xs
xsm
sm
md
lg

ฝากถึง “อานันท์ – ส.ศิวรักษ์” กองหนุนอาวุโสม็อบ 3 นิ้ว แก่แล้วทำประโยชน์ให้ชาติบ้าง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“สนธิ” ฝากถึง “อานันท์ ปันยารชุน – ส.ศิวรักษ์” กองหนุนอาวุโสม็อบ 3 นิ้ว ร่วมงานเลี้ยงกับ “อากู๋ แกรรมมี่” เตือนอายุ 90 กว่าแล้ว ควรเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่คนในประเทศได้พึ่งพา ช่วยดูแลบ้านเมือง อย่าทำร้ายชาติ-ศาสน์-กษัตริย์ แนะเอาอย่าง “ลุงจำลอง” ที่แต่ทำแต่ความดี มีชีวิตอย่างสมถะ ตามแนวทางพระพุทธเจ้า



ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” วันศุกร์ที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ ได้กล่าวถึงภาพการรับประทานอาหารค่ำของคนกลุ่มหนึ่งเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2566 อันประกอบด้วย นายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม หรือ อากู๋ แกรมมี่ ที่เป็นเจ้าภาพ ผู้นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี อายุ 91 ปี นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือ ส.ศิวรักษ์ อายุ 90 ปี นอกจากนั้นก็ยังมีคนที่เป็นสายพรรคก้าวไกล นายบรรยง พงษ์พานิช นายสรกล อดุลยานนท์ คอลัมนิสต์สื่อมติชน นามปากกา "หนุ่มเมืองจันท์" นายภิญโญ ไตรสุริยธรรมา อดีตบรรณาธิการนิตยสาร OPEN นายสราวุธ เฮ้งสวัสดิ์ เจ้าของนามปากกา "นิ้ววกลม" นายธนา เธียรอัจฉริยะ อดีตผู้บริหาร DTAC ตอนนี้ทำงานอยู่ที่ SCB เป็นต้น


นายสนธิ กล่าวว่า คนพวกนี้มารวมตัวกันในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เชื่อว่าเป็นการสังสรรค์กันของคนที่มีนิสัยทางการเมืองเหมือนกัน หลักการเหมือนกัน ชอบพรรคก้าวไกลเหมือนกัน เกลียดลุงตู่ เกลียดลุงป้อม เกลียดลุงป๊อก แล้วก็สถาบันกษัตริย์มีก็ได้ ไม่มีก็ได้ มาสังสรรค์กันก็แล้วกัน แต่ต้องจำเอาไว้ ตัวบุคคล เช่น นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ เป็นผู้ใหญ่ ผู้อาวุโสคนหนึ่งที่ออกมาหนุนหลังม็อบล้มเจ้า ออกมาประกาศเลยทั้งๆ ที่ตัวเอง 90 ปีแล้ว ว่าเห็นด้วยกับการยกเลิกมาตรา 112 ยังออกมาคอยเคลื่อนไหวสนับสนุนเด็กสามนิ้ว ร่วมทำกิจกรรมเดินทะลุฟ้า คืนอำนาจให้ประชาชน ยกเลิกมาตรา 112 เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2564


“มาตรา 112 นั้น คุณสุลักษณ์ รู้อยู่แก่ใจ เพราะตัวเองโดนดำเนินคดีเหมือนผม ซึ่งโดนดำเนินคดีในมาตรา 112 แต่ต่างกันตรงนี้ ผมสู้ด้วยตัวเองไปตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งผมบริสุทธิ์ใจ ศาลชั้นต้นยกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุก 2 ปี และศาลฎีกายกฟ้อง แต่คุณสุลักษณ์ ศิวรักษ์ ที่ตัวเองกับสาวกชอบนัก อุปโลกน์ว่าเป็นปราชญ์สยาม ใช้วิธีลัดจริงๆ แล้วเป็นคนขี้ขลาดตาขาว ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ มาตรา 112 ซึ่งในหลวงรัชกาลที่ 10 ทรงพระเมตตา ยกโทษให้ ทั้งยังโปรดเกล้าฯ ให้นายสุลักษณ์ เข้ามาเข้าเฝ้าฯ เป็นการส่วนพระองค์เสียด้วยซ้ำ”


นายสนธิ กล่าวต่อว่า นายสุลักษณ์ย่อมรู้ดีว่าสิ่งที่ม็อบสามนิ้ว ซึ่งผลักดันโดยบุคลากรของพรรคก้าวไกล ที่เป็นอดีตพรรคอนาคตใหม่ นำโดยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ทำอย่างนั้น และที่ผ่านๆ มาถูกดำเนินคดีมาตรา 112 อยู่นั้น ยกตัวอย่างเช่น สิ่งที่ "น้องหยก" เขียนบนพื้น ซึ่งเป็นข้อมูลเท็จเกี่ยวกับเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 นั้น มิได้เป็นการแสดงความเห็นอย่างสุจริต หรือเป็นการพูดถึงข้อเท็จจริงอันปราศจากอคติ หรือกล่าวในเชิงวิชาการ แต่เป็นการใส่ร้ายป้ายสี โป้ปดมดเท็จ แสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสามสถาบันหลักของชาติ ด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จ เป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอย่างรุนแรง ไม่ใช่น้องหยกเพียงคนเดียว แต่เป็นกลุ่มม็อบสามนิ้ว ม็อบทะลุวัง ม็อบทะลุแก๊ส เยาวชนปลดแอก และกลุ่มต่างๆ ทั้งหมดที่เชื่อมโยงกับกลุ่มคนพวกนี้


ส่วนนายอานันท์ ปันยารชุน สมัยที่เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นคนยกเลิกพระราชอำนาจการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งแต่ก่อนอยู่ในพระราชอำนาจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมัยรัชกาลที่ 9 นายอานันท์ยกเลิกเฉยเลย ไม่มีเหตุผลในการยกเลิก บางคนก็บอกว่านายอานันท์ นับถือคริสต์ ก็ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ หนำซ้ำก่อนหน้านี้ยังเคยปรากฏภาพความสนิทสนมระหว่างนายสุลักษณ์ นายอานันท์ กับบรรดาแกนนำพรรคก้าวไกลทั้งหลาย บางเหตุการณ์ก็เป็นการพูดคุยกันเป็นการส่วนตัวด้วย


“ผมเลยอยากจะฝากเอาไว้ ทั้งนายสุลักษณ์ และอานันท์ 91 สุลักษณ์ 90 เป็นผู้ใหญ่ที่มีคนไหว้ กราบไหว้ เคารพ อยากพบ ภาพที่ปรากฏออกมาเป็นแค่เหตุการณ์หนึ่งเท่านั้น แต่ความจริงแล้ว ท่านผู้ชมครับ คุณสุลักษณ์ครับ คุณอานันท์ครับ คุณจะมีโอกาสพบปะแลกเปลี่ยน ให้คำปรึกษา ให้คำแนะนำใคร เป็นการส่วนตัวหรือไม่ ไม่มีใครทราบได้ เพียงแต่ผมอยากฝากว่าพวกคุณเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่คนในประเทศหวังพึ่งพา ช่วยดูแลบ้านเมืองหน่อยได้ไหมครับ กรุณาอย่าแก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน อย่าได้ทำอะไรเพื่อเป็นการทำร้ายชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์กันเลยครับ ไหนๆ ก็จะตายกันอยู่แล้ว ใช้ส่วนสุดท้ายของชีวิตทำประโยชน์ให้กับชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เถอะครับ”


นายสนธิ กล่าวอีกว่า ก่อนจะจบเรื่องคนแก่ นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ และ นายอานันท์ ปันยารชุน อายุ 90, 91 ปี อยากจะนำเรื่องคนแก่อีกคนหนึ่ง อายุ 88 ปี มาเล่าให้ฟัง


"เมื่อ 2-3 วันที่แล้ว เป็นวันเกิดของผู้ใหญ่ที่ผมเคารพและนับถือมาก ไหว้ได้โดยไม่อาย และไหว้ได้ด้วยความเต็มใจ คือ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง "ลุงจำลอง" ของพวกเรา ปีนี้อายุ 88 ปีแล้ว สุขภาพไม่ค่อยดี


"ลุงจำลอง มีหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อ ประวัติชีวิต พลตรี จำลอง ศรีเมือง มีโอกาสหาซื้อมาอ่านเอาไว้ เก็บเอาไว้ในห้องสมุดหรือที่บ้าน มีเวลาว่าง อ่านเสร็จ แนะนำให้ลูกหลาน บอกชีวิตนี้ทั้งชีวิต มีเวลาให้อ่านหนังสือเล่มนี้ของลุงจำลอง


“ลุงลอง พูดตอนจบของหนังสือประวัติชีวิตท่าน บอกว่า "ความสำเร็จของผมไม่ใช่การเป็นผู้ว่าฯ เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นนายพล เป็นอะไรต่อมิอะไร แต่ความสำเร็จอยู่ที่เราทำตัวของเราเองให้เห็นแก่ตัวน้อยลง เห็นแก่คนอื่น เห็นแก่สังคมมากขึ้น ต้องเอาตัวอย่างของยอดบุคคลแห่งโลก คือ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ท่านอยู่ในลักษณะของผู้ที่กินน้อย ใช้น้อย ทำงานมาก ที่เหลือก็จุนเจือสังคม ถึงเราจะทำตามท่านไม่ได้ทั้งหมด แม้เพียงน้อยนิดก็ยังดี"


“นี่คือ "ลุงลอง" ของผม เป็นผู้ใหญ่คนเดียวที่เดินมาเมื่อไร ผมต้องวิ่งเข้าไปประคอง กราบที่อกด้วยความศรัทธา จริงใจ แต่ก่อนเคยอาบน้ำ 3 ขัน อย่างไร วันนี้ก็ยังอาบน้ำ 3 ขันอยู่ ก็ยังเสื้อม่อฮ่อมอยู่เหมือนเดิม กางเกงตัวเก่าๆ อยู่ 2 คนตา-ยาย กับพี่ศิริลักษณ์ ศรีเมือง ทำแต่คุณงามความดีมา ไม่ได้เคยไปนั่งจิบไวน์ ไม่มีวันที่จะได้รับเชิญจากนายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม หรืออากู๋ นั่งบนโซฟา ยิ้มแย้มแจ่มใส จิบไวน์กัน กระซิบกระซาบกัน



“ลุงลอง เป็นคนที่ผมเห็นท่านเดินมาเมื่อไร ผมต้องรีบวิ่งเข้าไปกราบและประคองตัวท่าน แต่อานันท์ ปันยารชุน หรือ สุลักษณ์ ศิวรักษ์ เดินมาที่ไหน เมื่อไร ถนนเส้นไหน ผมจะเดินข้ามถนนไปเดินฝั่งตรงข้ามเลย คนละเรื่องกันเลย ระหว่าง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง กับ อานันท์ ปันยารชุน และ สุลักษณ์ ศิวรักษ์” นายสนธิกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น