“สนธิ” เปิดหน้า ผู้ใหญ่ให้ท้าย “หยก” อ้างแค่เรื่องสิทธิเสรีภาพแบบแท่ๆ ตามก้นฝรั่ง ไม่สนใจกฎระเบียบ การฝึกความรับผิดชอบให้เด็ก สุดท้ายเด็กเป็นฝ่ายถูกกระทำ ถูกผู้ใหญ่ล้างสมองและใช้เป็นเครื่องมือ ให้เด็กออกหน้า
ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” วันศุกร์ที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ ได้กล่าวถึงกรณีของ“หยก ธนลภย์”ว่า สามารถใช้เป็น“มาตรวัด”คุณธรรม จริยธรรม ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ความชั่วร้าย เลวทราม รวมไปถึงความกล้าหาญ และความขี้ขลาดตาขาวของผู้ใหญ่ และองค์กรต่าง ๆ ในสังคม ได้อย่างดี
โดยได้รวบรวมเอาตัวอย่างของบุคคล และองค์กรบางส่วนที่ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับกรณี“หยก”ที่หลายคนใช้ไม่ได้ เพราะพูดบนพื้นฐานอยากจะเอาใจเด็ก, เกรงใจพวกด้อมส้ม ไม่สนใจที่จะแสวงหาข้อเท็จจริงหรือเคารพหลักการ-กฎระเบียบ ดังนี้
1) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยการเมืองและการพัฒนา มหาวิทยาลัยรังสิต ที่ออกมากล่าวว่า "หากเป็นผู้อำนวยการโรงเรียน จะแก้ปัญหาแบบมีเมตตาธรรม ด้วยการเปิดประตูไว้ทั้งวัน อยากมาเรียนตอนไหนก็เรียนได้ ไม่ต้องปีนรั้ว พร้อมจัดโต๊ะเก้าอี้ให้นั่งเรียน ให้เด็กเรียนวิชาการดีกว่าไปอยู่นอกห้องเรียน จัดการเรียนการสอนวัดผลเป็นปกติ"
นายสนธิกล่าวว่านายสมชัยเดินในทุ่งลาเวนเดอร์มากเกินไปหรือเปล่า กลับมาดูข้อเท็จจริง เรื่องราวต่างๆ เด็กคนนี้ไม่ผิด แต่เด็กคนนี้ถูกคนที่อยู่เบื้องหลังปลุกปั่นและกำกับให้ทำ แต่นายสมชัยเออออห่อหมกไปด้วย
“คุณสมชัยครับ ผมเข้าใจดี ช่วงหลังนี้คุณออกโซเชียลฯ บ่อย ออกเฟซบุ๊ก ลงโพสต์เยอะ คุณต้องการแสง แต่นี่ไม่ใช่วิธีที่เอาแสงเข้ามาอย่างถูกต้อง แล้วคุณจะทำอย่างไรกับเด็กอีก 4,073 คน ที่เขาอยู่ในระเบียบ เขาทำตามระเบียบของโรงเรียนทุกประการ คุณสร้างข้อยกเว้นให้คน 1 คน แล้วคุณก็บอกคนอีก 4,073 คน ว่า นี่นะ ยกเว้นนะ แล้วเด็ก 4,073 คน มีไหมที่จะต้องคิดว่า ถ้าอย่างนั้นโวยวายบ้างได้ไหม คุณสมชัย คุณอย่าผิดแล้วผิดอีก” นายสนธิกล่าว
2) นางทิชา ณ นคร ผอ.ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนบ้านกาญจนาภิเษก ต้นตอที่ให้ท้ายหยก และกลุ่มทะลุวังมาตลอด บอกว่าเคยคุยกับ "หยก" มา 3 ครั้ง "หยก" ไม่ก้าวร้าว ไม่ได้ถูกล้างสมอง เป็นตัวของตัวเอง เพราะถูกจับตอนอายุ 14 ด้วยข้อหา ม.112 "น้องหยก" ไม่ได้เกิดมาสุดโต่ง ก้าวร้าว ไม่ได้บ้า ไม่ได้เพี้ยน ไม่ได้เป็นอย่างที่ถูกป้ายสี
“นี่ป้ายสีเหรอ ? คุณทิชา คุณฟังให้ดีๆ "น้องหยก" เขียนอาฆาตมาดร้ายรัชกาลที่ 9 สมเด็จพระพันปีหลวง ในจำเลยคดี 6 ตุลาฯ ไล่เป็นชิ้นเลย คุณทิชา คุณอยู่กับพวกเด็กมาเยอะ ผมเข้าใจ เด็กที่น่าสงสาร และเด็กที่น่าจะช่วยมีมาก แต่เด็กที่ถูกผู้ใหญ่เลวๆ ปั่นหัวอยู่ข้างหลัง ทำไมคุณทิชา ไม่มองให้ทะลุไป ว่าเด็กพวกนี้ไม่ผิด แต่ที่ผิดคือมีขบวนการปั่นหัวเด็กพวกนี้ ผมพูดมาตลอดรายการ คุณทิชา ฟังเสียบ้าง อย่าทำตัวเท่ เพราะคุณเคยมีชื่อเสียง คุณเคยอยู่กับเด็ก คุณพูด ทุกคนต้องฟังคุณ” นายสนธิกล่าว
3) น.ต.ศิธา ทิวารี เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทยบอกว่า เด็กทุกคนไม่ควรจะต้องหลุดพ้นต่อระบบการศึกษาและในการแสดงออก เยาวชนคือเยาวชน การพูดคุย เปิดใจรับฟังความคิดเห็นจะหาทางออกได้ การย้อมผมเพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ต่อระบบอำนาจนิยมเป็นสิ่งที่ "หยก" ต้องการสื่อสารกับสังคม มีหลายคนที่แสดงออกเชิงสัญลักษณ์มากมาย เพื่อสะท้อนให้เห็นว่าพวกเขาถูกกดดันอยู่ มีสิทธิจะแสดงออก
นอกจากนั้น น.ต.ศิธา ยังโพสต์เฟซบุ๊กด้วยว่า ชุดนักเรียนคือความเท่าเทียมของคนมีเงินซื้อชุดให้ลูกใส่ ชุดนักเรียนไม่ใช่การกดขี่ แต่บังคับให้เด็กต้องใส่ ชุดนักเรียนปกป้องคุ้มครองนักเรียนได้ยังไง มันคือเสื้อเกราะ ? เสื้อยันต์ ? ชุดนักเรียน ไม่ได้ทำให้เด็กไม่เก่ง และก็ไม่ได้ทำให้เด็กเก่งด้วยเช่นกัน เวลาที่เขาบอก ใส่ชุดอะไรก็ได้ ก็คือ เด็กสามารถใส่ชุดนักเรียนไปเรียนได้เช่นกัน ไม่มีใครบังคับใคร ตกลงผู้ใหญ่หรือเด็กที่เอาแต่ใจ
“คุณศิธา ครับ คุณศิธา ละเลยข้อเท็จจริงไปมาก ชุดนักเรียนถูกสร้างมาเพื่อให้เกิดความเท่าเทียมกัน ชุดนักเรียนให้รู้ว่านี่คือนักเรียน เหมือนคุณอยู่ในท่ามกลางทุกคน แล้วบอกว่าทุกคนไม่จำเป็นต้องแต่งยูนิฟอร์ม ถ้ามีโจรบุกเข้ามาปล้นคุณ สิ่งแรกที่คุณคิดก็คือตำรวจ ใช่ไหม แล้วคุณมองไป มีไหม คนใส่ชุดยูนิฟอร์มตำรวจ เอ้า! สิทธิเสรีภาพไง คุณก็ไม่ต้องใส่ชุดอะไรก็ได้
“ถ้าคุณได้เข้าสภาฯ ไป หรือคุณหญิงหน่อย สุดารัตน์ ได้เป็นรัฐมนตรี ก็บอกคุณหญิงหน่อยใส่ไพรเวตไปสิ ใส่กางเกงขาสั้นไป รองเท้าแตะ สิทธิเสรีภาพไม่ใช่หรือ คุณศิธา ทำไมต้องแต่งตัวให้เรียบร้อยล่ะ เพราะการแต่งตัวให้เรียบร้อยก็ไม่ได้ทำให้คุณเก่งขึ้น ตามคอนเซปต์ของคุณ
“คุณเลิกหิวแสงเถอะคุณศิธา ช่วงหลังนี่คุณเพี้ยนหนักเลย เพี้ยนหนักๆ คุณอย่าบ้าแสงให้มากนัก คุณกลับมาสู่โลกความเป็นจริงได้เสียที แล้วก็เข้าใจหน่อย ผมพูดมาตลอด คุณไปดูซิว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันมีคนอยู่เบื้องหลังทั้งนั้น นี่คุณกำลังจะกลายเป็นคนหนึ่งนะที่อยู่เบื้องหลังเด็กพวกนี้” นายสนธิกล่าว
4) คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) วันที่ 19 มิถุนายน 2566 กสม.ออกแถลงการณ์เรื่อง สิทธิเด็กกรณีหยก กรณี "น้องหยก" บอกเป็นเรื่องการป้องกันสิทธิเด็ก
“คุณเป็นคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้อย่างไร คุณแยกแยะไม่ออกเลยหรือว่าสิทธิเด็กมีอะไรบ้าง สิทธิเด็กถ้าโดนกดขี่ ถ้าโดนทำร้ายร่างกาย ถ้าโดนครูกลั่นแกล้ง นั่นคุณต่อสู้ไป แต่การที่ "น้องหยก" โดยการปลุกปั่นของคนที่อยู่เบื้องหลัง ให้ทำสีผม ให้แต่งไพรเวตไป ในขณะซึ่งนักเรียนอีก 4,073 คน เขาอยู่ในระเบียบ
“คุณเอาอีกแล้ว กระบวนทัศน์ คอนเซปต์ง่ายๆ นี้ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ ยังโง่ ไม่เข้าใจอีก เพราะว่าถ้าคุณไม่พูดแล้วคุณกลัวไม่เท่ใช่ไหม คุณเลยต้องพูดเพื่อให้เห็นว่าผมเป็นคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ นะ
“คุณเลิกคิดทีได้ไหม คุณค่าคุณในสายตาผม อายุ 76 ปี ผ่านโลกมาเยอะ อ่านหนังสือมาเยอะแยะไปหมด พวกคุณมันโคตรโหลยโท่ย มาเป็นได้อย่างไร แยกแยะความถูก-ความผิด ความควรหรือไม่ควร ไม่เป็น นี่ไม่ใช่กรณีของการที่ประชาชนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้ายร่างกาย หรือเข่นฆ่า ต้องหาความยุติธรรม เป็นสิทธิของนักโทษที่จะต้องมีสิทธิขั้นพื้นฐาน ไม่ใช่ นี่เป็นเรื่องระเบียบธรรมดาง่ายๆ ง่ายๆ เลย เพื่อให้ทุกอย่างมีระเบียบเรียบร้อยในโรงเรียน โดยอ้างถึงเรื่อง พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กฯ”นายสนธิกล่าว
คำแถลงของ กสม.ทำให้ ดร.นิวัตร นาคะเวช นายกสภาผู้ปกครองและครูแห่งประเทศไทย (สปคท.) ออกมาตอบโต้ว่า อยากเรียกร้องให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ช่วยดูแลรักษาสิทธิ์ให้กับนักเรียนทุกคนในโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการด้วย มิใช่ดูแลเฉพาะบุคคลใดบุคคลหนึ่ง
5) นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ อดีตรองอธิการบดี ซึ่งเชียร์“น้องหยก”และ“พรรคก้าวไกล” อย่างออกหน้าออกตาอยู่แล้ว
“อาจารย์ ถอดยูนิฟอร์มออกเหมือนกัน เอาอย่างนี้ อาจารย์ไม่ได้ใส่ยูนิฟอร์ม แต่ใส่เสื้อเชิ้ต ผูกเนกไท แต่อาจารย์มียูนิฟอร์มอยู่บนหัว คือเป็นอาจารย์ อาจารย์เข้ามาเล่นการเมืองเลยดีกว่า อย่าทำตัวเป็นอีแอบ อาจารย์แอบมานานแล้ว โผล่ตัวมาทีก็คอมเมนต์ช่วยทางฝั่งโน้น ฝั่งนี้
“หยุดหิวแสง ถ้าจะยืนอยู่ฝั่งพรรคก้าวไกล ยืนอยู่ฝั่ง "น้องหยก" ก็ออกมาสิ "น้องหยก" กำลังต้องการความช่วยเหลือ "ผักบุ้ง" คนเดียวเอาไม่อยู่แล้ว เอามาเลย ผม ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อดีตรองอธิการบดีธรรมศาสตร์ ชูธงเลย ผมสนับสนุนให้ "น้องหยก" แต่งไพรเวตเข้าไป ส่วนนักเรียนอีก 4,073 คน ผมไม่สนใจ เอา "น้องหยก" ก่อน คนเดียวพอ ชอบนัก ผมนี่รำคาญอาจารย์มาก รำคาญมานานแล้ว วันนี้ขอเปิดหน้าชกหน่อยแล้วกัน งานนี้” นายสนธิกล่าว
6) อธิษฐาน์ คงทรัพย์ อาจารย์โรงเรียนสาธิตธรรมศาสตร์ ออกมาเพ้อเจ้อไปเลย บอกว่า "หยก" ไม่ได้อยากย้ายโรงเรียน และประเด็นไม่ใช่เรื่องการแต่งกายและทรงผม แต่เป็นเรื่องการต่อสู้เพื่อเปลี่ยนแปลง เรียกร้องกติกาที่เป็นธรรมกับนักเรียนทุกคน
“นี่ผมยังไม่เข้าใจนะ การที่โรงเรียนบอกว่าต้องแต่งชุดนักเรียน แล้วห้ามทำสีผม มันเป็นกติกาที่ไม่เป็นธรรมกับนักเรียนได้อย่างไร ก็เขาเป็นนักเรียนนี่ ถ้าคุณอยากทำสีผม ถ้าคุณอยากแต่งตัวไพรเวต คุณก็ไปทำงานอย่างอื่นที่ไม่เกี่ยวกับอะไรที่จำเป็นต้องมียูนิฟอร์มสิ ไม่มีใครเขาห้าม ก็ 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ 99 เปอร์เซ็นต์ เขายินดีที่จะอยู่ในระเบียบ อยู่ในกติกา แล้วยูนิฟอร์มไม่ได้ทำอะไรให้คุณเสียหาย หรือคุณกลัวว่าพอคุณแต่งยูนิฟอร์มแล้ว คุณจะไปทำชั่วไม่ได้ เพราะคนจะรู้ คุณเลยต้องขอแต่งไพรเวต
ผอ.สาธิตธรรมศาสตร์ บอกว่า "หยก" ฝ่าฝืนการแต่งกาย เป็นเครื่องมือการต่อสู้เชิงสัญลักษณ์ในทางสันติวิธี เรียกว่า "อารยะขัดขืน" ต่อสู้แบบดื้อแพ่งเพื่อต่อต้านกฎหมายหรือกติกาที่ไม่เป็นธรรม
“คุณยังดูไม่ออกหรือว่า ยูนิฟอร์มมันไม่ได้เกี่ยวกับความเป็นธรรมหรือไม่เป็นธรรม คุณเข้าใจคำว่าระเบียบไหม แล้วคุณเองก็รู้ใช่ไหมว่าสาธิตธรรมศาสตร์ แต่งไพรเวตได้ แต่คุณก็มีวันเหมือนกันใช่ไหมที่บังคับเด็กจะต้องแต่งชุดยูนิฟอร์ม ถ้าอย่างนั้นคุณก็ประกาศเป็นหลักการไปเลยสิ สาธิตธรรมศาสตร์ ทีมเดียวกับปริญญา เทวานฤมิตรกุล ก็ประกาศไปเลย ใครมาเรียนสาธิตธรรมศาสตร์ ทำสีผมได้ ใส่กางเกงขาสั้นได้ อยากแต่งตัวอย่างไรก็แต่งได้ ใครมีพ่อแม่รวย จะเอาแบรนด์เนมทั้งตัวก็เข้าไปได้ ใครที่พ่อแม่จน ใส่กางเกงขาขาดไป ใส่รองเท้าแตะ ได้ทั้งนั้น” นายสนธิกล่าว
7)สหภาพคนทำงาน กลุ่มโมกหลวงริมน้ำ เครือข่ายภาคประชาชนรวมตัวเพื่อแสดงออกและสนับสนุนสิทธิเสรีภาพของผู้เรียนภายในสถานศึกษา ต่อต้านอำนาจนิยม โดยเดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)
สหภาพคนทำงาน NGO ชุดนี้คือชุดเดียวกับที่อยู่เบื้องหลัง "หยก" เมื่อเรียกร้องไป ปรากฏว่าได้ผล เพราะว่านายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรี พม. ออกมาถึงการแก้ปัญหานี้ จะเป็นตัวกลางประสานงานเพื่อความเข้าใจ
“ประสานงานอะไรเพื่อความเข้าใจ? คุณต้องพูดชัดจนเลยว่า เห็นใจ "น้องหยก" แต่ว่าองค์กร หน่วยงานต่างๆ มีระเบียบกติกาที่เขาต้องกำหนดลงมาเพื่อความเรียบร้อยของเขา คุณต้องพูดเลยว่า ถ้า "น้องหยก" รับกติกานี้ไม่ได้ เดี๋ยวกระทรวงฯ จะช่วยหาโรงเรียนให้ "น้องหยก" เรียน ที่รับ "น้องหยก" ได้ หรือว่าคุณจุติ ควักเงินส่วนตัวให้ "น้องหยก" ไปเรียนโรงเรียนอินเตอร์สิ จะได้แต่งไพรเวตได้ แม้กระทั่งโรงเรียนอินเตอร์หลายโรงเรียน ผมก็ยังเห็นเขาใส่ยูนิฟอร์มกันอยู่ คุณจุติ ครับ หิวแสงผิดที่นะครับ”
8) นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด นักเคลื่อนไหวกลุ่มคนเสื้อแดง บอกว่า "น้องหยก" แต่งไพรเวตนั้น ไม่ได้ทำร้ายตนเอง ทำร้ายผู้อื่น แต่โรงเรียนกลับยึดกฎเกณฑ์มากกว่าสิทธิมนุษยชนของนักเรียน
“คุณสมบัติ ครับ สิทธิมนุษยชนของนักเรียนคืออะไร ? สิทธิในการแต่งตัวได้ตามสบายหรือ ? สิทธิในการย้อมผมหรือ ? สิทธิในการเรียนโรงเรียนที่เข้าไปเรียนทั้งวัน แล้วเข้าไปเรียนเฉพาะตอนบ่ายวิชาเดียว แล้วก็ไม่เรียน แล้วก็เดินออกไป
“คุณสมบัติ คุณลืมไปแล้วหรือ นี่เป็นโรงเรียนมัธยมนะ ไม่ใช่มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยคุณจะแต่งตัวอะไรก็ได้ ไม่มีใครเขาว่า คุณเรียนกี่ภาค คุณไม่เรียนคาบเช้า 8 โมงเช้า คุณมาเลือกเรียนบ่ายสอง แล้วคุณค่อยเอาเพื่อนฝูงที่เรียน 8 โมงเช้า เอาสมุดเลกเชอร์มาลอก ไม่มีใครเขาว่าอะไร
“แต่นี่มันโรงเรียนมัธยม เวลาเข้า 8 โมงครึ่ง เคารพธงชาติ ครูมายืนหน้าโรงเรียนเพื่อมาดูแลความปลอดภัยของเด็ก เรียนจนถึงเที่ยง เที่ยงกินข้าว ถ้ามีโรงอาหาร มีอาหารโรงเรียน ก็กินอาหารโรงเรียน แล้วตกเย็นพอเลิกเรียนก็กลับบ้าน พ่อแม่มารับ โรงเรียนมัธยม ไม่ใช่มหาวิทยาลัย และโรงเรียนมัธยมเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างระเบียบวินัย เพื่อให้เด็กไทยอยู่ในระเบียบ อยู่ในวินัย
“ประเทศไทยไม่ไปไหนเลย เหตุผลก็เพราะว่ามีคนคิดอย่างคุณไง คุณดูคุณภาพของเด็ก ถ้าเอาตามที่พวกคุณว่ากันนี่นะ คุณภาพเด็กไทยในอนาคตมันไม่มีอนาคตเลยแม้แต่นิดเดียว วันๆ เรียกร้องแต่สิทธิเสรีภาพ
“เรียกร้องสิทธิเสรีภาพ แต่คุณไม่เรียกร้องความรับผิดชอบของเด็กบ้างหรือ ไม่เรียกร้องบ้างเลยหรือ คุณก็อ้างอย่างเดียวว่าการแต่งชุดนักเรียนไม่ได้ทำให้เด็กเก่งหรือไม่เก่ง ถูก คุณพูดอีกก็ถูกอีก เหมือนคุณบอกว่าพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก แต่ผมกำลังบอกว่า การเรียกร้องสิทธิเสรีภาพแต่ไปทำลายระเบียบที่ดีงามนั้น จะทำให้เด็กกลายเป็นคนที่ไม่มีระเบียบ และจะทำให้เมื่อโตขึ้นไปแล้ว มีกฎระเบียบอะไร เด็กพวกนี้จะไม่ยอมรับ เพราะเคยชินกับการใช้สิทธิเสรีภาพของตัวเองมาก”
9) นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล หรือ เจี๊ยบ อดีต ส.ส.พรรคก้าวไกลบอกว่า วันนี้เราหลงลืมพฤติกรรมกบฏในวัยเยาว์ของตัวเองหรือเปล่า อำนาจนิยมในสถานศึกษาทำให้ "น้องหยก" ต้องตัดสินใจปีนรั้วใช่หรือไม่ ? หรือโรงเรียนไม่ควรเป็นสายพานการผลิตคนให้มันเหมือนๆ กันหมด
“มันจะเหมือนกันหมดได้อย่างไร คุณเจี๊ยบไม่เข้าใจหรือ เด็กหลายคนที่อยู่ในระเบียบ เด็กสองคน ลูกชาย ดร.มานะ ชื่อสายน้ำ กู่ไม่กลับแล้ว แต่ก็มีน้องชายคนหนึ่งที่เรียนเก่งมาก เป็นอัจฉริยะทางคณิตศาสตร์ อันดับหนึ่งของประเทศไทย ติดอันดับโลก อ้าว เด็กที่เรียนเก่ง ลูกของ ดร.มานะ ก็เรียนเก่ง แล้วก็เป็นคนที่อยู่ในระเบียบ แต่งชุดนักเรียนไป ทำไมเขาเป็นได้ล่ะ
“โรงเรียนไม่ควรเป็นสายพานการผลิต แม้ว่ารู้ว่า "น้องหยก" ไม่ได้ทำถูกทุกอย่าง แต่การต่อสู้ต้องมีความอดทน นี่มันเป็นการต่อสู้อะไรกัน คุณกำลังขยายความเรื่องแค่ชุดนักเรียน กับการต่อสู้ ไปกันเละเทะหมดเลย
“อีกด้านหนึ่งคุณก็บอกว่ารำคาญโพสต์อบรมเด็กเรื่องสิทธิ หน้าที่ ความรับผิดชอบมากเลย ทำตัวเหมือนมี #saveหยก คุณอมรรัตน์ครับ อายุคุณก็มากแล้ว จริงๆ นะ ผมพูดตรงๆ นะ คุณอายุมากพอที่จะยื่นเรื่องต่อศาลแล้วขอรับ "น้องหยก" มาเป็นลูกบุญธรรมได้ อย่าช้า ไปเลยคุณอมรรัตน์ เอา "น้องหยก" ไปเป็นลูกบุญธรรมของคุณ คุณจะได้อบรมเขาได้ในทิศทางที่คุณต้องการ”
10) น.ส.รักชนก ศรีนอก ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล บอกว่าขอยืนยันจุดยืน ไม่ควรมีเด็กคนไหนต้องหลุดออกจากระบบการศึกษาด้วยความไม่สมัครใจ ไม่ว่าด้วยกฎระเบียบ ข้อบังคับใดก็ตาม เพราะสังคมบางส่วนรู้สึกว่าน้องทำตัวไม่น่ารัก หรือเพราะไม่เคารพกฎระเบียบแบบเดิมๆ หรือเปล่า เรากำลังต่อสู้กับขนบเดิมๆ กันอยู่ไม่ใช่หรือ
“คุณไอซ์ ระบบเดิมๆ คุณไปดูย้อนหลัง สมัยโบราณ ทหารก็มียูนิฟอร์มไม่ใช่หรือ ข้าราชการกระทรวงต่างๆ ก็มียูนิฟอร์มไม่ใช่หรือ ทำไมพวกบรรดา คุณชัชชาติ แต่งชุดราชการแล้วมีอินธนูอยู่บนบ่า ทำไมคุณไม่ด่าเขาบ้างล่ะว่ายูนิฟอร์มไม่ได้ทำให้คนฉลาดขึ้น ตำรวจทำไมเขาต้องแต่งยูนิฟอร์ม เพราะให้รู้ว่าเป็นตำรวจ นักเรียนทำไมต้องแต่งยูนิฟอร์ม เพราะให้รู้ว่าเป็นนักเรียน คนชับแท็กซี่ทำไมต้องแต่งยูนิฟอร์มที่กรมการขนส่งทางบกได้กำหนดเอาไว้ เพราะให้รู้ว่าทำหน้าที่อะไร
“ยูนิฟอร์มเป็นเครื่องแบบบอกอาชีพคน ยูนิฟอร์มไม่ได้ไปจำกัดว่าใครใส่ยูนิฟอร์มแล้วจะโง่ คนไม่ใส่ยูนิฟอร์มแล้วจะฉลาด คุณเข้าใจคำว่าระเบียบไหม ความเรียบร้อย คุณเข้าใจไหม ถ้าไม่เข้าใจ คุณอยากให้บ้านเมืองเละเทะ คุณไอซ์ คุณไปอยู่อเมริกาเลยไป ประเทศที่คุณเทิดทูนนัก คุณนี่เป็นคนที่ก้าวร้าวมาก คลิปต่างๆ โพสต์ต่างๆ ที่คุณลงไว้ ผมเก็บไว้หมด เดี๋ยววันหลังผมจะเฉ่งคุณเป็นรายวัน คุณรัชนก”
บทสรุป “น้องหยก” เป็นเด็กเป็นเยาวชนที่ถูกกระทำ, ถูกผู้ใหญ่ใจอำมหิตใช้เป็นเครื่องมือ โดยอาศัยช่องว่างที่ครอบครัว พ่อแม่ มีปัญหาแยกทางกัน
เรื่องทั้งหมด ตอนนี้เป็นขบวนการล้างสมองเด็ก ให้เด็กออกหน้า ให้เด็กโดนคดีความ ผู้ใหญ่ทั้งหลาย อ้ายผู้ใหญ่ทั้งหลาย ที่สรรหาคำพูดสวยๆ เดินในทุ่งลาเวนเดอร์ แอบอยู่เบื้องหลัง พิสูจน์ได้ชัดจากกรณี "น้องหยก" และกรณีสาดสีทำลายรูปปั้นอนุสาวรีย์ที่กระทรวงสาธารณสุข ปี 2564 คนทำเป็นกลุ่มเดียวกันเลย คือกลุ่มทะลุวัง ที่สำคัญมีคนพรรคก้าวไกลคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง
การกระทำดังกล่าวทั้งหมดนี้ เป็นการบ่อนเซาะ ทำลายอนาคตเยาวชน ระบบการศึกษา วัฒนธรรม ประเพณี ความสงบเรียบร้อยของสังคมอย่างชัดเจน โดยงานนี้พรรคก้าวไกลปฏิเสธ ความรับผิดชอบไม่ได้ นายพิธา นายปิยบุตร นายธนาธร ช่อ พรรณิการ์ แกนนำและสมาชิกพรรคก้าวไกลจะว่าอย่างไร?
นอกจากความอำมหิตของกลุ่มคนล้มเจ้า และพรรคก้าวไกลแล้ว งานนี้ต้องตำหนิ เจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ควบคุมกำกับดูแลมาตลอดไม่ว่าจะเป็น ทหารหรือตำรวจ ว่า “ห่วยแตก” เนื่องจากปล่อยให้เกิดกรณี “น้องหยก” ซึ่งเป็นเยาวชน โดนคดีกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งการดำเนินคดีดังกล่าวกับเยาวชนนั้นเข้าทางกลุ่มพวกต้องการรจะยกเลิกมาตรา 112 และล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์พอดี สามารถนำมาใช้หาเสียง นำไปฟ้ององค์กร และรัฐบาลระหว่างประเทศได้ทันที นอกจากนี้ยังประกอบกับงานนี้ที่ถ้า รร.เตรียมพัฒน์ฯ พลาดท่า ไล่ “น้องหยก” หรือ ปฏิเสธไม่ให้เรียนก็จะกลายเป็นว่า เด็กไม่ได้เรียนเพราะมาตรา 112 ไปในทันที และจะถูกนำไปขยายความไปอีกต่าง ๆ นาๆ ทั้งในและต่างประเทศ
ที่สำคัญคือ เหตุการณ์ของ “น้องหยก” เป็นสะพานที่ทอดไปให้ ทนายอานนท์ กับ ศูนย์ทนายความสิทธิมนุษย์ชน ซึ่งได้รับเงินสนับสนุนจากต่างประเทศก็มีผลงาน ทำให้ต่างชาติยิ่งทุ่มกำลังให้เข้ามา เคลื่อนไหว และแทรกแซงประเด็นต่าง ๆ ในประเทศไทยได้อย่างเต็มที่