่า นายพิธาเป็นคนที่แสวงหาอำนาจและอยากมีอำนาจอย่างมาก แต่ว่าเขาโดนนายธนาธร นายปิยบุตร และ ต๋อม-ชัยธวัช เอาเชือกคล้องคอไว้ เชือกของมาตรา 112 บังคับให้นายพิธา ถอยไม่ได้เลย ทั้งๆ ที่ถ้าไม่มีเชือก 112 ที่นายธนาธร นายปิยบุตร และชัยธวัช มาคล้องคอไว้ นายพิธา พร้อมจะถอยเรื่อง 112 เพราะนายพิธา อยากเป็นนายกรัฐมนตรีมาก


“และลึกๆ แล้วผมก็เชื่อว่าคุณพิธา ไม่ได้คิดร้ายต่อสถาบันกษัตริย์ แต่ว่าถูกพาไป เหมือนกระแสน้ำมันเชี่ยวชมาก คุณพิธา เป็นใบไม้ใบหนึ่งอยู่ในกระแสน้ำ ถูกพัดพาไปเลย หยุดก็หยุดไม่ได้ ต้องเลยตามเลย ช่างมันเถอะ แล้วก็แล้วไป แล้วก็มีสมาชิกพรรคหลายคน ไม่ว่าจะเป็นคุณวิโรจน์ หลายๆ คน ก็ออกมาบอกว่าต้องยันที่ 112 ถึงเกิดวลีที่คุณชาดา พูดไง ว่าถ้าคุณแก้ 112 ไปแล้ว ประเทศไทยจะขึ้นสวรรค์หรือเปล่า เรื่องอื่นคุณไม่สนใจเลย สนใจอยู่เรื่องเดียวเลย คือจะต้องล้มสถาบันกษัตริย์ให้ได้ และนี่คือการพ่ายแพ้ครั้งแรกในการโหวต”

นายสนธิ กล่าวอีกว่า ไม่อยากจะสงสารนายพิธา เพราะคนอายุ 42 ปี จบฮาร์วาร์ด จบ MIT สติปัญญาที่จะวิเคราะห์เรื่องราวต่างๆ มันไม่มีหรือ ถ้านายพิธามีความเชื่อมั่นว่า 112 ไม่ใช่ประเด็นหลัก แต่โดนแขวนคอด้วยป้าย 112 ถ้าเป็นคนที่มีสติสัมปชัญญะดี ก็ต้องพูดกับพรรคพวกว่า ไม่ได้ ไม่ผลักดันแก้ 112 เพราะว่าเราจะหมดโอกาสในการเป็นรัฐบาล เราจะพลาดโอกาสในการทำตามนโยบายที่เราพูดเอาไว้ 299 ข้อ แต่นายพิธาไม่มีความกล้าหาญพอที่จะพูดเช่นนั้น

ดึงสติ “ด้อมส้ม” เลือกนายกฯ ในสภา ไม่ใช่เลือกตั้งประธานาธิบดี

นายสนธิ กล่าวว่า อีกประการหนึ่ง ต้องให้สติปัญญากับพวกคอด้อมส้มนิดหนึ่ง อย่าใช้ความคิดสถุลๆ ออกมา เป็นความคิดที่เห็นแก่ได้ เข้าข้างตัวเอง ถ้าเมื่อวันที่ 19 ศาลรัฐธรรมนูญบอกว่านายพิธา ไม่ผิด ก็จะพากันเชียร์ศาลรัฐธรรมนูญ แต่เผอิญคำพิพากษาไม่ถูกใจก็ออกมาด่าศาล ด่าจนเสียผู้เสียคน


“อินฟลูเอนเซอร์หลายคนนั่งอยู่ ชุมนุมอยู่ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย บอกว่าการได้รับเลือกตั้งเป็นพรรคที่หนึ่ง ยังเป็นนายกฯ ไม่ได้ เฮ้ย! ผมเคยพูดเรื่องนี้มาตั้งนานแล้ว คุณเปิดกะโหลกกะลาของคุณ คิดให้ดีหน่อย ผมบอกคุณแล้วไง ผมบอกว่า นี่คือการเลือกนายกรัฐมนตรีตามหลักเกณฑ์ของการเมืองตามระบอบรัฐสภา ไม่ใช่การเลือกตั้งประธานาธิปดี ที่คุณได้รับเลือกคะแนนเสียงมากที่สุด คุณก็มีสิทธิ์ได้เป็นประธานาธิบดีเลย มันไม่ใช่”

นายสนธิ กล่าวต่อ ว่า อุปมาอุปไมยเรื่องของนายพิธา เหมือนเด็กคนหนึ่งอยากจะเล่นของเล่นชิ้นหนึ่งมาก ของเล่นวางอยู่บนชั้น พยายามจะไขว่คว้า พ่อแม่เด็กคนนี้ก็บอกว่า กติกาของบ้านหลังนี้มีว่า ถ้าหนู/ลูกไม่ทำการบ้านก่อน ทำการบ้านเสร็จแล้วไม่ไปอาบน้ำ ไม่ไปทานข้าวก่อน พอทานข้าวเสร็จแล้วไม่อาบน้ำ-แปรงฟัน ก็จะไม่มีสิทธิ์จะได้ของเล่นนั้นมาเล่น นี่คือกติกา ก็เหมือนกติกาที่รัฐธรรมนูญปี 2560 ได้ตั้งเอาไว้ กติกานี้เขามีอยู่แล้ว แล้วคุณมาเล่นตามการเมืองในระบอบที่เขามีกติกาแบบนี้ เมื่อมันมีกติกาแบบนี้ ถ้ามันผิดพลาดขึ้นมา คุณต้องโทษตัวเอง อย่าไปด่ากติกา เพราะกติกามันอยู่ของมันอยู่แล้ว เหมือนของเล่นมันอยู่ของมันอยู่แล้ว คุณจะเล่นของเล่นได้ คุณต้องผ่าน 1..2..3.. พ่อแม่ถึงจะบอกว่า ลูกทำการบ้านเสร็จแล้ว ลูกทานข้าวแล้ว ลูกอาบน้ำ-แปรงฟันแล้ว ไปเล่นของเล่นได้แล้ว


“แล้วกติกานี้มันไม่ใช่เพิ่งมา มันผ่านการประชามติของคนตั้ง 15-16 ล้านเสียง มากกว่าคะแนนเสียงของก้าวไกลที่ได้อีก


“ผมไม่ได้มีอคติอะไรเลยกับคนรุ่นใหม่ องค์กรผมมีคนรุ่นใหม่เยอะ แต่ผมเห็นพวก ส.ส. ของพรรคก้าวไกล ละอ่อนทั้งนั้น คนพวกนี้ประสบการณ์ไม่มี ถ้าจะพูดว่าพวกคุณแพ้ประสบการณ์ทางการเมืองในสภาฯ กับคนรุ่นเก่าที่อยู่ในสภาฯ แล้ว พูดไม่ผิด คุณอาจจะชนะ กว่าที่คุณจะมาได้เสียงข้างมาก ผมก็รู้ว่าคุณทำอะไร คุณปั่นกระแสโซเชียลมีเดียมาเป็นปีๆ แล้ว แล้วในช่วงก่อนเลือกตั้ง 2-3 เดือน คุณทุ่ม IO ของคุณ ใช้เทคโนโลยีของคุณผลักดันให้คนอยู่ในโลกสมมุติ เข้าใจผิด เพราะว่าความจริงนั้นมีหนึ่งเดียว กว่าความจริงจะปรากฏ คุณก็ได้รับเลือกตั้ง ชนะไปแล้ว คุณได้อำนาจไปเรียบร้อยแล้ว นี่คือวิธีการที่พวกคุณทำ


“และวันนี้คุณก็ทำอีก พอคุณแพ้เสียงในศาลรัฐธรรมนุญ คุณก็บอกว่าศาลรัฐธรรมนูญเหมือนศาลพระภูมิ ศาลพระภูมิยังดีกว่าศาลรัฐธรรมนูญ หรือศาลรัฐธรรมนูญก็คือศาลพระภูมินั่นเอง คุณเริ่มปั่นแล้วไง กระจายออกไป ทำให้คนที่ไม่เข้าใจรายละเอียดอย่างที่ผมพูดออกมา”

นายสนธิ กล่าวอีกว่า สิ่งหนึ่งที่ตนกำลังสงสัยว่าถ้ามีการยุบพรรคก้าวไกลขึ้นมา ลักษณะการเมืองจะเป็นอย่างไร จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือไม่ แน่นอนที่สุด ก็จะมีขบวนการออกมาปั่นกระแสอีก ทำไมพรรคอื่นไม่ยุบ ทำไมยุบพรรคก้าวไกล


“สรุปง่ายๆ เฉพาะเอาตอนต้นนี้ เรื่องของศาลรัฐธรรมนูญ คุณพิธา แพ้ภัยตัวเอง คุณพิธา คุณนั่งเงียบๆ คิดถึงคำพูดที่ผมพูดนะ ตัดทิ้งความเกลียดความชังผมออก แล้วดูซิว่าเนื้อหาที่ผมพูดนั้นมีเหตุมีผลหรือเปล่า คุณตกหลุมพรางกับดักในเรื่องมาตรา 112 ทำให้คุณอึดอัดใจ ไม่รู้จะเดินทางไหนดี


“แล้วผมก็จะบอกให้คุณวิโรจน์ ทราบ คุณวิโรจน์ ห้าวเป้งมากในเรื่อง 112 ผมไม่มีอำนาจ แต่ถ้าผมมีอำนาจ ผมจะพนันกับคุณวิโรจน์ เลย คุณวิโรจน์ เอาไหม คุณยื่นไปเลย 112 แล้วให้ ส.ส. ในสภาฯ ไม่ต้องมีวุฒิสมาชิกหรอก มีอิสระในการลงคะแนนเสียง แล้วลงไปเลยว่า ระหว่างที่คุณต้องการเอา 112 มาแก้ไข และนำไปสู่การล้มล้างสถาบันกษัตริย์นั้น กับ ปกป้อง เก็บ 112 เอาไว้ ใครจะชนะใครในสภาฯ เอาไหมคุณวิโรจน์ ถ้าคุณแพ้ในสภาฯ เรื่องนี้ คุณห้ามพูดเรื่องนี้ และคุณห้ามเอาเรื่องนี้เข้ามาพูดอีกต่อไป ไม่ว่าจะกรณีใดทั้งสิ้น เป็นระยะเวลา 4 ปี ของรัฐบาลที่กำลังจะตั้งขึ้นมาใหม่”

นายสนธิ กล่าวอีกว่า อีกเรื่องหนึ่งที่นายพิธา จะต้องสำเหนียกเอาไว้ การประชุมร่วมกันของรัฐสภา ถกเถียงกันเรื่องการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี ก้าวไกลบอกว่าไม่ใช่ญัตติ มันเป็นวาระ จนในที่สุด ประธานสภาฯ คือนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา ตัดสินกันเอง ว่าเป็นวาระหรือเป็นญัตติ ก็ปรากฏว่าคะแนนเสียง 394 เสียงบอกว่ามเป็นญัตติ ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย คิดว่าไม่ใช่ญัตติ มีแค่ 312 เสียง งดออกเสียง 8 ไม่ลงคะแนนเสียง 1 เพราะฉะนั้นแล้ว นายพิธาพ่ายแพ้อย่างหมดรูป


“มีคนถามผมว่าคุณพิธา คืออะไร เมื่อวานนี้ ผมเรียกว่า กิ้งกือหกคะแมน เพราะคุณพิธา คิดว่าคุณพิธา เป็นกิ้งกือที่ล้มไม่ได้ แต่ปรากฏว่ากิ้งกือซึ่งมีขา 1,000 ขา ไม่ควรจะหกคะเมนล้มได้ แต่มันล้มได้แล้ว ก็แสดงว่าจบลงด้วยว่าไม่สามารถเสนอชื่อคุณพิธา ได้อีกเป็นครั้งที่สอง

“ผีซ้ำด้ำพลอยเจอคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญอีก เท่ากับว่า คุณพิธา เดินเข้ามา อย่างที่คุณหน่อยคุณหญิงสุดารัตน์ บอกว่า ตำแหน่งนี้ไม่สำคัญเท่าตำนาน ผมไม่รู้ คุณหญิงหน่อยอาจจะมองคุณพิธา ในตำนานอีกแบบหนึ่ง แต่ผมมองคุณพิธา ในตำนานว่า เป็นคนที่ไม่รู้ความ ไม่รู้เรื่อง หลงตัวเอง ใฝ่ฝันที่จะคว้าอำนาจทุกวิถีทาง พร้อมจะโกหกได้ทุกเรื่องเพื่อให้ตัวเองได้อำนาจ”



ส.ว.สีเทา ซุกปีกด้อมส้ม

นายสนธิ กล่าวอีกว่า เมื่อพิจารณาดูคะแนนที่ลงมติเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคมแล้ว พรรคร่วมรัฐบาล 8 พรรคที่จะต้องลงมติว่ามันไม่ใช่ญัตติ หายไป 2 เสียง ที่สำคัญ คือ มี ส.ว.ที่โหวตให้นายพิธาคราวที่แล้ว 13 เสียง แต่คราวนี้เหลือ 8 เสียง มี นพ.ไกรสิทธิ์ ตันติศิรินทร์ นายเฉลา พวงมาลัย นายซากีย์ พิทักษ์คุมพล พล.ต.ท.ณัฏฐวัฒก์ รอดบางยาง นายพิศาล มาณวพัฒน์ นายมณเฑียร บุญตัน นายวุฒิพันธุ์ วิชัยรัตน์ และ นางประภาศรี สุฉันทบุตร

“คุณประภาศรี นี่เป็นคนที่หลงตัวเองมาก โพสต์ข่าวตัวเองว่าไปที่ไหนมีแต่คนชมเชย ทำงานได้ดี คุณประภาศรี คุณเพิ่งกลับจากโลกอังคารหรือ คุณไม่รู้หรือว่านิสัยคนไทยเป็นอย่างไร การที่เขาชมเชยคุณ เขาไม่ได้ชมเชยเพราะว่าเขายืนข้างคุณนะ แต่เพราะในฐานะคุณเป็น ส.ว. มากกว่า”


นายสนธิ กล่าวต่อว่า อีกเรื่องหนึ่ง พล.ต.ท.ณัฏฐวัฒก์ รอดบางยาง ที่โหวตให้นายพิธา ทั้งครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 ชื่อเดิมคือ พล.ต.ท.จิตติ รอดบางยาง ฉายา "ฉลามตาฟาง" อดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 เป็น ส.ว.ได้เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นคนแต่งตั้งขึ้นมา งานนี้ พล.ต.ท.ณัฏณวัฒก์ หักหลัง พล.อ.ประยุทธ์ อย่างเจ็บแสบที่สุด

พล.ต.ท.ณัฏฐวัฒก์ นั้น อดีตเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 และเป็นคนที่หนุนหลัง "หลงจู๊สมชาย" เจ้าของบ่อนการพนันที่โดนข้อหาฟอกเงิน มีลูกชายคนหนึ่งกำลังถูกดำเนินคดีอยู่ที่ดีเอสไอ จะถามว่าเป็นสายสีเทาหรือไม่ ก็น่าจะใกล้เคียง


“เพราะฉะนั้นแล้ว ติ่งส้ม นี่ไง วุฒิสมาชิกคนหนึ่งที่โหวตให้คุณก็เป็นคนหนึ่งที่สังคมตั้งคำถามว่า คนนี้เกี่ยวข้องกับทุนสีเทา ทุนการพนันอยู่ทางภาคตะวันออก นี่ไง คุณอย่าเพิ่งคิดว่าคุณเท่

“เพราะฉะนั้นแล้ว หลายต่อหลายคนก็แสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าเขาไม่เอาคุณพิธา อย่างชัดเจน ด้วยการชี้แจงให้เห็นเลยว่า ญัตตินั้นเป็นญัตติ ไม่ใช่วาระ และทำให้คุณพิธา ไม่สามารถจะถูกเสนอชื่อได้เป็นครั้งที่สอง ซึ่งตัว anticlimax ก็คือคุณพิธา ถูกระงับ ไม่ให้ปฏิบัติหน้าที่อีกต่อไป”
นายสนธิกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น