xs
xsm
sm
md
lg

“สามนิ้วฮาร์ดคอร์” แทบแดดิ้น เมื่อ “พิธา” ประกาศจะน้อมนำพระราชดำรัสฯ มาใช้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“สนธิ” ชี้เหตุการณ์วันเปิดประชุมสภา “พิธา” โค้งคำนับต่อในหลวง ซ้ำบอกจะน้อมนำพระราชดำรัสมาใช้บริหารราชการแผ่นดิน ทำเอา “สามนิ้วฮาร์ดคอร์” รับไม่ได้ จน “ช่อ พรรณิการ์”ต้องออกมาแก้ต่าง โยนผิดให้นักข่าวที่ตั้งคำถาม เชื่อ “พิธา” ชูแก้ 112 เพื่อหาเสียง แต่ตอนนี้ไม่น่าจะอยากแก้ เพราะใกล้จะได้อำนาจแล้ว ขณะที่ “ช่อ” ยังวนเวียนอยู่กับการแซะสถาบัน เล่นตลกร้ายโพสต์คลิปคุยโทรศัพท์กับ “ปรีดี”



ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” วันศุกร์ที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ ได้กล่าวถึงกรณีเมื่อวันจันทร์ที่ 3 กรกฎาคม 2566 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดประชุมรัฐสภา ณ ห้องประชุมอาคารรัฐสภา ถ.สามเสน ทรงมีพระราชดำรัส ให้ ส.ส.ปฏิบัติหน้าที่ยึดผลประโยชน์ประเทศชาติประชาชนไว้สูงสุด

วันนั้น ส.ส.พรรคก้าวไกลที่ปลุกเด็กต่อต้านเครื่องแบบและผลักดันการแก้มาตรา 112 กลับแต่งชุดขาวเต็มยศเข้าร่วมรัฐพิธีโดยพร้อมเพรียงกัน นำโดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์หัวหน้าพรรค ทั้งหมดยืนเคารพโค้งคำนับอย่างภาคภูมิใจ ขณะ ส.ว. ส.ส. ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ดังกระหึ่ม


เรียกได้ว่าเป็นการร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีที่ดังที่สุดครั้งหนึ่งก็ว่าได้ ตามกำหนดการณ์ทุกครั้ง ช่วงแรกจะมีแค่เพลงเปิดบรรเลง ตอนเสด็จกลับถึงจะร้องสรรเสริญเพื่อส่งเสด็จกลับ

แต่งวดนี้พอเพลงบรรเลงขึ้นในช่วงรับเสด็จ สมาชิกวุฒิสภาเป็นต้นเสียงร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีต่อหน้าพระพักตร์ ทำให้นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พากันร้องตามจนเสียงกึกก้อง และถ่ายทอดสดผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ให้พี่น้องประชาชนคนไทยที่จงรักภักดีได้ร่วมรับฟังและร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีไปพร้อมกัน

นี่เป็นการร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีพร้อมดนตรีบรรเลงในงานรัฐพิธีเปิดสมัยประชุมสภาที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

สิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้คนไทยผู้จงรักภักดีปลื้มใจ มีแรงกำลังที่จะปกป้องชาติศาสนาพระมหากษัตริย์ บรรดา ส.ว. ที่รักชาติรักสถาบันก็ฮึกเหิม ขณะที่ ส.ว. ส่วนน้อยที่อยากจะยกมือให้นายพิธา ก็ต้องคิดทบทวนให้ดีอีกรอบ แต่ที่แน่ๆ มีคนจับตาคอยดูอยู่แล้ว ใครก็ตามที่สนับสนสุนนายพิธา ซึ่งมีความประสงค์จะล้มล้างสถาบันกษัตริย์นั้นจะมีการเก็บรายชื่อเอาไว้แล้วจะเอามาประจานในรายการ

งานนี้ ส.ว. เปิดหน้า ส่งสัญญานชัดเจนเลยว่าที่นี่คือสภา ที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองมีอยู่จริง อย่ามาเล่น อย่ามาทำให้แปะเปื้อน ดอกนี้ ส่งสัญญานถึง ส.ส.เด็กอมมือหน้าใหม่ทั้งหลาย ว่าแผ่นดินนี้ มันยืนยาวเกินกว่าจะให้เด็กอมมือมานั่งเล่นขีดเขียน ตอนนี้ วงในจับตามอง ส.ว.ไม่กี่คนที่พร้อมขายวิญญาน จะทำยังไงต่อเกมจิตวิทยาชั้นสูง

แล้วเพลงสรรเสริญพระบารมีเปรียบเสมือนน้ำมนต์ น้ำพรมจากสวรรค์ ร่มเย็นยามเปล่งร้อง แต่ขณะเดียวกันมันก็คือไฟนรกแผดเผายามอมนุษย์หรือสัตว์เดรัจฉานได้ยินเช่นกัน ใครมีอาการดิ้นทุรนทุราย ใครเก็บอาการไม่อยู่ ใครอยากจะล้มเจ้าซะจนตัวสั่น ต่อเมื่อได้ยินเสียงเพลงนี้ มันจะทุกข์ทรมานภายในใจเหลือเกิน


แล้วภาพประวัติศาสตร์ในวันนั้น คือภาพนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ โค้งคำนับถวายความเคารพต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 โดยค้อมเอวมากกว่า 45 องศา ซึ่งเป็นแสดงถึงความเคารพอย่างสูงสุด ผิดกับตอนอยู่บนเวทีปราศรัยเหมือนหนังคนละม้วน บนเวทีนายพิธามักจะปากเก่ง ยืนยันปฏิรูปสถาบัน แก้ไขมาตรา 112 อย่างหนักแน่น

ยิ่งกว่านั้น วันอังคารที่ 4 กรกฎาคม 2566 วันต่อมา ที่รัฐสภา พอมีนักข่าวไปถามนายพิธา ว่า “ในฐานะหัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล จะน้อมนำพระราชดำรัสไปปรับใช้กับพรรคอย่างไรบ้าง?”

นายพิธา กล่าวตอบว่า จะนำพระราชดำรัสโดยเฉพาะอย่างยิ่งคำว่าชาติ และประชาชนที่ท่านเน้นย้ำมาในการใช้บริหารราชการแผ่นดิน


ย้ำว่านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้ที่จะต้องทำตามเจ้าของพรรคอย่างนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล และนางสาวพรรณิการ์ (ช่อ) วานิช พูดว่า “จะน้อมนำพระราชดำรัส โดยเฉพาะชาติและประชาชน มาใช้ในการบริหาร” ข้อความนี้ถูกสื่อนำไปเผยแพร่กันทั่ว

ปรากฏว่าบรรดา “สามนิ้วฮาร์ดคอร์” รับไม่ได้ พากันงงว่า “แล้วที่ผ่านมาคืออะไร?”

ปราจารย์ของพวกล้มกษัตริย์ นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 ปัจจุบันลี้ภัยที่ประเทศฝรั่งเศส ถึงกับออกมาโพสต์คำอุทานสั้นๆ ให้นายพิธาว่า “พ่อง”


พอเห็นท่าไม่ดี “ช่อ” พรรณิการ์ วานิช ต้องรีบออกมาแก้ตัวแทนนายพิธา บอกว่า "ให้ทายว่านักข่าวสำนักไหน คนนี้เคยถามจนคุณยิ่งลักษณ์ร้องไห้มาแล้ว" ในทำนองที่ว่าเรื่องนี้คนตอบไม่ผิด ผิดที่คนถาม !?!

“คุณช่อครับ ผมจะบอกให้ก็ได้ว่า นักข่าวคนนั้นคือนักข่าวชองผม สื่อผู้จัดการนั่นเอง เขาก็ถามไปตามเนื้อผ้า ผมไม่เคยพูดกับเขาเลย ไม่เคยบอกว่าเขาต้องถามอะไรกับใคร แต่เมื่อคุณทักมาอย่างนี้ ผมก็จะตอบคุณช่อสั้นๆ ด้วยว่าแล้วยังไงล่ะ มีปัญหาหรือเปล่า?"

“ก็ในเมื่อนักข่าวของสื่อเครือผู้จัดการ ถามคำถามไป แล้วคุณพิธาตอบมาอย่างนี้เอง มันผิดตรงไหนล่ะ?


“ผมพูดตรงๆ นะว่า ผมดูทรงแล้วเนี่ย คุณพิธา คุณช่อต้องเลิกสร้างภาพ เอาความจริงออกมาพูดกันได้แล้ว ว่าทุกวันนี้ที่คุณพูดเรื่องจะแก้มาตรา 112 ก็เพื่อหวังคะแนนนิยม เอาใจด้อมส้ม เอาใจพวกเด็กสามนิ้วพวกที่เลือกคุณเข้ามาสู่อำนาจเท่านั้น แต่ใจจริงสำหรับคุณพิธาคนเดียวนะ ไม่ได้อยากแก้มาตรา 112 เพราะคุณพิธาได้ก้าวเข้าสู่อำนาจสำเร็จแล้ว ก็ประกาศออกมาเลย

“ส่วนคุณช่อก็ต้องหยุดโกหกพกลมได้แล้ว คุณวนเวียนอยู่กับการแซะสถาบันพระมหากษัตริย์ ทำเป็นตลกร้าย โพสต์คลิปวีดีโอผ่านติ๊กต็อกต่อสายโทรศัพท์คุยกับปรีดี พนมยงค์ แสดงความยินดีในสิ่งที่ปรีดีทำมาจวนครบ 100 ปี จะได้จัดงานฉลองใหญ่ จากกรณีเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ที่ผ่านมา เป็นวันครบรอบ 91 ปี ปฏิวัติ 2475 กองเชียร์ คอนด้อมส้ม ก็เฮตาม ไม่ลืมหูลืมตา แต่คนมีปัญญามีความคิดเขาเห็นว่าพวกคุณมันหมกมุ่นอยู่แต่กับการล้มสถาบัน ทั้งๆ ที่กำลังมีโอกาสได้เป็นรัฐบาล แทนที่จะคิดถึงภาพใหญ่ภาพรวมในการแก้ไขปัญหาชาติ ซึ่งมีอยู่มากมายรับมือไม่หวาดไม่ไหว ปัญหาปากท้องประชาชน คนอย่างช่อ ปิยบุตร กลับถอยหลังไปวันเวียนอยู่กับ 2475 พูดปล่อยคำล้าหลังคลั่งลัทธิคอมมิวนิสต์อย่าง “ฟ้าสีทองผ่องอำไพ”


“ให้คุณรับรู้เป็นข้อมูลเบื้องต้น คุณช่อ อีกไม่นาน ผมจะเอามีดปลายแหลมลงอักขระยันต์ แทงขั้วหัวใจพวกคุณทุกคนด้วยหลักฐานที่ไม่เคยมีใครมีมาก่อน และเป็นหลักฐานของสำนักนายกรัฐมนตรีที่ยืนยันว่าสิ่งที่ผมเคยพุดมาแล้ว หรือสิ่งที่อจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ เคยเขียนมาแล้วว่า คณะราษฎร 2475 นั้น เป็นคณะโจร พวกคุณแอบนับถือโจรเป็นบิดาบังเกิดเกล้า แล้วหลักฐานอันนี้เมื่อผมเปิดออกมาแล้ว ทุกคนจะถึงบางอ้อ อ๋อมันเป็นอย่างนี้เอง ไอ้ 2475 ที่บอกว่ามันเปลี่ยนแปลงนั้น ก็คือเปลี่ยนแปลงจากพระมหากษัตริย์ไปสู่คณะโจรนั่นเอง” นายสนธิกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น