xs
xsm
sm
md
lg

มือถือสากปากถือศีล! สหรัฐฯ ส่งระเบิดต้องห้ามให้ยูเครน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“สนธิ” ยกกรณีมอบ “ระเบิดพวง” ให้ยูเครน ตอกย้ำสหรัฐฯ มือถือสากปากถือศีล ส่งอาวุธต้องห้ามที่จะทำร้ายคนยูเครนเสียเอง ไม่จำบทเรียนที่เคยใช้ระเบิดชนิดนี้ในลาว-กัมพูชา จนทุกวันนี้ยังเก็บกู้ไม่หมด ด้านพันธมิตรนาโตเหมือนน้ำท่วมปาก พูดอะไรไม่ออก ขณะที่ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้ยังโดนบีบข้ามทวีปให้ส่งอาวุธให้ยูเครน เดือนไทยจะโดนเหมือนกันถ้ายังทำตัวเป็นพรมเช็ดเท้าให้อเมริกา



ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” วันศุกร์ที่ 14 กรกฎาคมที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ ได้กล่าวถึงการที่สหรัฐอเมริกาส่ง Cluster Bombs หรือ “ระเบิดพวง” ไปให้ยูเครนว่า เป็นการสะท้อนถึงลักษณะ “มือถือสากปากถือศีล” ของสหรัฐอเมริกาได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้ เมื่อวันเสาร์ที่ 8 กรกฎาคม 2566 เป็นวาระครบ 500 วัน ของสงครามในยูเครน คำพูดปลุกขวัญที่อเมริกาและชาติพันธมิตรนาโตบอกกับยูเครนว่า ชัยชนะรออยู่ข้างหน้า แต่จนถึงวันนี้มองอะไรไม่เห็นเลย มีแต่ความมืดครึ้ม ยิ่งนับวันยูเครนและชาติตะวันตกยิ่งแสดงออกว่ากำลังจนตรอก หลังชนกำแพง


เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว วันที่ 7 กรกฎาคม สหรัฐอเมริกาประกาศว่า จะมอบความช่วยเหลือทางทหารล็อตใหม่ให้กับยูเครน เป็นมูลค่า 800 ล้านดอลลาร์ ที่สำคัญ อาวุธล็อตใหม่ที่อเมริกาจะมอบให้ยูเครนครั้งนี้ รวมถึง Cluster Bombs หรือ ระเบิดพวง หรือบางคนเรียกว่า "ระเบิดลูกปราย" ซึ่งเป็นอาวุธต้องห้าม


ระเบิดพวง ระเบิดลูกปราย ระเบิดลูกหว่าน เป็นระเบิดชนิดที่ภายในระเบิดลูกใหญ่ลูกหนึ่งจะมีระเบิดลูกเล็กๆ หลายร้อยลูก เมื่อทิ้งลงถูกเป้าหมาย ระเบิดขนาดเล็กที่ถูกปล่อย จะกระจายตัวออกเป็นวงกว้าง ระเบิดพวกนี้บางส่วนไม่ได้ระเบิดทันที อาจจะฝังตัวอยู่ในดินเป็นสิบๆ ปี แล้วก็ไม่รู้แน่ชัดว่ากระจายตัวไปอยู่ที่ไหนบ้าง หลังจากนั้นอีกหลายสิบปีเมื่อมีคนไปเหยียบก็จะระเบิดขึ้น


ระเบิดชนิดนี้จึงเป็นอาวุธสังหารแบบไม่เลือกหน้า สร้างความสูญเสียให้กับประชาชนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่นานหลายสิบปี จนสงครามสิ้นสุดลงแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กๆ ที่ไปวิ่งเล่นแล้วเจอเข้า มักจะเกิดเหตุระเบิดคร่าชีวิตเด็กๆ เป็นประจำ

รูประเบิดพวง Cluster Bombs ที่ถูกทิ้งในกัมพูชาตั้งแต่สงครามอินโดจีน ทศวรรษที่ 1970 ปัจจุบันนี้ยังกู้ไม่หมด
ความเลวทรามต่ำช้าของประเทศอย่างอเมริกาที่ใช้ระเบิดพวงในประเทศลาว กัมพูชา ที่ลาวนั้น อเมริกาทิ้งระเบิดพวงมากกว่า 270 ล้านลูก ในช่วงสงครามอินโดจีน ปี 2503-2513 รวม 10 ปี จนทุกวันนี้ยังเก็บกู้ไม่หมด มีชาวบ้านคนลาวต้องเสียชีวิต พิการ บาดเจ็บ จากระเบิดที่ตกค้างอยู่เป็นประจำ

ข้อมูลที่มาจากหน่วยงานเก็บกู้ระเบิดแห่งชาติของลาว ระบุว่า ลาวเป็นประเทศที่สหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดลงมามากที่สุดในโลก เมื่อเฉลี่ยต่อจำนวนประชากร มีการเก็บสถิติไว้ นี่คือความอัปลักษณ์ ความบัดซบ ความต่ำช้า ความชั่วช้าของประเทศอเมริกาที่คนไทยหลายคนเทิดทูนราวกับเป็นบิดาของตัวเอง


จากข้อมูลสถิติพบว่า กองทัพอเมริกานำเครื่องบินมาทิ้งระเบิดใส่ลาวถึง 580,000 เที่ยว โดยเฉลี่ยทุกๆ 8 นาที จะมีเครื่องบินมาทิ้งระเบิด 1 เที่ยว ตลอด 24 ชั่วโมง ต่อเนื่องกันถึง 9 ปี น้ำหนักรวมของระเบิดที่ถูกทิ้งลงมาในลาวมีมากกว่า 2 ล้านตัน ประชากรที่อยู่ในช่วงสงครามนั้นมีอยู่แค่ 1 ล้านคน ระเบิดที่ทิ้งลงมาส่วนใหญ่เป็นระเบิดพวง มากกว่า 270 ล้านลูก

นี่คือภาพจริงของระเบิดพวงที่ถูกบันทึกไว้ในช่วงสงครามอินโดจีนว่าทำงานอย่างไร เมื่อถูกทิ้งลงมา แตกออกมาอย่างไร เมื่อถึงเป้าหมายแล้ว พลังในการทำลายล้างมันแค่ไหน(ตามภาพ)






คาดว่าปัจจุบันยังมีระเบิดพวงอีกประมาณ 80 ล้านลูก หรือ 30 เปอร์เซ็นต์ ที่ยังไม่ระเบิด และยังตกค้างอยู่ในดินแดนลาว ครอบคลุมพื้นที่กว่า 87,000 ตารางกิโลเมตร คิดเป็น 37 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ทั้งหมดของประเทศลาว เป็นอุปสรรคอย่างมากต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมของลาว จากวันนั้นจนถึงวันนี้

ในช่วงที่มีการก่อสร้างรถไฟลาว-จีน ต้องมีการจัดตั้งหน่วยกู้ระเบิดเป็นการเฉพาะ โดยระเบิดที่ยังตกค้างอยู่เหล่านี้ต้องใช้เวลาในการสำรวจและเก็บกู้อีกไม่ต่ำกว่า 24 ปี จึงจะหมด


ลาว-กัมพูชาท้วงหยุดแพร่กระจาย “อาวุธชั่วร้าย

วันจันทร์ที่ 10 มกราคม 2566 กระทรวงการต่างประเทศลาว ในฐานะประเทศที่ถูกกระทบจากระเบิดพวงมากที่สุด ได้ออกแถลงการณ์แสดงความเป็นห่วงต่อการประกาศและความเสี่ยงที่ระเบิดพวงนำมาใช้


ทางลาวประกาศอย่างเป็นทางการ ว่า ตลอดระยะเวลามากกว่า 5 ทศวรรษ หรือ 50 ปีที่ผ่านมา ประชาชนชาวลาวได้รับเคราะห์ร้ายจากระเบิดพวงที่อันตรายร้ายแรง และมาถึงปัจจุบันประชาชนชาวลาวยังได้รับผลกระทบจากระเบิดซึ่งถูกทิ้งลงมาแต่ยังไม่ทำงาน ซึ่งเป็นภัยข่มขู่ต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนพวกเรา ฉะนั้น สปป.ลาว ขอเรียกร้องไปยังประเทศและทุกภาคส่วน จงหลีกเลี่ยงทุกการใช้ ผลิต ส่งต่อ และเก็บรักษาระเบิดพวง ตามระบุไว้ในเนื้อหาของสนธิสัญญาว่าด้วยการยกเลิกการใช้ระเบิดพวง

นอกจาก สปป.ลาว แล้ว กัมพูชาก็เป็นอีกประเทศหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากระเบิดลูกปรายที่สหรัฐฯ ทิ้งไว้ ถึงแม้ว่าจะผ่านเวลาล่วงเลยมา 50 ปีแล้ว


วันที่ 9 กรกฎาคม 2566 สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้ทวีตข้อความว่า ด้วยความเห็นอกเห็นใจต่อประชาชนชาวยูเครน ผมขอเรียกร้องประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้จัดหาระเบิดดังกล่าว และประธานาธิบดีของยูเครน ซึ่งเป็นผู้รับมอบ อย่าใช้ระเบิดลูกปรายในสงครามครั้งนี้ เพราะเหยื่อที่แท้จริงก็คือประชาชนของคุณนั่นเอง คือชาวยูเครน

ผู้นำกัมพูชาอ้างถึงประสบการณ์เจ็บปวดของกัมพูชาจากการทิ้งระเบิดลูกปรายของอเมริกา ที่ทำให้ชาวกัมพูชาหลายหมื่นคนต้องพิการหรือเสียชีวิต ใช้เวลาตั้ง 50 ปี ยังไม่มีวิธีใดที่จะทำลายมันได้ทั้งหมด


อเมริกันลืมคำ กลืนนำลายตัวเอง

ในช่วงต้นของสงครามยูเครน ทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังเคยออกแถลงการณ์ว่า ถ้ารัสเซียใช้ระเบิดลูกปราย จะถือว่าเป็นอาชญากรรมสงคราม


“อเมริกาเคยขู่ ประกาศว่าถ้ารัสเซียใช้ระเบิดลูกปรายจะถือว่าเป็นอาชญากรรมสงคราม แล้วเกิดอะไรขึ้น ? คนมือถือสาก ปากถือศีล อย่างประเทศสหรัฐอเมริกาที่คนไทยบางคน บางกลุ่ม เทิดทูนเหมือนมันเป็นพ่อ กลับกลืนน้ำลายตัวเอง โดยการส่งอาวุธมฤตยูนี้ให้กับยูเครน โดยการตัดสินใจใช้อาวุธต้องห้ามเช่นนี้สะท้อนความจริงที่ว่า อเมริกา และยูเครน กำลังจนตรอก ประธานาธิบดียูเครน ประธานาธิบดีของไบเดน ถึงกับยอมรับว่ายูเครนกำลังหมดกระสุน นายสนธิกล่าว


“ระเบิดพวง” ก่อรอยร้าวใน NATO

มีความร้าวฉานในกลุ่มนาโตในเรื่องการใช้ระเบิดพวง การมอบระเบิดพวงให้ยูเครนนั้น ทำให้หมู่ชาติสมาชิกทั้งหลาย ทั้งอังกฤษ เยอรมนี สเปน ที่ต่างลงนามในภาคีอนุสัญญาห้ามการใช้ระเบิดนี้ ฝรั่งผิวขาวเหมือนกันอยู่ในภาวะน้ำท่วมปาก อ้ำๆ อึ้งๆ กับพฤติกรรมของสหรัฐฯ

สหภาพยุโรป ที่ท่องอยู่เรื่อยว่าสิทธิมนุษยชนเป็นสรณะ รวมทั้งกลุ่ม NGO ต่างๆ องค์การนิรโทษกรรมสากล (Amnesty International) ปิดปากเงียบเลยกับเรื่องนี้

ส่วนทางยูเครนนั้น รัฐมนตรีกลาโหมยูเครน นายเรซนิคอฟ มีความสุขมากที่จะเอาระเบิดนี้ไปทำร้ายประชาชนตัวเองในอนาคตข้างหน้า บอกว่ามันจะช่วยปลดปล่อยดินแดนของยูเครน


“รัฐมนตรีกลาโหมยูเครนบอกว่าจะใช้ระเบิดนี้เพื่อทวงคืนดินแดนของเรา คุณทวงคืนดินแดนของคุณได้ แล้วในที่สุดคนที่จะต้องโดนระเบิดนี้ได้คือใครล่ะ ? ก็คือประชาชนคนไทยนั่นเอง มันโหดเหี้ยมอำมหิตไหมท่านผู้ชม ทีมงานเซเลนสกี ตลกอัปยศ ตลกที่เป็นภัยต่อมนุษยชาติ”

คำพูดของรัฐมนตรีกลาโหมยูเครน คือการใช้ระเบิดมรณะในดินแดนตัวเองที่ถูกฝ่ายรัสเซียยึดครอง เช่น แคว้นโดเนตสก์ แคว้นลูฮันสก์ หรือแคว้นไครเมีย หมายความว่ากำลังจะระเบิดบ้านตัวเอง ฝังระเบิดฆ่าประชาชนตัวเองไปอีกนานหลายสิบปีนั่นเอง


สหรัฐฯ บีบญี่ปุ่น ส่งกระสุนปืนใหญ่หนุนยูเครน

ไม่เพียงแต่ชาติยุโรป และสมาชิกนาโต ที่ต้องตกเป็นลูกไล่ และเป็นเบี้ยล่างให้อเมริกา บังคับให้หันซ้าย หันขวา อเมริกาทำอะไรที่ผิดหลักการ ผิดคุณธรรม จริยธรรม เช่น การรับปากจะส่งระเบิดพวงให้กับยูเครน เหล่าชาติยุโรปไม่เห็นด้วย เพราะอยู่ในสมาชิกภาคีอนุสัญญาเรื่องนี้ ไม่กล้าปริปากบ่นสักแอะ นับตั้งแต่นี้ต่อไป นับตั้งแต่เกิดสงครามในยูเครน อเมริกาและชาติพันธมิตรนาโตสนับสนุนอาวุธให้ยูเครนจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระสุนปืนใหญ่ 155 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นอาวุธสำคัญที่ยูเครนใช้ สหรัฐฯ ให้กับยูเครนไปแล้วมากกว่า 2 ล้านนัด

ล่าสุด แม้กระทั่งรัฐบาลญี่ปุ่น ที่มีนายคิชิดะ ซึ่งเป็นฝ่ายขวาจัด ขึ้นมาเป็นนายกฯ อยู่ในทวีปเอเชียก็ยังได้รับการร้องขอทั้งจากยูเครน และอเมริกา ให้สนับสนุนอุปกรณ์หลายอย่าง โดยเฉพาะกระสุนปืนใหญ่ 155 มิลลิเมตร แต่เผอิญญี่ปุ่นมีกฎหมายห้ามส่งออกอาวุธ


ตั้งแต่เกิดสงครามยูเครน ญี่ปุ่นสนับสนุนเพียงแค่เสื้อเกราะกันกระสุน หมวกทหาร อุปกรณ์กันหนาว เต็นท์ กล้องส่องทางไกล อุปกรณ์ให้ความสว่าง เวชภัณฑ์ และอาหาร เท่านั้น ไม่เคยสนับสนุนอาวุธยุทโธปกรณ์ให้ยูเครน

ในช่วงเดือนมีนาคม ปีนี้ ซึ่งนายกฯ คิชิดะ ฟูมิโอะ เดินทางไปเยือนยูเครน ญี่ปุ่นมีเทคโนโลยีดาวเทียมที่เรียกว่า SAR ซึ่งสามารถถ่ายภาพความละเอียดสูงบนพื้นโลกได้ถึงแม้จะมีสภาพอากาศที่บดบังทัศนวิสัย ยูเครนขอที่จะใช้ดาวเทียมนี้ของญี่ปุ่น แต่สร้างความลำบากใจให้ญี่ปุ่น เพราะเกรงว่ายูเครนจะใช้ภาพถ่ายดาวเทียมญี่ปุ่นก่อให้เกิดการทำลายชีวิต ซึ่งขัดต่อแนวนโยบายป้องกันประเทศของญี่ปุ่น รัฐบาลญี่ปุ่นก็จะพิจารณาคำขอของยูเครนจริงจัง และจะประเมินตามสถานการณ์ แต่จนวันนี้ก็ยังไม่มีวี่แววจะอนุญาตให้ยูเครนได้ใช้ดาวเทียม SAR


แต่เมื่อสงครามยูเครนดุเดือดมากขึ้น ทางตะวันตกและยูเครนมีภาพชัดเจนว่าต้องแพ้แน่นอนแล้ว อเมริกาก็เลยเรียกร้องให้ญี่ปุ่นอย่างหนักข้อให้ญี่ปุ่นส่งกระสุนปืนใหญ่ให้ยูเครน ญี่ปุ่นยากจะปฏิเสธ แต่ก็หาช่องทางหลีกเลี่ยงการฝ่าฝืนแนวนโยบายการห้ามส่งออกอาวุธ โดยญี่ปุ่นจะส่งระเบิด TNT ให้กับยูเครน แทนการส่งมอบกระสุนปืนใหญ่ให้โดยตรง

กระทรวงการต่างประเทศของรัสเซียเตือนญี่ปุ่นด้วยว่า ถ้าญี่ปุ่นยินยอมตามขอของอเมริกา ส่งมอบอาวุธยุทโธปกรณ์ให้กับยูเครน รัสเซียจะถือว่าญี่ปุ่นได้เข้าร่วมสงคราม และญี่ปุ่นต้องเผชิญความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นอย่างยิ่งในด้านความปลอดภัย

ไม่เพียงแต่ญี่ปุ่นที่ถูกกดดันอย่างหนัก ก่อนหน้านี้เกาหลีใต้ถูกขอให้ส่งกระสุนปืนให้ยูเครน แต่เกาหลีใต้เองก็มีนโยบายคล้ายญี่ปุ่น คือไม่จัดหาอาวุธให้ประเทศที่อยู่ในความขัดแย้ง ต่อมาอเมริกาเชิญประธานาธิบดียุน ซ็อก-ย็อล เดินทางไปอเมริกา พร้อมต้อนรับอย่างอลังการ ทำให้เกาหลีใต้ได้หาทางเลี่ยงด้วยการส่งออกกระสุนให้โปแลนด์ แล้วโปแลนด์ค่อยส่งเข้ามายูเครนอีกต่อหนึ่ง


ประเด็นทั้งหมดนี้ การที่อเมริกาตัดสินใจส่งระเบิดลูกปราย หรือ Cluster Bombs ให้กับยูเครน แล้วกดดันให้ชาติพันธมิตรช่วยกันสนับสนุนอาวุธ แสดงให้เห็นว่านาโตกำลังจนตรอก และยูเครนแพ้แน่นอนแล้ว

สิ่งที่น่าคิดต่อไปคือ ประเทศไทย ที่อเมริการะบุชัดเจนว่าเมืองไทยนั้นเป็นสมาชิกพันธมิตรหลักนอกนาโต ตั้งแต่ปี 2546 ถ้าไทยมีรัฐบาลใหม่ที่ชูอเมริกาเป็นพ่อเหมือนรัฐบาลก้าวไกล พร้อมจะยืนข้างอเมริกา ไทยก็จะถูกอเมริกากดดันหรือไม่ ให้สนับสนุนยูเครนด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่ง

ประเทศไทยอาจจะตกที่นั่งเหมือนกับญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ที่ถูกลากให้เข้าไปอยู่ในสงคราม ซึ่งตอนนี้ขยายวงออกไปเรื่อยๆ ไม่ใช่แค่ยูเครน รัสเซีย นาโต แต่เพื่อนบ้านอย่าง สปป.ลาว กัมพูชา ก็ได้ออกมาแสดงท่าทีแล้ว

โชคดีที่เขายังไม่ได้รื้อฟื้นด้วยว่าระเบิดพวง หรือ Cluster Bombs ส่วนใหญ่ที่ฆ่าอดีตคนลาว และคนกัมพูชาเป็นเบือ และทุกวันนี้ยังฝังอยู่ในประเทศ สปป.ลาว และกัมพูชา ส่วนใหญ่จะถูกทิ้งมาจากเครื่องบินสหรัฐอเมริกา ที่บินมาจากฐานทัพประเทศไทย


“ประเทศไทยมีส่วนร่วมในการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติมาแล้ว โดยเป็นเครื่องมือ เป็นพรมเช็ดเท้าให้กับอเมริกาในยุคสงครามในเวียดนาม แล้วถ้าประเทศไทยต้องติดร่างแหสงคราม ผลกระทบอาจจะเหมือน Cluster Bombs ที่ฝังอยู่เป็นระเบิดมรณะที่เก็บกู้ไม่หมด ยาวนานกว่าครึ่งศตวรรษเข้าไปแล้ว” นายสนธิกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น