เจาะลึก เบื้องหน้า-เบื้องหลังขบวนการ “รัฐปาตานี” แบ่งแยกประเทศไทย ถามดัง ๆ ถึง “วันนอร์ - ประชาชาติ - คีรี” พวกคุณหนุนกบฏแบ่งแยกดินแดน? เลือก “ก้าวไกล” ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม !กับการบ่มเพาะแนวคิด “แบ่งแยกดินแดน”
ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” วันศุกร์ที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ ได้กล่าวถึง เรื่องเจาะลึกเบื้องหน้า-เบื้องหลังขบวนการรัฐปาตานี แบ่งแยกประเทศไทย หลายเรื่อง และถามต่อไปถึงท่านวันนอร์ - วันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ และจำเป็นต้องพ่วงคุณคีรี กาญจนพาสน์ เข้าไปด้วย ในฐานะที่คุณคีรี มีส่วนเกี่ยวข้องในการสนับสนุนพรรคประชาชาติ และพรรคประชาชาติก็มีรอยเท้าที่เห็นได้ชัดว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการแบ่งแยกดินแดนรัฐปาตานี
ท่านผู้ชมครับ วันพุธที่แล้ว วันที่ 7 มิถุนายน 2566 มีการจัดกิจกรรมเปิดตัวขบวนนักศึกษาแห่งชาติ ที่ห้องประชุมศรีวังศา คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ที่สร้างความตกตะลึงให้กับหลายฝ่ายโดยไม่คาดคิดมาก่อนว่า แนวร่วมที่ถูกจับตาจากหน่วยความมั่นคงมาโดยตลอด มีส่วนสนับสนุนกลุ่มที่มีแนวคิดแบ่งแยกดินแดน ไม่ว่าด้วยวิธีการพูดจาด้วยสันติ หรือก่อเหตุรุนแรง พวกนี้ฉวยโอกาสที่พรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นพันธมิตรกันมานานแล้ว กำลังมาแรง รวมทั้งกระแสส้มทั้งแผ่นดินที่กำลังตีฆ้องร้องป่าวให้ผู้คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาครัฐ ให้ได้ตื่นรู้ เครือข่ายนักเขียน นักเรียน นักศึกษา เยาวชน เลือดมุสลิมเข้มข้น ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ได้รับการปั่นหัว เปี่ยมด้วยพลัง พร้อมแสดงบทบาทเคลื่อนไหวเพื่อตอกย้ำเจตนารมณ์และความต้องการของตนเอง เมื่อถึงจังหวะเวลาที่เหมาะสม และ ณ เวลานี้ จังหวะเวลานั้นก็มาถึงแล้ว
ทำไมผมถึงพูดเช่นนี้ ? เพราะจากคำประกาศที่มีการเผยแพร่ออกมาอย่างเป็นทางการทางสื่อต่างๆ ทั้งภาพและเสียง ปรากฏชัดเจนว่า กลุ่มบุคคลเหล่านี้มีความประสงค์ในการแบ่งแยกดินแดน โดยระบุว่า "เราเชื่อมั่นว่าการออกประชามติเพื่อสันติภาพที่ประชาชนเป็นเจ้าของ ของนายอิรฟาน อูมา ประธานขบวนนักศึกษาแห่งชาติ กล่าวเปิดงาน และกล่าวต่อด้วยว่า หลังสิ้นสุดสนธิสัญญากรุงเทพฯ 2452 "ปาตานี" ตกอยู่ภายใต้การปกครองของสยาม หรือรัฐไทยในปัจจุบัน ปรากฏความพยายามของชาวปาตานี แสดงออกถึงความรู้สึกนึกคิด ความต้องการทางการเมือง ความพยายามเหล่านั้นแสดงออกมาทุกยุคทุกสมัย การแสดงออกผ่านการใช้อาวุธเป็นสัญลักษณ์การต่อต้านและการแสดงออกผ่านการต่อสู้ทางการเมืองโดยไม่ใช้อาวุธ หากแต่เราชาวปาตานีไม่สามารถกำหนดชะตากรรมของเราเองได้ ตรงนี้ คำพูดต่อไปนี้สำคัญนะครับท่านผู้ชม
ซึ่งเราเชื่อว่าสิทธิการปลดปล่อย สิทธิการมีชนชาติ รวมไปถึงสิทธิในการกำหนดชะตากรรม เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ติดตัวเราเองแต่เดิมในฐานะมนุษย์
ท่านผู้ชมครับ แถลงการณ์จบลงด้วย เราจะรณรงค์และเคลื่อนไหวทางการเมืองถึงการมีอยู่ของชาติปาตานี และการทำประชามติเพื่อสู่สันติภาพที่ประชาชนเป็นเจ้าของ ท่านผู้ชมครับ ขอพักตรงนี้นิดหนึ่งก่อนที่ผมจะเอาข้อมูลเพิ่มเติมให้
ผมอยากจะถามท่านประธานนิสิต นักศึกษา มอ. คณะรัฐศาสตร์ สงขลานครินทร์ คุณจะทำประชามติในจังหวัดปัตตานี เพื่อที่จะถามว่า พร้อมหรือยังที่จะต่อสู้ และพร้อมหรือยังที่จะแยกปาตานีออกเป็นรัฐอิสระ ผมถามคำหนึ่ง มุสลิมที่อยู่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คุณคิดถึงมุสลิมที่อยู่ทั่วประเทศไทยไหม ไม่ว่าอยู่ทางใต้ ไม่ว่าจังหวัดไหนก็ตาม มีชาวมุสลิมอยู่เต็มไปหมด กรุงเทพมหานครมีชุมชนมุสลิม ไม่ว่าจะเป็นหนองจอก มีนบุรี หลายแห่ง มัสยิดเต็มไปหมด เชียงรายก็มี อยุธยา อำเภอเสนา ก็มี เพชรบุรีก็มี เราทำประชามติกันหมดเลยไหม มุสลิมทั่วประเทศ เพราะเขาก็เป็นเชื้อชาติเดียวกับคุณ นับถือศาสนาเดียวกัน ถามพวกเขาดีไหมว่า ถ้าพวกคุณอยากจะแยกตัวออกเป็นรัฐปาตานีที่เป็นอิสระ ชาวมุสลิมที่พึ่งพระบรมโพธิสมภาร และมีความสุขกับประเทศไทยที่มีพระเจ้าอยู่หัวเป็นประมุข เขายินดีไหม เขายอมไหม ผมเชื่อเลยว่าเขาไม่ยอมหรอก เพราะคุณเป็นแค่ชนกลุ่มน้อยเท่านั้น แล้วถูกปลุกปั่นจากพรรคก้าวไกล และขณะเดียวกันก็มีพรรคประชาชาติเข้ามามีส่วนร่วมด้วย
ท่านผู้ชมครับ ในงานวันนั้นมีการแจกบัตรกระดาษ ระบุว่า "คุณเห็นด้วยกับสิทธิในการกำหนดชะตากรรมตนเองหรือไม่ ที่จะให้ประชาชนปาตานีสามารถออกเสียงประชามติแยกตัวเป็นเอกราชได้อย่างถูกกฎหมาย ?" มีช่อง "เห็นด้วย" และ "ไม่เห็นด้วย"
ท่านผู้ชมครับ จากการตรวจสอบของหน่วยงานความมั่นคง และจากการตรวจสอบของพวกเราเอง รายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" เรามีทีมข่าวภาคใต้ ศูนย์ข่าวเราอยู่ที่หาดใหญ่ เช็กอย่างละเอียด ปรากฏว่าขบวนการนักศึกษาแห่งชาติ เป็นองค์กรเคลื่อนไหวทางการเมือง จัดตั้งโดยการรวมตัวของนิสิต นักศึกษา ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้เคลื่อนไหวเรียกร้องในเรื่องสิทธิในการกำหนดตัวเองทั้งในและนอกพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มาอย่างต่อเนื่อง ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น "องค์กรนักศึกษาแห่งชาติ" เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมานี่เอง โดยมีนายอิรฟาน อูมา เป็นประธานขบวนการนักศึกษาแห่งชาติ
การจัดกิจกรรมเมื่อวันพุธที่ 7 มิถุนายน ที่ผ่านมา พบว่าการเปิดตัวขบวนการนักศึกษาแห่งชาติ มีนักการเมือง สมาชิกพรรคการเมือง นักวิชาการ รวมทั้งเครือข่ายนักศึกษา เข้าร่วมสนับสนุนกิจกรรมจำนวนหนึ่ง นักวิชาการ และนักเคลื่อนไหว ที่ขึ้นเวทีเสวนา มี รศ.ดร.มารค ตามไท อาจารย์สาขาการสร้างสันติภาพ มหาวิทยาลัยพายัพ เชียงใหม่ นายอาเต็ฟ โซ๊ะโก ประธานกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า "กลุ่มเดอะปาตานี" นอกจากนี้ ยังเป็นที่น่าสังเกตว่านักการเมืองที่เข้ามามีส่วนร่วมกับเวทีนี้ ทั้ง 3 พรรค ล้วนแต่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลทั้งนั้นเลย ท่านผู้ชมสังเกตนะครับ ที่ประกาศชูนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี ประกอบด้วย พรรคก้าวไกล พรรคประชาชาติ ได้ส่ง ผศ.ดร.วรวิทย์ บารู ว่าที่ ส.ส. ปัตตานี รองหัวหน้าพรรคประชาชาติ เข้าร่วมงาน พรรคเป็นธรรม ส่งนายฮากิม พงตีกอ รองเลขาธิการพรรคเป็นธรรม เข้ามาร่วมงาน
ท่านผู้ชมครับ ทั้งนี้ทั้งนั้น ในกำหนดการและโปสเตอร์งานยังปรากฏภาพของนายรอมฎอน ปันจอร์ ว่าที่ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ซึ่งเคยทำงานอยู่กับผม แต่เหมือนจะรู้ล่วงหน้าว่างานนี้มีปัญหาแน่ นายรอมฎอน ก็เลยแจ้งว่าไม่สามารถเข้าร่วมงานได้ เขาเรียกว่าดมกลิ่นออก จมูกไว
ท่านผู้ชมครับ อย่างที่ท่านผู้ชมหลายท่านคงพอได้ติดตามข่าวมาบ้างแล้วว่ากิจกรรมการเปิดตัวของขบวนการนักศึกษาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดขึ้นพร้อมกับประเด็นเนื้อหาที่ชัดเจนออกมาแล้วว่า ต้องการให้มีการทำประชามติแยกดินแดนจากประเทศไทย แล้วสถาปนารัฐปาตานีขึ้นมาอีกครั้ง อ้างประวัติศาสตร์มั่วๆ ว่าปาตานีถูกสยามยึดครองมาตั้งแต่ครั้งอดีต มีหลักฐานที่ปรากฏเป็นรูปธรรม คือนำปืนใหญ่จากพญาตานี ที่สยามยึดมาจากรัฐปาตานี มาตั้งไว้ที่หน้ากระทรวงกลาโหม อันเสมือนเป็นสัญลักษณ์การสิ้นสุดการแข็งข้อต่อราชอาณาจักรสยาม เจ้าผู้ครองนครปัตตานี เมื่อหลายร้อยปี
ท่านผู้ชมครับ เอาสั้นๆ แล้วกัน คำว่า "ปาตานี" หรือที่ภาษามลายูท้องถิ่นเรียกว่า "ปัตตานี" ซึ่งหมายถึงพื้นที่ที่ผู้อาศัยส่วนใหญ่เป็นชาวมลายูมุสลิม เป็นพื้นที่ความขัดแย้ง คือพื้นที่จังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส และ 4 อำเภอจังหวัดสงขลา มีความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ย้อนกลับไปตั้งแต่ยุคอาณาจักรปาตานีอันรุ่งเรืองเมื่อ 400 ปีที่แล้ว ก่อนจะถูกสยามยึดครองประมาณต้นยุครัตนโกสินทร์ ต่อมาแบ่งพื้นที่นี้เป็น 7 หัวเมือง แบ่งเป็นจังหวัดตามปัจจุบัน "ปาตานี" เป็นคำที่ครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัด และ 4 อำเภอในจังหวัดสงขลา เป็นพื้นที่ของขบวนการปลดปล่อย อ้างว่านี่คือรัฐชาติที่ถูกสยามผนวกในสมัยก่อนสัญญาสยามสหราชอาณาจักร
ท่านผู้ชมครับ แต่ถ้าเราศึกษาให้ถ่องแท้แล้ว อย่างที่นายจีรวุฒิ บุญรัศมี นักประวัติศาสตร์ภาคใต้ ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ luehistory รวมถึงปัญญาชนและชาวบ้านในภาคใต้จำนวนมากต่างเห็นพ้องและระบุชัดเจน สรุปได้ว่า หนึ่ง "ปาตานี" เป็นคำที่ถูกสร้างขึ้นใหม่เมื่อไม่กี่สิบปีมานี้เอง ไม่ใช่สี่ร้อยปีที่แล้ว โดยนักประวัติศาสตร์ท้องถิ่นที่คลั่งเชื้อชาติมลายูจัดๆ เป็นวาทกรรมที่สร้างขึ้นเพื่อต้องการแบ่งแยกผู้คน รวมถึงหวังผลในแง่ทางการเมือง ซึ่งคำนี้ก็เลยถูกผู้ก่อการไม่สงบนำมาใช้ พยายามขุดคำว่า "ปาตานี" ขึ้นมาเป็นคู่ขัดแย้งกับคำว่า "จังหวัดปัตตานี" ตีขลุมว่า "ปาตานี" นั้นครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัด ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา (จะนะ เทพา นาทวี สะบ้าย้อย) ทั้งๆ ที่ในประวัติศาสตร์ไม่เป็นความจริงเลยแม้แต่นิดเดียว เหมือนบรรดาทีมพรรคก้าวไกลที่พยายามเขียนตำราต่างๆ แล้วใช้นักวิชาการมาเขียนแบบโกหก อย่างเช่น นายณัฐพล ใจจริง แล้วก็ไปทำวิทยานิพนธ์โดยผ่านทางจุฬาลงกรณ์ฯ ฉันใดฉันนั้น
กล่าวง่ายๆ คำว่า "ปาตานี" ในแง่พื้นที่ทางประวัติศาสตร์นั้น "ไม่มีจริง" หากแต่เป็นคำที่นักประวัติศาสตร์บางกลุ่ม หรือสื่อบางสื่อ พยายามใช้เพื่อบิดเบือนภาพและเร่งเร้าความขัดแย้งในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ภายใต้ชุดความคิดที่ว่า "พื้นที่เหล่านั้นถูกสยามยึดครอง" บางคนถึงกับใช้คำว่า สยามนั้นล่าอาณานิคมมาตั้งแต่ช่วงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 1 มีความพยายามจะเชื่อมโยงความขัดแย้งเหล่านี้มาเกี่ยวพันกับสถาบันกษัตริย์ ซึ่งเป็นการบิดเบือนอย่างบัดซบและเลวร้ายที่สุด โดยเห็นได้ชัดว่ามีความจงใจใช้ความแตกแยกเพื่อทำลายหัวใจหลักของระบบการปกครอง ในความเป็นจริงแล้ว การรวมดินแดนเหนือคาบสมุทรมลายูกับสยามนั้น เป็นการผนวกดินแดน หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Annexation นั่นคือค่อยๆ หลอมรวมทั้งกลุ่มและวัฒนธรรมเข้าด้วยกัน จนกลายเป็นคนสยามเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นคนเชื้อสายมลายู คนจีน คนไทยในพื้นที่ ก็แล้วแต่ มีสิทธิ์ต่างๆ ที่เท่าเทียมกัน ไม่ได้มีการแบ่งแยก นั่งรถไฟโบกี้เดียวกันหมด ไม่เหมือนกับ "มาลายา" ที่แบ่งพื้น แตกต่างจากการล่าอาณานิคมของชาติตะวันตก ที่เน้นเข้ามาดูดกลืนทรัพยากรของประเทศอาณานิคม แล้วนำกลับไปประเทศตัวเองอย่างชัดเจน
กรณีความขัดแย้งทางภาคใต้ บางคนพยายามโยงเข้ากับสถาบันกษัตริย์ ในความเป็นจริงแล้วขบวนการแบ่งแยกดินแดน ไม่ว่าจะเป็นพูโล บีอาร์เอ็น และกลุ่มขบวนการเหล่านี้ ท่านผู้ชมทราบหรือเปล่าครับ ไม่เคยต่อต้านสถาบันกษัตริย์
กรณีความขัดแย้งในพื้นที่ภาคใต้ ที่บางคน รวมทั้งคุณอิรฟาน อูมา ซึ่งเป็นประธานนักศึกษา ขบวนการแบ่งแยกดินแดน พยายามโยงเข้ากับสถาบันพระมหากษัตริย์ คุณอิรฟานครับ คุณยังเป็นเด็กน้อยอยู่ คุณจะพูดเรื่องประวัติศาสตร์ คุณไปค้นข้อมูลให้ดีเสียก่อน คุณอย่ามาทำตัวเป็นพรรคก้าวไกล หรือพวกสามนิ้ว ซึ่งสักแต่จะพูดอะไรคุณก็พูด ผมเห็นแถลงการณ์ของคุณ ผมฟังแล้วผมไม่ได้ขำนะ ผมไม่รู้ว่าคุณใช้สติปัญญาแบบไหนเขียน คุณลงท้ายแถลงการณ์ว่า
"ด้วยรักและหวงแหนต่อชาติมาตุภูมิ
ขบวนการนักศึกษาแห่งชาติ
7 มิถุนายน 2566"
แล้วคุณลงด้วยว่า มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี อ้าว ถ้าคุณจะแยกดินแดน คุณจะมาลงโยงมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ทั้งหมดได้อย่างไร เพราะวิทยาเขตปัตตานีนั้น ... มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ คุณเข้าใจคำว่า "สงขลานครินทร์" ไหม ? ชื่อใคร ? ชื่อพระบิดาของรัชกาลที่ 9 ปู่ของรัชกาลที่ 10 แล้วคุณลงว่า "ด้วยรักและหวงแหนชาติมาตุภูมิ" แล้วคุณไม่คิดหรือว่าคนไทยทั้งหมดเขาก็รักและหวงแหนชาติมาตุภูมิเหมือนกัน แล้วคนมุสลิมอีกเต็มไปหมดเลย ที่ไม่ได้อยูู่เฉพาะปาตานี คุณเรียนหนังสือ ใช้ทรัพยากร ภาษีอากรจากส่วนกลางไป ส่งเสริม แล้วพวกอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย มอ. ที่ส่งเสริมเด็กพวกนี้ทำไมถึงเป็นคนสันดานแบบนี้ นี่ไง คุณไม่รู้จักบุญคุณของแผ่นดินไทย แผ่นดินไทยไม่เคยแยกคน หลอมรวมทุกอย่างไป
เอาล่ะ กลับมา ผมจะเอาไม้หน้าสามตีกบาลคุณ คุณอิรฟาน อูมา ไม่ว่าจะเป็นพูโล บีอาร์เอ็น กลุ่มขบวนการเหล่านี้ จำใส่กะโหลกคุณนะ ไม่เคยต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ ขบวนการแบ่งแยกดินแดนพวกนี้เรียกพระมหากษัตริย์ไทยว่า "รายอกีตอ" แปลว่าอะไร ? "กษัตริย์ของพวกเรา" ตลอด ตั้งแต่อดีต สมัยอยุธยา มาจนถึงปัจจุบัน ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว ในการรวมดินแดนเหนือคาบสมุุทรมลายูเข้าสยามนั้น เป็นการผนวกดินแดน มีความพยายามในการเชื่อมโยงความขัดแย้งเหล่านี้มาเกี่ยวข้องทางประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถาบันกษัตริย์ และที่ตลกที่สุดก็คือว่า ขบวนการแบ่งแยกดินแดนที่มีมาแต่อดีต ยังยอมรับว่ากษัตริย์ไทยนั้นเป็นกษัตริย์ของพวกเรา
การสร้างวาทกรรม "ปาตานี" ของกลุ่มแบ่งแยกดินแดน
ท่านผู้ชมหลายท่านคงติดตามข่าวมาบ้างแล้วว่า กิจกรรมการเปิดตัวขบวนการนักศึกษาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดขึ้นพร้อมกับประเด็นเนื้อหาที่ชัดเจนออกมาแล้วว่าต้องการให้มีการทำประชามติแยกดินแดนจากประเทศไทย แล้วสถาปนา "รัฐปาตานี" อ้างประวัติศาสตร์ว่า "ปาตานี" ถูกสยามยึดครองมาครั้งอดีต โดยอ้างประเภทที่ผมฟังแล้วผมตลกขบขัน มีปืนใหญ่นางพญาตานีตั้งอยู่หน้ากระทรวงกลาโหม ก็เลยเป็นมูลเหตุที่ต้องแยกดินแดน พวกคุณจะบ้ากันหรืออย่างไร คุณทำให้ชาวมุสลิมที่เคร่งศาสนาเขาเสียหายหมดเลยนะ
ท่านผู้ชมครับ ในอดีตถึงปัจจุบัน ไม่เคยมีแถลงการณ์ฉบับไหนของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่ออกมาโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ จุดประสงค์ของพวกเขาคือต่อสู้เพื่อให้ได้รับเอกราช (เมอร์เดกา : Merdeka) จากรัฐไทยเท่านั้น ซึ่งคู่ขัดแย้งในมุมมองของพวกเขาคือรัฐบาลในยุคนั้นๆ ไม่ใช่สถาบันกษัตริย์ คุณเปิดกะโหลกแล้วเข้าใจตรงนี้ก่อน เราจะเห็นได้ว่าจากพื้นที่ซึ่งเคยเป็นอดีตขบวนการเหล่านั้น พวกเขายังเคารพสถาบันกษัตริย์เสมอมา ปัจจุบัน รัชกาลที่ 10 ทรงใส่ใจ สนับสนุนกิจกรรมศาสนาอิสลามมาอย่างสม่ำเสมอ คุณชอบพูดเรื่องเอกราชนั้น สร้างความขัดแย้ง ความอึดอัดคับข้องใจให้กับคนในพื้นที่ เพราะปัจจุบันงบประมาณจากส่วนกลางลงไปพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น มากกว่าเงินภาษีที่เก็บได้ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อยู่แล้ว นอกจากนั้น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อบต. อบจ. ยังมีอำนาจในการจัดโครงการได้โดยอิสระอยู่แล้ว โดยส่วนกลางไม่ต้องเข้าไปยุ่มย่าม
ที่สำคัญ คือคำว่า "อยากได้เอกราช" นั้น ไม่มีคำอธิบายชัดเจนว่าเป็น "เอกราช" ลักษณะใด เป็นรัฐอิสลามหรือ ? แล้วคุณจะจัดคนพุทธ คนไทยเชื้อสายจีนที่นับถือศาสนาอื่นอยู่ในพื้นที่อย่างไร ? เป็นเอกราชแบบสิงคโปร์ หรือเป็นประเทศที่เป็นประชาธิปไตย มีการเลือกตั้งของตัวเองหรือ ? หรือการที่เป็นรัฐเอกราชที่ท้ายที่สุดแล้วต้องไปขึ้นกับรัฐอื่น อย่างที่นายฮากิม พงตีกอ รองเลขาธิการพรรคเป็นธรรม พูดในงานเสวนา 7 มิถุนายน 2566 ว่า "พรรคเป็นธรรมมองว่ากระบวนการสันติภาพคือกระบวนการที่ไม่หยุดนิ่ง และไม่สิ้นสุด ถึงแม้ว่าจะได้เอกราชแล้ว แต่ก็ยังไม่มีสันติภาพ อาจจะต้องทำประชามติใหม่ ผนวกกับประเทศอื่นหรือเปล่าก็ไม่รู้"
นายฮากิ พงตีกอ ถ้าโง่ อย่าพูด คุณไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่คุณพึ่งพาเสียงของคนมุสลิม ผลักดันให้คุณเป็น ส.ส. บัญชีรายชื่อ แล้วคุณรู้หรือเปล่า การเป็น ส.ส. จะต้องยอมรับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ปี 2560 ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยนั้น คุณเปิดกะโหลกแล้วคุณไปเปิดดูว่า มาตรา 1 ราชอาณาจักรไทยเป็นประเทศราชที่ไม่สามารถจะแบ่งแยกได้ เมื่อคุณได้รับเลือกเข้ามาแล้วคุณเสนอการที่จะแบ่งแยก คุณผิดกฎหมายนะ คุณเข้ามาได้อย่างไร คุณไม่ควรเป็น ส.ส. เสียด้วยซ้ำ ผมไม่อยากจะพูดว่าคุณน่ะมีความคิดที่ระยำตำบอนมากกับชาติบ้านเมือง ทุกอย่างนี้พวกคุณทำเพื่อสนองตัณหาตัวเอง นอกจากการกระทำสันติภาพจะไม่ได้แล้ว ยังอาจจะไม่ได้เป็นเอกราชที่แท้จริง เพราะว่าคุณยังไม่รู้เลยว่า "เอกราช" ของคุณมันคืออะไร ต้องขึ้นอยู่กับใคร
ท่านผู้ชมครับ เรามาพูดกันตรงนี้ว่า ใครเป็นใคร ใครชักใยขบวนการแบ่งแยกประเทศไทย ประเด็นที่น่าสนใจมากกว่านี้คือผู้ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการนักศึกษา และเป็นแกนนำในการจัดกิจกรรมดังกล่าว พวกนี้มีใครบ้าง ? ประวัติความเป็นมาอย่างไร ? ทำไมถึงก่อตัว แตะมือร่วมกันได้อย่างกลมกลืนเช่นนี้ ? คนแรกที่ต้องพูด คือ นายรอมฎอน ปันจอร์ ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์ พรรคก้าวไกล แม้ไม่ได้ไปร่วมงานด้วยตัวเอง แต่สวมภาพพรรคติดอยู่บนโปสเตอร์โปรโมตกิจกรรม เหมือนกับต้องการสื่อให้ผู้คนที่เห็นเชื่อว่าพรรคก้าวไกลเห็นด้วยกับเนื้อหากิจกรรมนี้ ก็คือการแบ่งแยกดินแดน ใช่ไหม คุณรอมฎอน ? ด้วยเหตุนี้ คุณไม่สังเกตหรือว่าพอข่าวปะทุออกมา เขากระโดดหนีกันเลย เขากลัว
นายรอมฎอน รีบออกมาบอกปัด และแสดงจุดยืนว่า พรรคร่วมรัฐบาล นำโดยพรรคก้าวไกล มีจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการแบ่งแยกรัฐปาตานี แล้วคุณไปร่วมกับเขาทำไมล่ะ พอคุณถูกจับโป๊ะได้ โดนเขาจับแก้ผ้าได้ว่าคุณอยู่ด้วย คุณรีบปฏิเสธทันที โทนเสียงคุณไม่คัดค้านหรือปฏิเสธขบวนการนักศึกษาแห่งชาติ ระบุความประสงค์ต้องการให้ทำประชามติแบ่งแยกอย่างชัดเจนท่านผู้ชมครับ เรามาดูหลักฐานอีก ย้อนรอยพิธา พิธาเคยปราศรัยลั่น ปลดล็อกคน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เลือกนายกฯ ของตัวเอง ถ้าเรามาดูคำพูดของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เขาเคยพูดถึงนโยบายเกี่ยวกับพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มันสอดคล้องกับเป้าหมายความต้องการของกลุ่มที่เคลื่อนไหวปัจจุบันนี้ เชื่อมโยงกับสถานการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ทั้งสิ้น
เมื่อปลายปีที่แล้ว 18 ธันวาคม 2565 ตอนที่คุณพิธา ลงไปหาเสียงที่ยะลา เขาพูดอย่างนี้เลยครับ หลักฐานมีอยู่ชัดเจน ในเฟซบุ๊กพรรคก้าวไกล สื่อมติชนที่คุณแม่ของคุณธนาธร คุณสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ถือหุ้นใหญ่ที่สุด บันทึกไว้ว่าอย่างไร ? คุณพิธา พูดว่า มีการปลดล็อกท้องถิ่น จังหวัดที่ก้าวหน้าต่อไป คนปัตตานี ยะลา นราธิวาส เลือกนายกฯ จังหวัดของตัวเอง คุณไม่ได้เลือกนายก อบจ. หรอก นัยของคุณก็คือว่า เอาพวกนี้เป็นเอกราชแล้วก็ให้เลือกนายกฯ ของตัวเอง ภาษีที่เกิดขึ้นในท้องถิ่นมีใช้อยู่ที่นี่ ไม่จำเป็นต้องให้กรุงเทพมหนาครเก็บอีกต่อไป ปัญหาลมหายใจที่เกิด น้ำที่เรากิน ฟุตปาธที่เราเดิน แก้ได้ด้วยคนพื้นที่ นี่คุณขายฝันบนความเท็จทั้งสิ้น ภาษีท้องถิ่นที่คุณบอกว่าส่วนกลางเก็บไปนั้น ส่วนกลางเขาส่งเงินมาให้ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มากกว่าภาษีที่เขาเก็บได้ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า
ทุกวันนี้ภาษีที่เก็บได้จาก 3 จังหวัดชายแดน ยังมีน้อยมาก แต่ยังมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่อิสระ ได้รับการสนับสนุนจากรัฐส่วนกลางอย่างเต็มที่มาตลอด เพราะฉะนั้น เมื่อมีภาพของนายรอมฎอน เข้าไปแตะมือกิจกรรมเหล่านี้ มันเท่ากับคุณพิธา และพรรคก้าวไกล มีเอี่ยวกับเรื่องนี้อย่างปฏิเสธไม่ได้ ผมขอฟันธงว่า พรรคก้าวไกล ในเบื้องลึกต้องการจะแยกดินแดนประเทศไทย แล้วนายรอมฎอน เกี่ยวข้องอย่างแน่นอนที่สุด แต่พอถูกจับได้ รีบกระโดดออกมาตัวยาวเลย เพราะเขารู้อยู่แล้วว่าประชาชนคนไทยทั้งประเทศไม่เอาด้วย แม้กระทั่งพวกที่เชียร์ก้าวไกลทุกวันนี้ พอพูดถึงเรื่องแยกดินแดน ทุกคนร้องยี้ ไม่เอาทันทีเลย
ถ้าเราไปไล่ไทม์ไลน์ย้อนดูคำพูดและการเคลื่อนไหวที่ผ่านมาของผู้มีอิทธิพล อยู่เบื้องหลัง เจ้าของพรรคก้าวไกลตัวจริง คือคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ รวมไปถึงคนที่ชื่อ "ช่อ" พรรณิการ์ วานิช จะพบว่าคนพวกนี้จะมีการพูดเรื่องการทำประชามติ และเอกราชรัฐปาตานี หลายครั้ง ผมจะเปิดเผยให้ดู
คนต่อไปต้องกล่าวชนิดที่พลาดไม่ได้เลย นายอาเต็ฟ โซ๊ะโก ทำหน้าที่ประธาน เดอะ ปาตานี (The Patani) นั่นคือเป็นคนที่ขับเคลื่อนมวลชน มีประวัติไม่ธรรมดาเลย นายอาเต็ฟ ผู้นี้ เป็นน้องชายนายฮารีฟ โซ๊ะโก มีประวัติโชกโชนยิ่งกว่านายอาเต็ฟ หลายหน้ากระดาษ เพราะในอดีตที่ผ่านมา นายฮารีฟ ซึ่งทางการไทยระบุว่าเป็นสมาชิกผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ชายแดนใต้ระดับแกนนำ เป็นทั้งหัวหน้าฝ่ายทหารคอมมานโดตัวอันตรายที่มีส่วนร่วมก่อเหตุ ทั้งการลอบยิง การวางระเบิด เพื่อทำร้ายเจ้าหน้าที่และผู้บริสุทธิ์ จนมีผู้บาดเจ็บล้มตายคนแล้วคนเล่า ทุกครั้งที่มีเรื่องก่อเหตุ หรือมีส่วนพัวพันรายวัน นายฮารีฟ พี่ชายของนายอาเต็ฟ จะหลบหนีข้ามแดนไปฝั่งมาเลเซีย เพื่อกบดานในเขตรันเตาปันจัง ห่างชายแดนไป 5 กิโลเมตร เช่าบ้านอยู่ใกล้ๆ กับโรงเรียนอาหรับบาโจกูเล็ง
ในเดือนกันยายน 2551 นายฮารีฟ จะถูกจับกุมในข้อหาลักลอบเข้าเมือง แต่นายอิบรอเฮง อาลี นักการเมืองเขตปาเสมัส สังกัดพรรคปาส มาเลเซีย ได้ให้ความช่วยเหลือจนได้รับการปล่อยตัว คือถูกจับในมลายู ข้ามแดนกลับมาก่อเหตุอีกหลายครั้งในเขตแดนไทย อะไรบ้างล่ะ ? ขว้างระเบิด กราดยิงร้านอาหารในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก วันที่ 2 ตุลาคม 2552 ก่อนจะวางระเบิดแสวงเครื่องใกล้กับโรงแรมเมอร์ลิน มีผู้บาดเจ็บจำนวนมากในวันเดียวกัน หากไม่นับรวมปฏิบัติการก่อเหตุที่นายฮารีฟ โซ๊ะโก มีความเกี่ยวข้องมากมายชนิดเจียระไนกันไม่หวาดไม่ไหว สิ่งที่ชัดเจนที่สุดของพฤติกรรมเขาก็คือว่า นายฮารีฟ ถูกจับกุมในข้อหากบฏในราชอาณาจักร ร่วมกับนายนัจมุดดีน อูมา แต่สู้คดีจนหลุด เนื่องจากศาลยกฟ้อง ท่ามกลางการวิพากษ์วิจารณ์ว่า น่าจะมีการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง เพราะนายนัจมุดดีน เป็น ส.ส. จังหวัดชายแดนภาคใต้ คนดัง พรรคการเมืองใหญ่ ว่ากันว่านายนัจมุดดีน คือคนสุดท้ายที่ได้เจอกับนาวิกโยธินเคราะห์ร้าย 2 นาย ซึ่งถูกจับเป็นตัวประกัน ที่บ้านตันหยงลิมอ อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส ก่อนที่นาวิกโยธินจะถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม เป็นข่าวสะเทือนขวัญคนไทยทั้งประเทศ เมื่อปี 2548 โดยเฉพาะผู้ที่เห็นคลิปขบวนการผู้ก่อเหตุนำออกมาเผยแพร่เพื่อข่มขวัญเจ้าหน้าที่
แม้นายอาเต็ฟ โซ๊ะโก น้องชายนายฮารีฟ จะไม่ใช่สายเหยี่ยวหรือเป็นนักรบติดอาวุธโดยตรง แต่ก็ถูกเพ่งเล็งว่าเขาอยู่ในฐานะนักรบทางยุทธศาสตร์ ใช้การแสดงออกทางความคิด การแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์ ผลักดันผ่านเวทีต่างๆ เป็นอาวุธ ผลงานหนึ่งที่นายอาเต็ฟ สร้างไว้ก่อนหน้าการจัดกิจกรรมล่าสุด คือการใช้เวทีองค์กรนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง จัดเสวนาเรื่อง "มะรอโซ จันทรวดี (และพรรคพวก) กบฏรัฐสยาม หรือวีรบุรุษนักรบปาตานี" ซึ่งเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์การโจมตีทหารนาวิกโยธินที่บ้านลือยอ จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2556 ในครั้งนั้น สิบปีที่แล้ว นายมะรอโซ จันทรวดี หัวหน้านักรบอาร์เคเค ซึ่งมีผลงานนับไม่ถ้วน ถูกแผนซ้อนแผน นำพลพรรคเดินเข้าสู่พื้นที่ตั้งรับด้วยความประมาทและย่ามใจ จนถูกเด็ดชีพมากเป็นประวัติการณ์ถึง 16 ศพ เรียกว่าถ้าทางการไม่ปรานี คงละลายหมดทั้งทีมไปแล้ว นาวิกโยธินของไทยนั้นไม่สูญเสียกำลังพลเลยแม้แต่คนเดียว
ก็เลยไม่ต้องสงสัยว่ากิจกรรมเปิดตัวของขบวนการนักศึกษาประชามติแยกดินแดน ก่อตั้งรัฐปาตานี ต้องเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับอุดมการณ์การต่อสู้ของกลุ่มติดอาวุธแบ่งแยกดินแดนที่เติบโตขึ้นมาจากเหตุปล้นปืนที่ค่ายปิเหล็ง เมื่อปี 2547 ยุคที่ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี
ท่านผู้ชมครับ ทั้งอาเต็ฟ และ ฮารีฟ จึงเป็นสองพี่น้องที่มีบทบาทคู่ขนานกันมาตลอด ภายใต้จุดมุ่งหมายเดียวกัน คือการลบล้างประวัติศาสตร์ รื้อฟื้นปาตานีขึ้นมาใหม่ นายอาเต็ฟ เคยทำหน้าที่เลขาธิการสมาพันธ์นักศึกษาชายแดนใต้ ต่อมามีส่วนร่วมในการจัดตั้งขบวนการ PerMAS หรือ สหพันธ์นิสิตนักศึกษาเยาวชนนักเรียนปาตานี นายอาเต็ฟ ทำหน้าที่ตำแหน่งประธานด้วยตัวเอง สำหรับแหล่งทุนในการเคลื่อนไหว แหล่งข่าวของทางการตั้งข้อสังเกตว่า นอกจากจะได้รับการสนับสนุนจากต่างชาติแล้ว อาจจะมีบางส่วนจากการฟอกเงินผ่านมูลนิธิเด็กกำพร้าของภรรยานายอาเต็ฟ ซึ่งบิดาเป็นพ่อค้ายาเสพติดคนสำคัญในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และถูกจับกุมไปดำเนินคดีก่อนหน้านั้น
อีกคนหนึ่งที่ต้องกล่าวถึง คือ นายอิรฟาน อูมา ที่ผมเอ่ยชื่อไปตอนต้น นายกสโมสรนักศึกษาสถาบันอาหรับ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ซึ่งเป็นผู้กล่าวแถลงการณ์ปิดรายการเสวนาในนามประธานขบวนการนักศึกษาแห่งชาติ นายอิรฟาน คือใครล่ะ ? ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นบุตรชายคนเล็กของนายนัจมุดดีน อูมา ซึ่งเคยถูกจับกุมด้วยข้อหากบฏ แต่ได้รับการยกฟ้องร่วมกับนายฮารีฟ พี่ชายนายอาเต็ฟ ดังที่กล่าวมาข้างต้น นอกจากนี้แล้ว คนฝ่ายการเมืองจะต้องใส่ชื่อเขาไว้ด้วย ในการร่วมกิจกรรมสะเทือนหลายริกเตอร์ ก็คือ นายฮากิ พงตีกอ รองเลขาธิการพรรคเป็นธรรม และนายวรวิทย์ มารู รองหัวหน้าพรรคประชาชาติ ซึ่งนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา เป็นหัวหน้าพรรค แล้วนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ก็มีคนตั้งข้อสังเกตว่าถ้ามีการแยกดินแดนเสร็จแล้ว นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ก็มีความประสงค์อยากจะเป็นผู้ครองแคว้นปาตานี ได้ข่าวว่าสร้างบ้านเรือนไม้สักใหญ่โตมโหฬารตั้งไม่รู้กี่เรือน อยู่ในเขตบริเวณเดียวกัน
นอกจากนั้น ยังมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ยืนทะมึนอยู่เบื้องหลัง ยังไม่นับนักธุรกิจนายทุนใหญ่ของพรรคประชาชาติ ชื่อ นายคีรี กาญจนพาสน์ ซึ่งก่อนเลือกตั้งนั้นเดินลงไปในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หลายต่อหลายครั้งด้วย ท่านผู้ชมดูรูปครับ มีหลักฐานประจักษ์ชัดเจน
ท่านผู้ชมครับ อย่างที่ผมกล่าวไปแล้วว่าการที่รองหัวหน้าพรรคประชาชาติ และว่าที่ ส.ส. ปัตตานี นายวรวิทย์ บารู ไปร่วมเวทีกับขบวนการนักศึกษาที่จับมือกับขบวนการแบ่งแยกดินแดน เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน ที่คณะรัฐศาสตร์ มอ. ปัตตานี มันหลีกหนีไม่พ้นที่ผมต้องถามไปยังความคิดและจุดยืนของพรรคประชาชาติ ของนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง หัวหน้าพรรค รองหัวหน้าพรรค และ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ
ผมจะถามต่อถึงคุณคีรี กาญจนพาสน์ นักธุรกิจนายทุนใหญ่ของพรรคประชาชาติ ที่เป็นคนให้เงินให้ทองพรรคประชาชาติไปหาเสียง เจ้าของ BTS ซึ่งช่วงก่อนเลือกตั้งเดินทางลงไปยังพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หลายต่อหลายครั้งด้วยตัวเองเสียด้วยซ้ำ
20 กุมภาพันธ์ 2565 ปีที่แล้ว คุณคีรี ประธานกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ วันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส. บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ พร้อมด้วยนายอับดุลอายี สาแม็ง ส.ส. ยะลา เขต 3 นายซูการ์โน มะทา ส.ส. ยะลา เขต 2 ได้ลงพื้นที่อำเภอเบตง จังหวัดยะลา เพื่อร่วมหารือพัฒนาศักยภาพเศรษฐกิจการลงทุนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คุณคีรี บอกว่า ยินดีได้มีโอกาสลงพื้นที่คุยกับนักธุรกิจทางภาคใต้ รู้สึกภูมิใจ ดีใจ ที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ส.ส. พรรคประชาชาติ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส. บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ จัดให้พบผู้นำ ผู้อาวุโส และนักธุรกิจรุ่นใหม่สำหรับจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นพื้นที่ที่น่าลงทุนมาก
นอกจากนี้แล้ว วันที่ 22 มกราคม 2565 ปีที่แล้ว ที่สวนอาหารริมน้ำ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส กลุ่มที่ใช้ชื่อว่านักธุรกิจรุ่นใหม่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีผู้นำทางธุรกิจ ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ หอการค้า สภาอุตสาหกรรม และภาคประชาชน ประมาณ 120 คน เชิญคุณคีรี กาญจนพาสน์ วันมูหะมัดนอร์ มะทา พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง นายกูเฮง ยาวอหะซัน นายอับดุลอายี สาแม็ง นายสมมุติ เบ็ญจลักษณ์ ร่วมเสวนาธุรกิจใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
คุณคีรี มีความสนใจมากที่จะลงทุน แต่ว่าจริงๆ แล้วผมยังพูดว่า คุณคีรี อาจจะไม่รู้ส่วนลึกว่าพรรคประชาชาติ และสมาชิกพรรคประชาชาติ นั้น มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการแบ่งแยกดินแดน ผมมองเขาในแง่ดีว่าเขาไม่รู้ แต่ก็อีกล่ะ คุณคีรี เป็นคนฉลาด ลึกล้ำ ข้อมูลก็ดี ถือหุ้นใหญ่ เป็นเจ้าของเนชั่น ช่อง 22 ก็น่าจะรู้ข้อมูลต่างๆ พรรคประชาชาติ เป็นพรรคที่ได้ ส.ส. และบัญชีรายชื่อ มาจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เท่านั้น ไม่มีที่อื่นเลย เพราะฉะนั้นแล้ว ความใกล้ชิดสนิทสนมของพรรคประชาชาติ กับขบวนการแบ่งแยกดินแดน ต้องมีความลึกซึ้งอย่างมาก
อีกประการหนึ่ง คุณคีรี ก็ยังส่งที่ปรึกษากฎหมายนั่งปาร์ตี้ลิสต์ เบอร์ 3 พรรคประชาชาติ นอกจากคุณเป็นนายทุนใหญ่ และยังนั่งเครื่องบินส่วนตัว ลงไปหารือกับนักธุรกิจพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้แล้ว คุณคีรี ยังส่งคนเป็น ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์ ลำดับที่ 3 คือ คุณสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ซึ่งอดีตเป็นข้าราชการอัยการ เคยเป็นสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เป็นกรรมการบอร์ดรัฐิวสาหกิจอีกหลายแห่ง ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษากฎหมายของ BTS ของคุณคีรี นี่เป็นรายงานของสำนักข่าวอิศรา เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2566 ที่ผ่านมา ยืนยันเลยว่าในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง นักเรียนนายร้อยรุ่น 37 ใกล้ชิดกับคุณคีรี ประธานกรรมการ บริษัท BTS อย่างมากมาย คุณคีรีครับ คุณวันนอร์ครับ พรรคประชาชาติ เป็นพรรคการเมืองภายใต้รัฐธรรมนูญไทย ให้สัตย์ปฏิญาณว่าประเทศไทยเป็นหนึ่งเดียว แต่ผมรู้สึกลึกๆ แล้วคุณวันนอร์ ต้องการมีอำนาจใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่น่าเสียใจคือ คุณทวี สอดส่อง อดีตเลขาฯ ศอ.บต. มาร่วมขบวนการแบ่งแยกดินแดน ส่งรองหัวหน้าพรรคประชาชาติ เข้าร่วมที่ประชุม ถึงคุณจะไม่เห็นด้วย แต่การที่คุณเข้าไปร่วมประชุมสัมมนาในที่ประชุมที่เน้นเรื่องการแบ่งแยกดินแดน มันเป็นรอยเท้าที่คุณปฏิเสธยากมาก ถ้าเขาถามว่า ถ้าคุณไม่เกี่ยวข้องแล้วคุณไปประชุมทำไม
ผมอยากจะถามคุณคีรี ซึ่งเป็นสปอนเซอร์ในการสนับสนุนพรรคประชาชาติ ว่า คุณคีรี สนับสนุนการแบ่งแยกดินแดนหรือเปล่า ผมก็ยังเชื่อว่าลึกๆ แล้วคุณอาจจะไม่รู้ แต่ตอนนี้คุณรู้แล้วว่าพรรคนี้อยู่เบื้องหลังคนรุ่นใหม่ที่ต้องการแยกรัฐปาตานีออกไปจากประเทศไทย ไม่รู้ว่าไปเป็นเอกราชเพื่อตั้งรัฐอิสลาม หรือรัฐอะไร ในรูปแบบไหน ไม่รู้ว่าคุณเห็นด้วยหรือเปล่า หรือคุณไม่เห็นด้วย คุณต้องบอกมาชัดๆ นะ เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องเงินๆ ทองๆ ที่เป็นผลประโยชน์ทางธุรกิจ แต่เป็นเรื่องที่ใหญ่มากกว่านั้น คือเรื่อง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ คุณเกิดที่เมืองไทย แต่คุณไปโตที่ฮ่องกง ผมไม่แน่ใจว่าความผูกพันของคุณที่มีต่อชาติไทย ศาสนาพุทธ พระมหากษัตริย์ จะลึกซึ้งมากกว่าข้อคิดของคุณที่พูดตลอดเวลาว่า ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่เงินซื้อไม่ได้ ผมไม่รู้นะ
ผมเคยเห็นนักธุรกิจเขาสนับสนุนพรรคการเมือง แต่นี่คุณลงไปเล่นเต็มตัวเลยนะ เป็นนายทุนให้ด้วย ผมอยากจะถามว่าคุณจะเป็นนักธุรกิจ หรือนักการเมือง ผมเกรงว่าเงินที่คุณให้ไปจะถูกนำไปเคลื่อนไหว ผมไม่รู้จริงๆ เพราะพรรคประชาชาติถูกตั้งข้อสงสัยว่ามีส่วนร่วมในการแบ่งแยกดินแดน พรรคประชาชาติได้ ส.ส. 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ทั้งสิ้น คุณคีรีครับ คุณเล่นเกินความเป็นนักธุรกิจไปแล้ว คุณอย่าไปหลงนะครับว่าเงินใช้ได้ทุกอย่าง ซื้อได้หมดทุกอย่าง ไม่ใช่หรอกคุณคีรี พอมาถึงเรื่องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์แล้ว มันไม่ใช่ ผมก็จะบอกให้คุณรู้ด้วยนะครับว่า ผมเตือนคุณด้วยความหวังดี ชื่อคุณปรากฏอยู่ในแบล็กลิสต์ของฝ่ายความมั่นคงเรียบร้อยแล้วนะ คุณคีรี คุณจะใหญ่แค่ไหนก็ตาม คุณจะเป็นประธาน BTS อย่างไรก็ตาม คุณจะโชว์ออฟอย่างไรก็ตาม คุณจะมีเสียงเนชั่น ช่อง 22 เป็นกระบอกเสียงก็ตาม ไม่สำคัญ ที่สำคัญก็คือว่า ถ้าความมั่นคงเขามองว่าคุณเป็นภัยต่อความมั่นคง ซึ่งผมไม่คิดว่าคุณเป็น คุณต้องระวังตัวไว้ให้มากๆ
นอกจากคุณส่งคุณสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ไปเป็นปาร์ตี้ลิสต์แล้ว คุณยังมีที่ปรึกษาชื่อ สุชาติ วงศ์อนันตชัย อดีตอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษา และมีความสนิทสนมเป็นพิเศษกับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)
2556 ดีเอสไอ เคยสั่งไม่ฟ้องคุณคีรี กาญจนพาสน์ และพวก คดีรถไฟฟ้าสายสีเขียว เหตุที่สั่งไม่ฟ้อง ตอนนั้นอยู่ในยุคนายกรัฐมนตรีชื่อ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อธิบดีดีเอสไอยุคนั้น คือ ธาริต เพ็งดิษฐ์ ซึ่งดำรงตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ ต่อจากทวี สอดส่อง คุณคีรีครับ คุณเกิดที่เมืองไทย แต่ผมไม่รู้ว่าคุณรักเมืองไทยหรือเปล่า หรือคุณใช้ประเทศไทยเพียงเพื่อจะทำมาหากินให้คุณร่ำรวยยิ่งขึ้นๆๆ ผมอยากให้คุณคีรี ตอบแทนแผ่นดินไทย คุณเป็นอภิมหาเศรษฐี ผมคิดว่าไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น และผมก็ยังเชื่อว่าไม่เป็นอย่างนั้น แต่ว่า คุณคีรีครับ ร่องรอยของคุณกับพรรคประชาชาติ แล้วพรรคประชาชาติ กับคนในพรรคประชาชาติ กับร่องรอยของการเกี่ยวพันกับขบวนการแบ่งแยกดินแดน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มันเป็นร่องรอยที่ทุกคนเห็นหมด
อันที่จริงความคิดแบ่งแยกดินแดนทางใต้มีมานานแล้ว แต่ที่ย่ามใจกันมากตอนนี้ เพราะก้าวไกล ซึ่งสนับสนุนการทำประชามติให้เกิดการแบ่งแยกดินแดน ก้าวไกลเลือกตั้งมาเป็นพรรคอันดับหนึ่ง ยังเชิญพรรคประชาชาติ และพรรคเป็นธรรม หนึ่งเสียงนี่ล่ะ เข้าไปร่วม พรรคการเมืองที่มีฐานเสียงทางใต้ จุดยืนสนับสนุนกลุ่มแบ่งแยกดินแดน พวกนี้เลยเหิมเกริมเป็นพิเศษ อย่างที่ผมบอกว่าประเทศไทยมีคนมุสลิมเต็มไปหมด ย่านบางลำพู ก็มีชุมชนชาวมุสลิม มีมัสยิดจักรพงษ์ อยู่หลังบ้านพระอาทิตย์ มีชุมชนบ้านครัว ชุมชนโน้นชุมชนนี้เต็มไปหมด แต่ชาวมุสลิมพวกนี้รักสันติ ไม่มีความคิดจะแบ่งแยกดินแดน เขาอยู่ประเทศนี้อย่างมีความสุข คุณลองไปถามเขาดูสิเขาอยากแยกประเทศไทยไหม ? ประเทศไทยไม่เคยกีดกั้นชาวมุสลิม แม้แต่ภาคใต้เอง มุสลิมที่ต้องการแยกดินแดน เป็นมุสลิมกลุ่มเดียวเท่านั้นเอง กลุ่มเล็กๆ ที่สำคัญมีอเมริกา มีต่างชาติมาแทรกแซง
ผมตั้งข้อสังเกตว่า นายโกเดค เคยไปเยือนยะลา 1-2 เดือนที่ผ่านมานี้เอง แล้วก็มีการสัมมนาแบ่งแยกดินแดน ท่านผู้ชมครับ สังเกตดูภาคใต้ตอนนี้ฝรั่งเต็มไปหมดเลย อย่างที่ผมเล่าให้ฟังแล้ว 30 มีนาคม 2566 นายโรเบิร์ต โกเดค ทูตอเมริกาประจำประเทศไทย ไปเยือน American Corner ที่ราชภัฏยะลา
20 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่สมัยรัฐบาลไทยรักไทย คุณทักษิณ ทำนโยบายที่ผิดพลาด คือปล่อยให้เจ้าหน้าที่ลงไปในพื้นที่ ทำร้ายคนมุสลิม อย่างไรก็ตาม การที่ มอ. มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี สั่งสอนเด็ก ให้เด็กที่มาเรียนหนังสือ ใช้ภาษีส่วนกลางของคนไทย แล้วคิดแบ่งแยกดินแดน ชื่อมหาวิทยาลัยยังเป็นชื่อรัชกาลที่ 9 พระราชทานให้ ผู้บริหาร มอ. ปล่อยให้เป็นแบบนี้ได้อย่างไร
วันแรกที่คุณเกิดมา จนวันที่ได้เรียนใน มอ. คุณรู้ไหมว่ารัฐสนับสนุนเงินไปเท่าไร อย่างที่ผมเรียนให้ทราบนะครับ ถ้าผมทำประชามติคนไทยทั่วประเทศบ้างได้ไหม ว่าเห็นด้วยไหมกับการแบ่งแยกดินแดนตั้งเป็นรัฐปาตานี เอาหัวเป็นประกันว่าเขาไม่เห็นด้วยเป็นส่วนใหญ่ อย่างน้อยที่สุด 90 กว่าเปอร์เซ็นต์
ความคิดที่จะแบ่งแยกดินแดนมีมาหมด ไม่ใช่เฉพาะเมืองไทย อเมริกาก็มีรัฐแคลิฟอร์เนีย รัฐเทกซัส อยากแยกจากประเทศอเมริกา หรือสกอตแลนด์อยากแยกจากอังกฤษ ก็อยากแบ่งแยกดินแดน แล้วถามว่าแยกได้หรือยัง ก็แยกไม่ได้ ขัดต่อรัฐธรรมนูญ
เอาล่ะ พูดเรื่องแยกดินแดนโดยไม่พูดเรื่องยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก ก็ไม่ถูกต้อง ตอนนี้อเมริกาส่งตัวแทน ผมเชื่อว่าเป็นพวก CIA เต็มภาคใต้เลย อเมริกาจะไปทุกที่ที่มีพลังงาน การแบ่งแยกดินแดน อเมริกาคิดว่าถ้าสำเร็จจะเป็นประโยชน์ทั้งเรื่องพลังงาน และยุทธศาสตร์การเดินทะเล แต่ถ้าไม่สำเร็จมันจะทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย ก็เข้าทางมันอีก แหล่งพลังงาน JDA - Joint Development Area ระหว่างไทย-มาเลเซีย ถ้าแบ่งแยกดินแดนได้ ตรงนี้จะเป็นรัฐปาตานี-มาเลย์ ไม่ใช่ไทย-มาเลเซีย อีกต่อไป ท่านผู้ชมเริ่มเห็นหรือยังครับ อเมริกาคิดยาวไปเลย นี่แค่เรื่องแหล่งพลังงานนะ ยังไม่พูดถึงเรื่องความมั่นคง ยุทธศาสตร์ทางการทหาร ภูมิรัฐศาสตร์ เพราะพื้นที่ประเทศไทยที่อยากเคลมไปเป็นรัฐปาตานี คือพื้นที่ด้ามขวานที่คุมทะเลฝั่งอันดามัน พื้นที่นี้ทางทหารถือว่าเป็นจุดสำคัญ เพราะอะไร ? เพราะใช้เป็นที่ควบคุมช่องแคบมะละกา ช่องแคบมะละกา คือที่เรือบรรทุกน้ำมันจากตะวันออกกลางไปจีนต้องวิ่งผ่าน ถ้าคุมจุดนี้ได้ก็ตัดซัปพลายน้ำมันดิบและสินค้าต่างๆ ที่เข้า-ออกจากจีน
ท่านผู้ชมครับ ด้วยเหตุนี้พรรคก้าวไกล ที่ผูกตัวเองเป็นเอเยนต์ให้อเมริกาแบบเปิดเผย และการเดินเกมให้ประชามติเอกราชแบ่งแยกดินแดนรัฐปาตานี บ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ สถาบันศาสนาของชาติ ที่เป็นเสาหลัก คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทั้งหมดมันสอดคล้องประสานกันหมดเลยท่านผู้ชม หนึ่งในนโยบายที่สอดคล้องคือ ปฏิรูปกองทัพ ไม่ซื้ออาวุธ ยุบสภากลาโหม ยกเลิก ศอ.บต. ยกเลิก กอ.รมน. พึ่งสหรัฐฯ มากขึ้น ทั้งหมดนี้ใช่หรือเปล่า ที่จะนำไปสู่เป้าหมายข้างต้น
ท่านผู้ชมครับ คนที่ชอบพรรคก้าวไกลจริงๆ มีจำนวนหนึ่ง แต่คนที่เลือกก้าวไกลเพราะแค่เบื่อลุงตู่ เดิมก็ไม่ได้ชอบก้าวไกล แต่คุณเห็นประเทศจะแตกแยก คุณถอยออกมาได้ไหม เพราะเขากำลังจะเอาเสียงสวรรค์ที่ประชาชนให้มาในการแบ่งแยกดินแดน ท่านผู้ชมยอมรับไหมว่าภูมิรัฐศาสตร์กับการเมืองภายในมันผูกพันกันหมดเลย พ่อแม่พี่น้องเลือกพรรคไหนไม่สำคัญ แต่เราต้องอยู่พรรค "รักชาติไทย" หลักการคือ ผมต้องการเอาประเทศไทยให้รอด ช่วยกันคนละไม้คนละมือ ให้สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อยู่ยั่งยืน ให้มั่นคง ให้แข็งแรง
ท่านผู้ชมครับ ทุกอย่างมันมีที่มาที่ไปหมด ในหลักธรรมพระพุทธเจ้าบอกว่า ผลมันเป็นอย่างไร มันต้องดูที่เหตุ เหตุทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากทีมงานวัยรุ่น และพรรคพวกที่ต้องการจะแบ่งแยกดินแดน ออกมาเสวนาและออกแถลงการณ์นั้น มันมีเหตุมาจากการยุยงปลุกปั่นในช่วงต้นๆ ของพรรคอนาคตใหม่ สมัยที่คุณธนาธรยังมีบทบาทอยู่ และต่อมาก็ในนามของฝ่ายก้าวหน้า
คำพูดต่างๆ การหาเสียงของพรรคเป็นธรรมชัดเจน พรรคเป็นธรรมซึ่งมี ส.ส. 1 คน ประกาศแก้มาตรา 112 มาตรา 116 ยุบ กอ.รมน. และ ศอ.บต. ซึ่งมันสอดคล้องกับของพรรคก้าวไกลชัดเจน ท่านผู้ชมเห็นหรือยัง คนละพรรคแต่ทำไมพูดเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นนโยบายพรรคก้าวไกล อยากยุบ กอ.รมน. เอาทหารออกจากพื้นที่ชายแดนภาคใต้ การปรากฏตัวของคุณธนาธรที่อยู่ร่วมวงเสวนานักวิชาการ พูดถึงการแก้ไขมาตรา 1 ของรัฐธรรมนูญ ผมต้องการเน้นครับ รัฐธรรมนูญมาตรา 1 บัญญัติไว้ชัดเจน ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวกัน จะแบ่งแยกมิได้ ชัดไหมครับ เรามาดูว่าคุณธนาธรพูดอะไรบ้าง
21 มิถุนายน 2565 ประมาณหนึ่งปีที่ผ่านมา ธนาธรเสวนาเรื่อง ภาพอนาคตปาตานี ชายแดนใต้ มีคำถามถามธนาธรมาว่า สมมุติว่าหากอีกสิบปี หรือสิบห้าปีข้างหน้า นายธนาธรเป็นผู้บริหารประเทศ คนปาตานี คนในพื้นที่ เรียกร้องที่จะแยกประเทศหรือเอกราช เป็นไปได้ไหมที่เขาจะได้รับสิ่งนี้โดยไม่ต้องทำสงคราม ? ธนาธรพูดอย่างนี้ครับ ผมดึงเอาหัวใจสำคัญออกมาเลยนะ "ผมคิดว่าคงต้องมีการทำประชามติ" ท่านผู้ชมเห็นหรือยัง "นี่คือจุดเริ่มต้น ถ้าถึง End Game ถ้าถึงที่สุด ถ้าส่วนที่จะไปถึงวันนั้นได้ มันต้องสร้างความปลอดภัย ถ้าพื้นที่มันไม่ปลอดภัยก็เท่านั้นครับ มันต้องการันตี รับประกันสิทธิเสรีภาพให้ได้ จะไปถึงตรงนั้น ส่วนจะยกดินแดนเป็นเอกราชหรือไม่ ผมไม่ใช่คนตัดสินใจ" นั่นคือที่มาของการยุบ กอ.รมน. ลดทหารทางภาคใต้ ถอนทหารออกมาหมดเลย เพื่ออ้างว่าตอนนี้ปลอดภัยแล้ว จะได้ทำประชามติได้
สุภาพสตรีอีกท่านหนึ่ง คลิปเวทีเสวนาปลดล็อกท้องถิ่น จัดโดยคณะก้าวหน้า ที่ชายแดนภาคใต้ ปาตานี เสวนานั้นจัดเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ปีที่แล้ว มีคุณช่อ พรรณิการ์ วานิช ร่วมเป็นวิทยากรด้วย ปรากฏว่ามีประชาชนเข้าร่วมเสวนา ชงเสนอปัญหาว่า การแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มาสุดทางแล้ว ต้องคุยเรื่องเอกราชอย่างเดียว คุยเรื่องเศรษฐกิจมาเป็นสิบๆ ปีแล้ว แต่เรื่องเอกราช มีใครบ้างให้ประชาชนออกมาแบบคุยกัน แม้แต่ ส.ส. ในส่วนกลาง-พื้นที่ เปิดให้กับประชาชนออกแบบ ยังไม่เห็นเลย
คุณพรรณิการ์ พูดอย่างนี้ "อย่ากลัวว่าการพัฒนาพื้นที่ให้เกิดความเจริญทางเศรษฐกิจจะไปลดทอนความฝัน และทำให้ทุกคนรู้สึกสบายดีอยู่แล้ว และละเลยเอกราช" คุณพรรณิการ์ พูดเลย "เศรษฐกิจถึงจะดีอย่างไรก็ตาม แต่อย่าไปทิ้งความปรารถนาที่จะเอาตัวเองเป็นเอกราช เพราะไม่มีพื้นที่ไหนในโลกนี้เมื่อเศรษฐกิจดีแล้วเขาจะละเลยความฝันเป็นเอกราช"
ท่านผู้ชมครับ ผมสรุปอย่างนี้ดีกว่า ที่ขบวนการนักศึกษาจาก มอ. ปัตตานี ออกมาประกาศทำประชามติประกาศเอกราชรัฐปาตานีนั้น ท่านผู้ชมเชื่อหรือเปล่า ที่ผมเล่าให้ฟังนี้หลักฐานมีหมด มันไม่ได้ออกจากหัวสมองหรือแนวคิดของนักศึกษาเพียวๆ หรอก เบื้องหลังคือการบ่มเพาะ หนุนหลังมานานต่อนานหลายปีของพรรคก้าวไกล แกนนำคณะก้าวหน้า คุณพิธา ธนาธร คุณช่อ รวมทั้งนักวิชาการใต้ปีกพรรคก้าวไกลทั้งหลาย แล้วท่านผู้ชมรู้ไหม ดูให้ดีๆ เรื่องนี้ไม่แตกต่างจากโพยเรียกร้องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ 10 ข้อ ที่รุ้ง-ปนัสยา จิรวัฒนกุล พูดที่ ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต วันที่ 10 สิงหาคม 2563 มีคนเขียนเอามาใส่มือเธอ ร่องรอยแบบนี้มันชี้ไปที่นักการเมือง อาจารย์ นักวิชาการ พรรคการเมือง ผู้ใหญ่อีกหลายต่อหลายคนที่ชอบทำตัวเป็นอีแอบ ผลักให้เด็กไปอยู่ข้างหน้า เมื่อเกิดเหตุอะไรขึ้นมา เป็นภัยร้ายแรง ตัวเองจะได้หลบลี้หนีภัยทัน
ท่านผู้ชมครับ เกือบสี่ปีที่แล้ว ท่านผู้ชมรู้ไหม 11 ตุลาคม 2562 น่าสนใจมาก พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ซึ่งตอนนั้นเป็นผู้บัญชาการทหารบก ได้บรรยายพิเศษหัวข้อ "แผ่นดินของเราในมุมมองของฝ่ายความมั่นคง" ข้อความบางตอนผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ท่านบอกว่า มาตรา 1 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย "ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้" รัฐธรรมนูญไทยเริ่มตั้งแต่ปี 2475 ท่านอดีต ผบ.ทบ. ยุคนั้นท่านบอกว่า "ผมถามว่ามีการแก้ไขรัฐธรรมนูญกี่ครั้ง วันนี้ผมออกมาพูด สื่อมวลชนจำไว้เลยนะครับ ผมไม่ได้บอกว่ารัฐธรรมนูญแก้ไขไม่ได้ แต่มาตรา 1 เกี่ยวพันกับความมั่นคงของชาติ เกี่ยวพันกับเลือดเนื้อ ชีวิต บรรพบุรุษที่รักษาขวานทองแผ่นดินไทยนี้ ผมบอกได้เลยว่าไม่มีวัน ถึงผมตายไป ทหารรุ่นใหม่ๆ ก็ต้องเกิดขึ้นมาแทนผม ผมเชื่อว่าความมั่นคงทุกคนและประชาชนพี่น้อง ท่านไม่รู้หรอก ปู่ย่าตายาย ทวดของท่าน อาจจะเคยร่วมเป็นทหารเพื่อรักษาแผ่นดินไทยของเราไว้ เพราะฉะนั้น ในโลกนี้ไม่มีรัฐธรรมนูญไหนที่สามารถบอกว่าแบ่งแยกดินแดนได้ ไม่มี มันจบแล้วครับ เพราะฉะนั้นแล้วจะแก้มาตราอะไรก็แก้ได้ ถ้าแก้มาตราที่หนึ่ง จะกระทบมาตราอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ นี่คือความชาญฉลาดของนักวิชาการที่ไม่พูดตรงๆ ออกมาว่าจะแก้อะไร จึงยกประเด็นมาตรา 1 หากประเทศไทยไม่ใช่ราชอาณาจักร แผ่นดินไทยถูกแบ่งแยก กระทบมาตราอื่นแน่นอน ผมบอกแล้วนะครับว่าไม่ใช่มาขัดขวางการแก้รัฐธรรมนูญ ผมไม่ยุ่งการเมือง แต่นี่เป็นเรื่องของฝ่ายความมั่นคง" นี่คือคำพูดของ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ เมื่อ 4 ปีที่แล้ว
ท่านผู้ชมครับ ก่อนจะจบรายการนี้ ผมขอพูดความในใจออกมาสักนิด ผมทำงานชิ้นนี้เหนื่อยมาก เหนื่อยจริงๆ เพราะด้านหนึ่งผมต้องการให้ชาติคงอยู่ ชาติมีความมั่นคง แต่อีกด้านหนึ่ง โดยเฉพาะยี่สิบปีที่ผ่านมา ผมก็ต้องตำหนิฝ่ายการเมืองและฝ่ายความมั่นคง ที่ในอดีตทำงานผิดพลาดจนเกิดปัญหาคาราคาซังมาจนทุกวันนี้ อันที่จริงแล้วแนวความคิดแบ่งแยกดินแดนในภาคใต้ หรือการเรียกร้องเอกราชนั้น เป็นความคิดของคนกลุ่มนิดเดียว คนส่วนน้อยเท่านั้น ชาวบ้านกับคนในพื้นที่ส่วนใหญ่มีความหลากหลายมาก มีทั้งพุทธ มุสลิม จีน ศาสนาอื่น ไม่ได้เห็นด้วย เพราะคนในพื้นที่เขาอยากอยู่อย่างสงบสุข อยากทำมาหากิน ไม่อยากให้เอกราช อุดมการณ์ทางการเมืองที่จับต้องไม่ได้ มาให้เกิดความวุ่นวาย แล้วในที่สุดต้องเกิดการปะทะฆ่าฟันกันตาย
ในทางตรงกันข้าม เรื่องรัฐเอกราช หรือรัฐปาตานี กลับถูกนไปใช้เป็นเครื่องมือในการปลุกระดมตลอดเวลา ปั่นจากกระแสท้องถิ่นให้เป็นกระแสระดับชาติ เพราะหลายฝ่ายทำมาหากิน รวมถึงได้ประโยชน์จากตรงนี้ อย่างเช่นการจัดสรรงบประมาณในการดับไฟใต้ ฝ่ายการเมืองจากพรรคก้าวไกล พรรคเป็นธรรม ก็หยิบเอาประวัติศาสตร์ที่บิดเบือน อ้างเรื่องการล่าอาณานิคม การกดขี่กดทับส่วนกลาง ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงแล้ว มีความจริงแค่เสี้ยวเดียว เสี้ยวเล็กๆ เสี้ยวเดียว เอามาขยายความใหญ่โตมโหฬาร
ท่านผู้ชมครับ ผมทราบมาว่ากลุ่มแบ่งแยกดินแดนเดิม ไม่ว่าจะเป็นพูโล บีอาร์เอ็น กับขบวนการนักศึกษาคนรุ่นใหม่นั้น มีความเชื่อมโยงกันน้อยมาก โดยในเชิงความสัมพันธ์อาจจะมีบ้าง แต่ไม่ได้เป็นเนื้อเดียวกันหมด พอนักการเมือง/พรรคการเมือง ที่เห็นช่องในการปลุกปั่น จุดประสงค์แอบแฝงเอาข้อมูลไปปั่นหัวคนรุ่นใหม่ นักศึกษา ก็เหมือนคนรุ่นใหม่เดี๋ยวนี้ เหมือนพวกสามนิ้ว เหมือนน้องหยก เหมือนหลายต่อหลายคน เหมือนตะวัน พวกนี้ ไม่ได้ฟังคำแนะนำ คำสั่งสอน คำตักเตือนของผู้ใหญ่ หยิบเอาข้อความข้อมูลผิด โกหกไปทั้งดุ้นเลย ซึ่งการพูดแบบนี้มีผู้ใหญ่หนุนหลังอยู่ แล้วผู้ใหญ่บ้าๆ นั่นก็พร้อมจะกระโดดหนีถ้ามีเรื่อง จนกระทั่งพอพรรคก้าวไกลกำลังจจะจัดตั้งรัฐบาล กลุ่มนักศึกษาและคนรุ่นใหม่เหล่านี้ก็เริ่มเดินก้าวล้ำเส้น กลายเป็นความเคลื่อนไหวทำประชามติประกาศเอกราชของรัฐปาตานี
ท่านผู้ชมครับ เรื่องที่ผมทำไม่ใช่เรื่องเล็ก พรรคก้าวไกล พรรคอนาคตใหม่ คณะก้าวหน้า เขามีความคิดมานานแล้ว มีความคิดมานานแล้วที่จะให้ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเอกราช ด้วยเหตุนี้ ในการแก้รัฐธรรมนูญ เขาต้องการแก้มาตรา 1 ท่านผู้ชมจำได้หรือเปล่า แล้วเสียงคัดค้านเต็มไปหมดเลย บอกว่ามาตรา 1 แตะไม่ได้ เพราะถ้าแก้มาตรา 1 ก็เท่ากับประเทศไทยล่มสลายหมดเลย ผมไม่อยากจะพูดว่าพรรคก้าวไกล และคณะก้าวหน้า พวกคุณที่เป็นแกนนำที่มีอยู่เบื้องหลังทั้งหมด ไม่ใช่คนที่ลงคะแนนเสียงให้นะ คนที่ลงคะแนนเสียงให้จะมีฮาร์ดคอร์อยู่ไม่มากที่เป็นพรรคก้าวไกล แต่ที่เหลือลงคะแนนเสียงให้เพราะไม่อยากได้ลุงตู่ ผมกล้าฟันธงได้เลยว่า พวกนี้คือพวกต้องการให้ประเทศไทยล่มสลาย แตกออกเป็นเสี่ยงๆ แล้วผมพูดไม่ผิดด้วย มันรับงานสหรัฐอเมริกามาเพื่อให้ประเทศไทยยุ่งวุ่นวาย ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วมันจะเทิดทูนสหรัฐอเมริกาเป็นบิดาบังเกิดเกล้าของมันได้อย่างไร มันทำทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามนโยบายอินโด-แปซิฟิก เป็นไปตามนโยบายของอเมริกาซึ่งเข้ามาแทรกแซงทุกประเทศ เพื่อให้วุ่นวาย เพื่อหวังผลประโยชน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านพลังงานที่ผมอธิบายไปแล้ว
ท่านผู้ชมครับ งานนี้ผมเหนื่อยมาก ไม่ใช่เรื่องธรรมดา อาทิตย์หน้าจะมีเรื่องที่ต่อเนื่องจากเรื่องนี้อีก ที่มีเบื้องหน้าเบื้องหลังอีกเยอะแยะไปหมด ท่านผู้ชมครับ วันนี้เอาแค่นี้ก่อน สวัสดีครับ