สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองงานเข้า เจ้าหน้าที่องค์กรระหว่างประเทศชาวเวียดนามโพสต์กล่าวหา ถูก ตม.มุกดาหารเรียกเก็บเงินค่าผ่านแดนเกินกว่าที่กำหนด แถมไม่มีใบเสร็จรับเงิน อ้างเป็นค่าทำงานวันหยุด
ข้อความนี้ถูกโพสต์เป็นภาษาอังกฤษเมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. วันเสาร์ที่ 8 กรกฎาคม 2566 โดยผู้โพสต์เป็นชาวเวียดนามซึ่งปัจจุบันทำงานสังกัดองค์กรระหว่างประเทศแห่งหนึ่ง ข้อความระบุว่า
“ฉันเพิ่งผ่านเข้า-ออกจากประเทศไทยผ่านจุดผ่านแดนทางบก ที่ จ.มุกดาหาร นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันไปยังประเทศที่ฉันชื่นชอบ (ประเทศไทย) ด้วยการผ่านจุดผ่านแดนทางบก
ตอนที่เดินทางผ่านเข้าประเทศไทย เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เรียกเก็บเงินจากคณะของพวกเรา 14 คน คนละ 200 บาท รวมเป็นเงิน 2,800 บาท และขากลับไปยังเวียดนาม คณะของเราถูกเรียกเก็บเงินอีกคนละ 20 บาท เป็นเงิน 280 บาท รวมทั้งขาเข้าและออก เราจ่ายไป 3,080 บาท แต่กลับไม่ได้รับใบเสร็จรับเงิน”
ชาวเวียดนามคนนี้เปิดเผยบทสนทนากับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองที่ด่านพรมแดน จ.มุกดาหารไว้ด้วย
ฉัน : ขอใบเสร็จรับเงินหน่อยค่ะ
จนท.ตม. : ไม่มีใบเสร็จ
ฉัน : แล้วจ่ายเป็นค่าอะไร
จนท.ตม : สำหรับการทำงานล่วงเวลา
ฉัน : ทำไมต้องทำงานล่วงเวลา นี่เป็นเวลาทำงานปกติ ??
จนท.ตม. : เพราะนี่เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์
เจ้าหน้าที่องค์กรระหว่างประเทศคนนี้จึงเขียนข้อความทิ้งท้ายไว้ในโพสต์ว่า
“รัฐบาลไทยจ่ายเงินค่าล่วงเวลาให้กับเจ้าหน้าที่ทำงานในวันหยุดสุดสัปดาห์หรือไม่ ??”
ทีมข่าวตรวจสอบข้อมูลการเก็บค่าธรรมเนียมเข้าประเทศไทย ซึ่งเรียกว่า ค่าเหยียบแผ่นดิน พบว่าคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองกำหนดให้ใช้หลักฐานชำระค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวภายในประเทศของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ดังนี้
เดินทางผ่านช่องทางอากาศ ต้องชำระค่าธรรมเนียมในอัตราคนละ 300 บาทต่อคนต่อครั้ง
เดินทางผ่านช่องทางบกและช่องทางน้ำ ต้องชำระค่าธรรมเนียมในอัตราคนละ 150 บาทต่อคนต่อครั้ง
แต่ในกรณีที่เจ้าหน้าที่องค์กรระหว่างประเทศชาวเวียดนามคนนี้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก พบว่าคณะทั้ง 14 คนถูกเรียกเก็ยค่าธรรมเนียมเข้าประเทศทางบก คนละ 200 บาท ซึ่งเกินกว่าในหลักเกณฑ์ คือ คนละ 150 บาท และยังถูกเรียกเก็บขาออกอีกคนละ 20 บาท ซึ่งไม่มีในหลักเกณฑ์
ที่สำคัญคือ ไม่มีใบเสร็จรับเงิน และมีข้ออ้างว่า เป็นค่าทำงานล่วงเวลา
ดูเหมือนว่าสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของไทยมีเรื่องที่จะต้องชี้แจงกับข้อกล่าวหานี้