ผศ.ดร.ธรณ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม ได้เผยภาพเปรียบเทียบของโลกใน พ.ศ. 2519 และในปี 2566 ซึ่งมีสีที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ซึ่งเกิดจากสภาวะโลกร้อนจากน้ำมือมนุษย์
วันนี้ (19 ก.ค.) เฟซบุ๊ก “Thon Thamrongnawasawat” หรือ ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม และอาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์ระบุข้อความว่า “#พรุ่งนี้จะดีกว่าเป็นเพียงแค่คำโกหก ภาพบน โลกใน พ.ศ. 2519 ผมอายุ 10 ขวบ อากาศเย็นสบาย อุณหภูมิโลกเหมือนเมื่อ 40-50 ปีก่อน อยู่กรุงเทพฯ สบายอยู่แล้ว ลมหนาวโชยมาตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายน เด็กประถมยุคนั้นใส่เสื้อหนาวไปโรงเรียนเป็นเดือนๆ เดือนมิถุนายน หน้าร้อน ผมนอนอ่านหนังสือใต้ต้นมะม่วง ลมพัดโชยมา ผมวางหนังสือไว้บนอก หลับตาพริ้มหลับไป คุณพ่อคุณแม่ไปญี่ปุ่นไปยุโรป ต้องเตรียมเสื้อแจ็กเก็ตไปด้วย
ภาพล่าง โลกใน พ.ศ. 2566 ลุกเป็นไฟ น้องสาวผมอยู่ในยุโรป กำลังใส่สายเดี่ยวขาสั้นเที่ยว ต้องเลือกเดินเฉพาะช่วงเช้าช่วงเย็น กลางวันหาร้านติดแอร์นั่ง ลูกศิษย์อยู่ญี่ปุ่น ส่งสติกเกอร์หอบแฮ่กๆ มาให้ดู บอกว่ามันร้อนกว่าที่หนูคิดมากๆ ค่ะอาจารย์ น้องชายอยู่อเมริกา กำลังบันเทิงใจเพราะได้ประสบการณ์โลกร้อนไปเล่าได้ในงานประชุมครั้งต่อไป จากเด็กจนโต ผมอยู่ในโลกที่เปลี่ยนแปลงมหาศาล ในทางที่น่าอยู่น้อยลง สมัยผมเริ่มพูดเรื่องโลกร้อน ปี 2530 ผมเองก็ไม่คิดว่าโลกจะเป็นไปได้ถึงขนาดนี้ คนฟังยิ่งไม่คิด พูดไปคนก็ไม่เชื่อ แค่ฟังไว้เฉยๆ แล้วอมยิ้มคิดว่าขู่ให้กลัว ความกลัวที่เป็นจริงในวันนี้ และยิ่งกว่า
อยากให้เพื่อนธรณ์มองแผนที่อีกที สีแดงคือบริเวณที่อุณหภูมิพุ่งขึ้น 2-4 องศา ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ตอนนั้นยังแทบไม่มีฮีตเวฟ เอลนีโญยังแค่เพิ่งเริ่ม เรากำลังอยู่ในโลกที่แปลกประหลาดและน่าสะพรึงกลัว ความน่ากลัวที่เราเองทำให้เกิดขึ้นบนโลก น่ากลัวยิ่งกว่าคือเรารู้ทั้งรู้ แต่ยังคงสร้างความกลัวให้รุนแรงขึ้นต่อไป การปล่อยก๊าซเรือนกระจกยังสร้างสถิติใหม่ทุกปี ยังไม่เห็นแววสิ้นสุด ผมปลอบใจตัวเองว่า เอาล่ะ อย่างน้อยเราก็ยังเคยใช้ชีวิตในโลกที่แสนสบาย จากนั้นผมก็เห็นธรา เห็นธรรธ พรุ่งนี้ผมยังเห็นลูกศิษย์อีกหลายร้อยคนมาฟังผมบรรยาย พรุ่งนี้จะดีกว่าวันนี้ นั่นคงเป็นเพียงแค่คำโกหก”
คลิกโพสต์ต้นฉบับ
