xs
xsm
sm
md
lg

เปิดกะลา (คอน) ด้อมส้ม วิพากษ์วิจารณ์ไร้สาระ ด้อยค่าเรื่องราว ไร้ข้อโต้เถียง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เปิดกะลา (คอน) ด้อมส้ม  วิพากษ์วิจารณ์  ไร้สาระ ไม่มีข้อเท็จจริง  มโนเอา พูดเพื่อจะด้อยค่าเรื่องราวต่างๆ โดยที่ไม่มีสาระและไม่มีข้อโต้เถียง

ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” วันศุกร์ที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ ได้กล่าวถึง เราจะเปิดกะลาของคอนด้อมส้ม เราจะชี้ให้เห็นเลยว่าคอนด้อมส้มนั้น เวลาวิพากษ์วิจารณ์อะไร ไร้สาระหมดเลย ไม่มีข้อเท็จจริง แล้วก็มโนเอา เสร็จเรียบร้อยแล้วก็สักแต่พูดเพื่อจะด้อยค่าเรื่องราวต่างๆ โดยที่ไม่มีสาระและไม่มีข้อโต้เถียง

ท่านผู้ชมครับ หลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้วิพากษ์วิจารณ์คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกล รวมทั้งการจับโกหกหลายต่อหลายเรื่องที่คุณพิธา ว่าที่นายกรัฐมนตรี พร้อมหลักฐานประกอบ สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ มีพวกติ่งส้ม ที่ผมเรียกว่าคอนด้อมส้ม เข้ามากันหลายคน มาดิ้น มาต่อว่าผมต่างๆ นานา หลายความคิดเห็นผมปล่อยผ่านไป เพราะผมเข้าใจดีว่าคุณชอบคนสวยๆ หล่อๆ เหมือนคนนิยมดาราเค-ป๊อป แต่คุณไม่มีสมอง เพราะคุณไม่สามารถจะไตร่ตรองพิจารณาว่าสิ่งที่ผมพูดนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง ผมเคยพูดไว้แล้วครับว่าความจริงนั้นมีหนึ่งเดียว


ตอนนี้นายพิธาเป็นไอดอลของพวกคุณส่วนใหญ่ ใครจะแตะต้องก็ไม่ได้ พวกคุณส่วนใหญ่อายุยังน้อย บางคอนเมนต์เข้ามาแสดงถึงความโง่เขลา ไม่รู้มากจนเกินไป ก็เลยทำบุญทำกุศลเสียหน่อย ตักเตือนกันบ้าง เช่น คุณจัดทัวร์ลงคนที่เห็นต่างจากคุณ ตัวคุณเองด้อยปัญญา กลับไปด้อยค่าผู้หลักผู้ใหญ่ที่เขามีประสบการณ์ชีวิต ประสบการณ์ที่กว่าเขาจะเจริญเติบโตมาจนทุกวันนี้เขาต้องผ่านอะไรมาเยอะมาก คอนเมนต์จากพวกคอนด้อมส้ม พวกคุณ จัดทัวร์ไปลงผู้หลักผู้ใหญ่ หรือหลายๆ คนที่มีความเห็นต่างจากพวกคุณและนโยบายพรรคก้าวไกล ยกตัวอย่างเช่น พวกคุณไปถามคุณบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ สืบเนื่องจากเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา วันที่ 31 พฤษภาคม 2566 คุณบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานบริหาร บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) ออกมาแสดงความเห็นเป็นห่วงเรื่องนโยบายค่าแรง 450 บาท ของก้าวไกล จะทำให้นักลงทุนย้ายฐานหนี และท่านได้แสดงความเป็นห่วงว่าพรรคก้าวไกลจะบริหารงานไม่เป็น จนพาประเทศไปเป็นยูเครน 2

พวกคอนด้อมส้มแชร์ข่าวนี้และคอมเมนต์ว่า "ตัวอย่างความไม่รู้เรื่องระบบเศรษฐกิจ รู้แค่การซื้อ-ขายอย่างเดียว" สรุปคือคุณกำลังจะบอกว่าคุณบุณยสิทธิ์ ทำธุรกิจไม่เป็น ไม่รู้เรื่องเศรษฐกิจ แถมยังบอกว่าธุรกิจเครือสหพัฒนพิบูล เป็นธุรกิจผูกขาด พวกคุณ คอนด้อมส้ม พวกคุณโง่ คุณไม่พูดก็ไม่มีใครเขาว่า หรือรู้ว่าคุณโง่ แต่พอคุณพูดขึ้นมาแล้ว คุณน่ะมันเด็กเมื่อวานซืน ปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม คุณเอาสมองส่วนไหนไปคิด ประการแรก คุณบุณยสิทธิ์ เขาเป็นเจ้าของเครือธุรกิจใหญ่ เครือสหพัฒนฯ เขาก่อตั้งมาตั้งแปดสิบกว่าปี ผมรู้จักคุณพ่อของคุณบุณยสิทธิ์ ดี คือนายห้างเทียม โชควัฒนา สนิทสนมกันมาก ยอดขายของเครือสหพัฒนฯ ปีละ 3 แสนล้านบาท 10 เปอร์เซ็นต์ ของงบประมาณประเทศไทย เขามีลูกจ้างเป็นหมื่นๆ คน มีคนเกี่ยวข้องกับธุรกิจของเขา ทั้งลูกค้า พนักงาน คู่ค้า เป็นแสนๆ ล้านๆ คน เขามีสิทธิ์ที่จะเป็นห่วงเป็นใย แสดงความเห็น นอกจากเป็นนักธุรกิจแล้ว เขายังเป็นประชาชนคนหนึ่ง เขาก็แสดงความเห็น เขามีสิทธิ์


นายสนธิกล่าวว่า สอง คนที่ออกมาบอกว่าคุณบุณยสิทธิ์ รู้จักแต่การซื้อ-ขาย แต่ไม่รู้เรื่องระบบเศรษฐกิจ คุณตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาตัวเอง คนที่บริหารงานแล้วยอดขาย 3 แสนล้านบาท เขาจะไม่รู้เรื่องระบบเศรษฐกิจได้อย่างไร ผมจะบอกให้คุณรู้ สมัยหนึ่งที่ผมเข้าไปเยี่ยมนายห้างเทียม โชควัฒนา นายห้างเทียม บอกผมเลยว่า สนธิ อย่าไปฟังเลยนักเศรษฐศาสตร์ ลื้อจำไว้อย่าง ช่วงไหนที่บะหมี่มาม่าขายดี ให้ลื้อรู้ว่าเศรษฐกิจมันตก เพราะคนไม่มีเงินซื้อกับข้าวมากิน ไม่มีเงินซื้อไก่ ไม่มีเงินซื้อเนื้อมาทำ เพราะฉะนั้นยอดขายบะหมี่มะม่ามันสะท้อนให้เห็นถึงภาพเศรษฐกิจที่แท้จริง นี่เป็นตัวอย่างง่ายๆ ของคนที่ต่อสู้มาด้วยลำแข้งตัวเอง คลุกฝุ่น คลุกดิน ใส่กางเกงขาก๊วย เปิดร้านขายของในสำเพ็ง เจริญเติบโตมาจนกระทั่งปีหนึ่งขายได้ 3 แสนล้านบาท

ธุรกิจเครือสหพัฒนฯ ไม่ใช่ธุรกิจผูกขาด เขาขายสินค้าอุปโภค บริโภค เขาไม่ได้สัมปทานอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ไอ้โง่! โง่แล้วอวดฉลาด คอมเมนต์ อย่าเข้ามาคอมเมนต์อีก ผมไม่อยากจะพูดว่าคุณน่ะสมองหมาปัญญาควาย เขาอยู่มาได้ทุกวันนี้เพราะเขาแข่งขันกับคู่แข่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ เขาพัฒนาการค้าอย่างไม่หยุดนิ่ง เครือข่ายธุรกิจของเขาขยายไปต่างประเทศอย่างมากมาย แบรนด์สินค้าของเขาเยอะแยะไปหมด มาม่าเอย ฟาร์มเฮ้าส์เอย ผงซักฟอกเปาเอย โคโดโม วาโก้ Guy Laroche Arrow ยังมีพวกปลากระป๋อง น้ำตาล เกลือ ซีอิ๊ว นม น้ำส้มสายชู สินค้าอุปโภค บริโภค เป็นร้อยๆ อย่าง เข้าใจหรือยัง เติมปัญญาพวกคุณสักนิด ไม่ใช่หูหนาตาบอด อะไรๆ ก็พิธา พิธาทำอะไรก็ไม่ผิด โกหกแค่ไหนก็โกหกได้ ไม่เป็นไร ยอมรับ คนอย่างคุณ คุณภาพอย่างพวกคุณนี่ น่าอันตรายต่อชาติบ้านเมืองมาก








"อีกคนหนึ่งที่คุณจัดทัวร์ไปรุมถล่มเขา คือคุณตู่ วรวรรณ ธาราภูมิ เธอเป็นประธานกรรมการบริหารบริหารหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมบัวหลวง สัปดาห์ก่อนเธอออกความเห็นว่า "ทำอย่างไรหุ้นถึงจะขึ้น ยกเลิกทุกนโยบายของว่าที่รัฐบาล เขียวทั้งกระดานทันที" ปรากฏว่ามีพวกคุณ คอนด้อมส้ม เข้าไปข่มขู่ คุกคาม ดุด่า ดูถูกว่าคุณตู่ วรวรรณ ไม่เข้าใจเรื่องเศรษฐกิจ ไม่รู้เรื่องตลาดหุ้น เป็นชนชั้นผูกขาด คือใครก็ตามพูดแล้วตรงกันข้ามกับสิ่งที่คุณเชื่อและทำ แสดงว่าคนๆ นั้นไม่รู้เรื่อง (มีพวกคุณเองเท่านั้นที่รู้เรื่องใช่ไหม ?) เสียผลประโยชน์จากนโยบายเศรษฐกิจพรรคก้าวไกล ยังไม่นับรวมคนอื่นอีก ยกตัวอย่าง คุณสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อดีตอาจารย์ธรรมศาสตร์ ที่วันนี้ลี้ภัยหนีคดีไปอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส ออกมาวิพากษ์วิจารณ์คุณพิธา และพรรคก้าวไกล อย่างหนัก ทำให้พวกคุณไม่พอใจอย่างแรง เลยจัดทัวร์ไปลง ไปด้อยค่าคุณสมศักดิ์ เจียมฯ ว่าไม่รู้เรื่องทางการเมือง" นายสนธิ กล่าว

นายสนธิ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้แล้ว ยังมีประชาชน นักธุรกิจ นักลงทุน ออกมาทักท้วงกรณีคำให้สัมภาษณ์ของคุณศิริกัญญา ตันสกุล ที่ประสบการณ์ในการทำงานน้อยมาก ว่าไม่เหมาะสมกับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รวมทั้งผมด้วย พวกคอนด้อมส้มก็แสดงความโง่เขลาเบาปัญญา ไปด้อยค่าอดีตรัฐมนตรีฯ คลังของประเทศคนก่อนๆ ว่าไม่ได้จบเศรษฐศาสตร์เหมือนคุณศิริกัญญา ทำไมยังเป็นรัฐมนตรีฯ คลังได้ แล้วคุณอ้างว่า ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย จบนิติศาสตร์ แต่ก็เป็นรัฐมนตรีฯ คลัง ช่วงปี 2538 - 2539 ได้ ความจริงแล้ว ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย นั้น เมื่อจบนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เกียรตินิยมเหรียญทอง ก็ไปจบปริญญาโทความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กฎหมายการเมือง เศรษฐกิจ ระหว่างประเทศ จากโรงเรียนกฎหมายและการทูต ชื่อ The Fletcher School of Law and Diplomacy at Tufts University สหรัฐอเมริกา เขาจบปริญญาเอกทางนิติศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ไม่นับรวมประสบการณ์ในการทำงานอีกเพียบ เป็นทีมคลังสมองของบ้านพิษณุโลกตั้งแต่สมัย พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ


นายสนธิ กล่าวต่อว่า คุณพิธา ไอดอลของพวกคุณ ไปเรียนฮาร์วาร์ดได้เพราะจดหมายแนะนำของคน 3 คน คนหนึ่งคือ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย ที่คุณไปด้อยค่าเขา คนที่สองคือ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และ ทักษิณ ชินวัตร คุณอ้างว่านายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี จบแพทยศาสตร์ แต่เป็นรัฐมนตรีฯ คลังเป็นเวลา 7 เดือนได้ หมอเลี้ยบ จบแพทยศาสตร์ จากรามาฯ แล้วยังจบปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจจากศศิน ซึ่งเป็นโรงเรียนสอนปริญญาโททางธุรกิจ เป็นการร่วมมือกันระหว่างจุฬาฯ และมหาวิทยาลัย Northwestern เขามีประสบการณ์การทำงานเยอะแยะ ก่อนเป็นรัฐมนตรีฯ คลังก็เคยเป็นรัฐมนตรีช่วยฯ สาธารณสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีที เคยดำรงตำแหน่งและควบตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีด้วย


คุณอ้างว่า ดร.อุตตม สาวนายน จบวิศวกรรมศาสตร์ แต่ก็เป็นรัฐมนตรีฯ คลัง ช่วงปี 2562 - 2563 ได้ ความจริงนอกจาก ดร.อุตตม จะจบปริญญาตรีสาขาวิศวกรรมศาสตร์ จาก Brown University ซึ่งเป็น Top10 ของอเมริกา ยังจบปริญญาโทสาขาบริหารธุรกิจการเงินระหว่างประเทศ จาก Kellogg School of Management มหาวิทยาลัย Northwestern เขายังจบปริญญาเอกสาขาบริหารการเงิน School of Management University of Massachusetts Amherst สหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ ประวัติการทำงานก็ยาวเป็นพรืด เคยเป็นอาจารย์นิด้า อาจารย์ ม.กรุงเทพ เคยขึ้นดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สมัย ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ รัฐมนตรีฯ ไอซีที รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

 


"ส่วนคุณศิริกัญญา ไอดอลของพวกคุณนั้น แม้จะจบปริญญาตรี-โท เศรษฐศาสตร์ แต่ประวัติการทำงานสั้นมาก เพียงไม่กี่ปี ตำแหน่งที่ทำก็เป็นเพียงระดับปฏิบัติการ ไม่เคยเป็นผู้บริหาร เคยทำงานในตำแหน่งนักวิจัย ผู้จัดการฝ่ายวิจัย แต่กลับได้รับ "ตั๋วช้าง" จากคุณธนาธร กับคุณพิธา มารับตำแหน่งถึงว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก็เลยไม่น่าแปลกใจและไม่น่าสงสัยว่าทำไมประชาชน นักลงทุน นักธุรกิจใหญ่น้อย ทั้งในและต่างประเทศ เขาจึงแสดงความไม่เชื่อมั่นกับคุณศิริกัญญา ว่าจะสามารถบริหารงาน บริหารจัดการเศรษฐกิจและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของไทยที่มีความซับซ้อนอย่างสูง โดยเฉพาะในสภาวะเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ของโลกในปัจจุบันนี้" นายสนธิ กล่าว

นายสนธิ กล่าวอีกว่า ท่านผู้ชมครับ ยิ่งพวกคอนด้อมส้มออกมาแสดงความโง่เขลาเบาปัญญา บิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อปกป้องคนที่ตัวเองเชียร์เช่นนี้ ยิ่งทำให้พรรคก้าวไกลมีแต่เสื่อมลงๆ คุณภูมิใจนักกับการจบเศรษฐศาสตร์ของคุณศิริกัญญา ใช่ไหม ผมจะบอกอะไรให้คุณอย่างหนึ่งนะ กูรูทางด้านเศรษฐกิจเขาบอกว่า วิชาเศรษฐศาสตร์มันเป็นเส้นแบ่งบางๆ ระหว่างเศรษฐศาสตร์ กับ โหราศาสตร์ เพราะฉะนั้นแล้ว คนที่จบเศรษฐศาสตร์มันก็คือหมอดูคนหนึ่งเท่านั้นเอง ไม่ได้วิเศษวิโสอะไรเลย เพราะมันแค่คาดคะเนเฉยๆ เพราะฉะนั้นพูดได้หรือเปล่าว่าคุณศิริกัญญานั้น วิชาที่เรียนจบมาก็ใกล้เคียงกับวิชาโหราศาสตร์ของสำนักโหรต่างๆ

คุณพิธา-คุณธนาธรครับ ผู้หลักผู้ใหญ่ที่ผมเอ่ยถึงหลายๆ คนเขาไม่เหมือนผม ผู้ใหญ่พวกนั้นคือพวกที่คอนด้อมส้มเข้ามาระราน เขาไม่อยากเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ พวกคุณจัดตั้งเอาไว้ ใครไม่เห็นด้วยกับคุณ ก็เอาทัวร์ไปลงเขา เขาไม่อยากตอบโต้ ชี้แจง ไม่อยากฟ้องร้อง ไม่อยากค้าความกับเด็กเมื่อวานซืน เพราะฟ้องไปก็ไม่ได้อะไร พวกคุณส่วนใหญ่เป็นเด็กมัธยม เด็กมหาวิทยาลัย ผมเคยฟ้องแล้วต้องมาขอขมาผม ส่วนใหญ่ก็เป็นแม่ค้าออนไลน์ คนหาเช้ากินค่ำ อยู่ว่างๆ ไม่มีอะไรทำ ก็ปากเสีย ปากหมา ระรานคนไปทั่ว หลายคนที่เพิ่งรู้จักผมเพิ่งเข้ามาดูคลิป ผมจะย้อนให้ฟังว่า แต่ไหนแต่ไรแล้ว ผมมีฉายาในวงการว่า เป็นคนที่เผาแบงก์ห้าร้อยเพื่อหาเหรียญสลึงในห้องที่มืด ผมชอบ และไม่เคยเหน็ดเหนื่อยกับขบวนการ IO คอนด้อมส้มของพวกคุณ ผมมีทีมงานที่เชี่ยวชาญเรื่องเทคโนโลยี เก็บข้อมูล บันทึก IP Address พิสูจน์ตัวคน คัดกรองข้อมูลพวกนี้หลายสิบคน มีนักกฎหมาย ทีมทนายอีกเพียบ เอาไว้จัดการเรื่องพวกนี้ ทุกวันนี้เรื่องก็ทยอยออกไป จนบางคนเขาให้ฉายาผมว่า "สนธิ ครุฑบิน" 


"คอนด้อมส้ม พวกคุณเข้ามาเยอะๆ เลยนะ เข้ามาเลยทั้ง Facebook, YouTube, TikTok และ Twitter ผมชอบ วันนี้คุณอาจจะสนุกสนาน แต่วันที่คุณโดนครุฑบิน หมายศาลไปแปะหน้าบ้าน ผมอยากจะเห็นเหมือนกันว่าคุณธนาธร คุณปิยบุตร คุณพิธา และ ส.ส. ก้าวไกล ทั้งหลาย จะปรากฏตัวมาปกป้องหรือประกันตัวพวกคุณบ้างไหม เหมือนที่เขาชอบไปยื่นประกันตัวพวกหมิ่นสถาบัน พวกทำผิดกฎหมายอาญา มาตรา 112 จำใส่กะโหลกไว้ดีๆ นะครับ คอนด้อมส้ม อย่าทะลึ่ง ถ้ารู้ไม่จริง อย่ามาคอมเมนต์ ถ้าคอมเมนต์ เอาสาระมาคอมเมนต์ เอาความจริงที่มีหนึ่งเดียวมาคอมเมนต์ อย่าเที่ยวไปด้อยค่าคนอื่นเขา ทำอย่างกับว่าคุณรอบรู้มากนักหรือ" นายสนธิ กล่าว


นายสนธิ กล่าวต่อว่า ท่านผู้ชมครับ นอกจากที่ผมพูดไปเมื่อกี้นี้ อาทิตย์ที่ 4 มิถุนายน 2566 ซึ่งเป็นเวทีสร้างคะแนนนิยมทางการเมืองในงาน Bangkok Pride 2023 แล้วคุณพิธา กับพรรคพวกก้าวไกล ว่าที่พรรคร่วมรัฐบาล ออกไปเย้วๆ ต่อมาในวันพฤหัสบดีที่ 8 มิถุนายน 2566 ทางสหคริสตจักรแบ๊บติสต์ในประเทศไทย ก็ออกแถลงการณ์เรื่อง การแสดงจุดยืนเรื่อง LGBTQ+ ในนามของคณะกรรมการบริหารสหคริสตจักรแบ๊บติสต์ในประเทศไทย ว่า เขาไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ และเรื่อง พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียม โดยเขาอ้างพระคัมภีร์ไบเบิล คำสอนของพระเจ้า ว่า สร้างมนุษย์โดยแบ่งให้เป็นชาย และ หญิง ตอนหนึ่งยังระบุว่า การเปลี่ยนความสัมพันธ์ตามธรรมชาติให้ผิดธรรมชาติไป รวมทั้งพฤติกรรมทางเพศในเชิงวิตถารนั้น เป็นความผิดที่บาป

 


ท่านผู้ชมครับ ผมเองนับถือศาสนาพุทธ ไม่ได้ติดใจเรื่อง LGBTQ+ หรือเพศอะไรก็แล้วแต่ เด็กๆ ที่ออฟฟิศผมก็เปิดกว้างในเรื่องนี้มานมนานหลายสิบปีแล้ว ไม่จำเป็นต้องออกเดินขบวนใน Bangkok Pride เลย ที่นี่ให้ความเท่าเทียมทางเพศมาตั้งนานแล้ว แต่ผมเข้าใจพวกกลุ่มชาวคริสต์บางกลุ่ม อย่างคริสตจักรแบ๊บติสต์ เขาต้องคัดค้านตามความเชื่อของเขา เหมือนอย่างที่พวกคุณต้องการมาโจมตีศาสนาพุทธ หรือคุณอมรรัตน์ ไปโกรธพระโกรธเจ้า แล้วก็ไปขู่ว่า ถ้าอย่างนั้นแล้วก็ให้ขายเหล้า กินเหล้าได้ในวันวิสาขบูชา บูลลี่อีก

แต่ประเด็นคือ ดันมีพวกเห็นด้วยกับคุณ พวกคอนด้อมส้ม เข้าไปด่าเขาว่าเสือก คริสต์ที่ดีคือคริสต์ที่ไม่เสือกในเรื่องของคนอื่น เหมือนกับโมโหโกรธาคำสอนและความเชื่อ ศรัทธาของชาวแบ๊บติสต์เขา เขาจะออกแถลงการณ์ เป็นสิทธิของเขา คุณจำใส่กะโหลกคุณไว้ด้วย คุณจะไปด่าเขาทำไม ไหนคุณว่าระบอบประชาธิปไตย ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น คุณอยากให้ทุกคนเปิดกว้าง แล้วทำไมกรณีอย่างนี้ คนออกมาคัดค้านพวกคุณไม่ได้

 


เรื่องนี้จริงๆ แล้วเป็นภาพสะท้อนจุดเล็กๆ เกี่ยวกับนโยบายของคุณที่กำลังจะสร้างความขัดแย้ง ไล่มาจากที่ผมกล่าวถึงเรื่องความพยายามทุบทำลายค่านิยมเก่าๆ ประเพณีที่มีมาแต่ดั้งเดิมและดีอยู่แล้ว ยังไม่พูดถึงการทำลายพันธะ ความผูกพันทางครอบครัว ความกตัญญู บุญคุณ การเปลี่ยนคำเรียกขานบุคคลต่างๆ ในสังคม ไม่ว่าจะเป็นพี่ น้อง ลุง ป้า น้า อา ให้เหลือแต่ "คุณ ผม ดิฉัน" อ้างว่าการเรียกพี่ น้อง ลุง ป้า น้า อา เป็นบ่อเกิดแห่งวัฒนธรรมอำนาจนิยม ถ้าท่านผู้ชมได้ดูที่ผมพูดอาทิตย์ที่แล้ว เรื่องของขบวนการ Red Guard จะเห็นได้ชัดเลย พวกคอนด้อมส้ม หรือพวกที่คลั่งไคล้ก้าวไกลนั้น ลักษณะเหมือนพวก Red Guard ไม่มีผิด ก็คืออะไรที่เป็นวัฒนธรรมเก่า จะทำลายให้หมดเลย ครูบาอาจารย์ ถ้าผิดจากความเชื่อของพวกคุณ ก็เอามาเดินขบวนที่ Red Guard แขวนป้าย ด้อยค่าเขา ดูถูกเหยียดหยาม จนกระทั่งครูบาอาจารย์ พ่อแม่บางคนต้องฆ่าตัวตาย สิ่งเหล่านี้ผมเตือนแล้วว่า ยิ่งคุณทำอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ สังคมจะเกิดความขัดแย้งไม่สิ้นสุด เพราะคุณตั้งเป้าจะไปทำลายความเชื่อ วัฒนธรรม ประเพณีหลายๆ อย่างที่ดีอยู่แล้ว และเป็นคุณธรรมขั้นพื้นฐานของสังคม ประสานงานอย่างเดียวก็พอแล้ว


นายสนธิ กล่าวต่อว่า ผมดันค้นไปเจอว่าอาจารย์มหาวิทยาลัยบางคนที่สั่งสอนและบ่มเพาะความคิดว่าเด็กไม่ต้องกตัญญูต่อพ่อแม่ คนนั้นคืออาจารย์ ดร.เข็มทอง ต้นสกุลรุ่งเรือง อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ

ช่วงที่ม็อบสามนิ้วมาแรงๆ เมื่อเดือนกันยายน 2563 สามปีที่แล้ว ดร.เข็มทอง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า เด็กๆ ไม่ได้ขอให้เกิดมานะ พ่อแม่เป็นคนทำเขาเกิดมา เป็นหน้าที่เราต้องเลี้ยงเขาให้ดี ไม่ใช่หน้าที่เขาต้องมากตัญญูขอบอกขอบใจที่พ่อแม่เอาเขามาเกิดบนโลก ถ้าคนรุ่นพ่อรุ่นแม่ทำหน้าที่ตัวเองได้ดี เขาเกิดมาในสังคมที่มีอนาคต นักเรียนก็คงไม่ต้องออกมาประท้วง"

ผมไปเปิดประวัติ ดร.เข็มทอง ดูว่าได้รับการศึกษาดีเหลือเกิน จากสถาบันที่ดี แต่ผมไม่เข้าใจว่า ดร.เข็มทอง เอาความคิดนี้มาจากไหน ความคิดของคุณมันสวนทางกับแนวกตัญญูกตเวทีของพระพุทธเจ้า สวนทางกับคำสอนของพระเยซู สวนทางกับพระอัลเลาะห์ในศาสนาอิสลาม ดร.เข็มทอง คุณกำลังบอกว่าคุณฉลาดกว่าพระพุทธเจ้า คุณฉลาดกว่าพระเยซู และคุณฉลาดกว่าพระอัลเลาะห์ หรืออย่างไร เท่ากับว่าคุณฉลาดกว่าชาวบ้านที่นับถือพุทธศาสนา นับถือคริสตศาสนา ไม่ว่าจะนิกายใดก็ตาม และฉลาดกว่าคนที่นับถือมุสลิมทุกนิกาย คุณหลงตัวเองเพียงเพราะคุณเรียนเก่งหรืออย่างไร อวดดีฉิบหายเลย

ดร.เข็มทอง อายุ 37 ปี เรียนเก่งมาก เรียนจบสาธิตจุฬาฯ รุ่น 39 จบนิติศาสตร์ จุฬาฯ เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง จบปริญญาโททางกฎหมายจากมหาวิทยา Yale ปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยบริสตอล (University of Bristol) Law School เป็นอาจารย์คณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ อาจารย์ด้านกฎหมายมหาชน คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ ผมเข้าใจ ดร.เข็มทอง ได้รับการปลูกฝังอย่างนี้มาจากไหน จากโรงเรียน หรือมหาวิทยาลัยของคุณ คือจุฬาฯ ซึ่งล้วนแล้วแต่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 และ 6 ในการก่อตั้ง ทุกรัชกาลทำนุบำรุงจุฬาฯ มาตลอด

นอกจากนี้ ผมอยากตั้งคำถามถึงคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ คุณรับคนประเภทนี้เข้ามาสอน รับคนแบบณัฐพล ใจจริง มาทำวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกที่โกหกพกลม ปั้นน้ำเป็นตัว ออกมาได้อย่างไร หรือผู้บริหารจุฬาฯ ในอดีตและปัจจุบันก็มีความคิดแบบนี้เหมือนกัน ท่านผู้ชมว่าน่ากลัวไหม ไปๆ มาๆ กลายเป็นว่าจุฬาฯ เป็นต้นแบบที่ก่อให้เกิดความคิดเพี้ยนๆ แบบนี้ขึ้นมาโดยไม่สนใจอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว

กตัญญูรู้คุณคน ผมไม่ได้พูด แต่ผมปฏิบัติตาม พ่อแม่ครูอาจารย์ หลวงตามหาบัว คุณเข็มทอง คุณจะรู้ดีกว่าหลวงตามหาบัว หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต หลวงปู่ฝั้น อาจาโร หลวงปู่ชอบ ฐานสโม พระอรหันต์ทุกองค์ หรือแม้กระทั่งจะรู้มากกว่าพระพุทธเจ้าได้อย่างไร คุณก็แค่ไปเรียนเมืองนอกเมืองนามา เรียนกฎหมายมา ดันเรียนเก่ง ได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง คุณลืมตัวไปแล้วหรือว่าคำสอนของศาสดาในแต่ละศาสนาเขามีคำสอนที่มีมาตั้งนมนานแล้ว เป็นบทพิสูจน์จากความเป็นสัพพัญญูของทุกๆ ศาสดา ผมไม่รู้ว่าที่บ้านคุณ คุณพูดกับพ่อแม่คุณอย่างนี้หรือเปล่า และผมก็ไม่รู้ว่าพ่อแม่คุณจะรู้สึกอย่างไรกับตัวคุณ แต่ผมรู้อยู่อย่างเดียวว่าเด็กคนไหนถ้าไปเรียนกับคุณ ผมคิดว่ามันเป็นโชคร้ายของประเทศชาติที่มีอาจารย์อย่างคุณ อายุแค่ 37 ปีเอง คุณเรียนเก่ง เรียนมหาวิทยาลัยที่มีชื่อ แต่ไม่ใช่ว่าคุณจะรู้ไปหมดทุกอย่าง คุณไม่ได้รู้อะไรเลยแม้แต่นิดเดียว คุณรู้อย่างเดียวว่าคุณทำเท่ คุณไม่รู้หรอกว่าความกตัญญูรู้คุณคนมันพัฒนามาจากอะไร พัฒนามาจากความรักที่เรามีต่อกัน ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ผมเคยพูดไปแล้ว

พ่อแม่คนไหนที่มีลูกเรียนกับ ดร.เข็มทอง แล้วเอาความคิดนี้มา พ่อแม่ทั้งหลายน่าจะตบกะโหลกลูกสักที บอกเลย ถ้าอย่างนั้นออกจากบ้านไป เงินทองที่จะใช้เรียนหนังสือไปหาเอาเองก็แล้วกัน ไม่ต้องเข้ามาที่บ้านอีกต่อไป 


นายสนธิ กล่าวอีกว่าท่านผู้ชมครับ ประเด็นต่อมาที่พวกคอนด้อมส้มออกมาแสดงความโง่เขลาเบาปัญญาต่อเนื้อหาและข้อมูลข้อเท็จจริงที่ผมนำเสนอ เป็นประเด็นเรื่อง "ก้าวไกลผูกขาเป็นพันธมิตรด้านความมั่นคงกับสหรัฐอเมริกา" ผมนำเสนอไปแล้วว่าในเอกสารนโยบายพรรคก้าวไกลเกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศ มีการเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรชัดเจนเลยว่า จะให้ไทย "เป็นพันธมิตรทางด้านความมั่นคงกับสหรัฐอเมริกาและตั้งเป้าในการเพิ่มทรัพยากรสำหรับการฝึกร่วมคอบร้าโกลด์ ที่จัดขึ้นในไทย รวมไปถึงการร่วมมือในกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก" พอผมพูดไปเท่านั้นล่ะ คอนด้อมส้มดาหน้าเข้ามาแย้งทันทีเลยว่า ขอโทษนะลุง อย่ามโน คอบร้าโกลด์เขาจัดกันทุกปีอยู่แล้ว ไม่เห็นจะมีอะไร

ประเด็นอยู่ที่ไหน ? พวกเด็กที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมทั้งหลาย สมองหมาปัญญาควายทั้งหลาย ผมพูดหลายครั้งแล้วว่าการฝึกคอบร้าโกลด์คือการย้ายทหาร กองกำลัง รวมทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์ รวมทั้งเรือบรรทุกเครื่องบิน เข้ามาร่วมฝึก พอฝึกแล้วก็ไม่ออกไปไหน อยู่ประมาณสัก 6 เดือน เพราะอเมริกาอยู่ไกล ถ้าสมมุติอเมริกามีเรื่องมีราวกับประเทศในแถบเอเชียขึ้นมาวันไหน เรือบรรทุกเครื่องบินของอเมริกา ตลอดจนทหารอเมริกา ก็จะสามารถใช้พื้นที่ประเทศไทยเป็นฐานทัพได้เลย ใช่หรือไม่

แล้วยังมีแดกดันผมอีก ไอ้สนธิพูดแต่เรื่องอเมริกาแทรกแซง ไม่เห็นพูดถึงเรื่องทุนจีนสีเทาบ้าง ทุนจีนเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมดแล้ว ห้วยขวางกลายเป็นเมืองจีนแล้ว ผมไม่แน่ใจว่าคนที่เข้ามาคอมเมนต์แนวนั้น ถ้าไม่เป็น IO ของคอนด้อมส้ม ก็น่าจะเป็นเด็กเมื่อวานซืนเพิ่งลืมตาดูโลก เพราะเรื่องทุนจีนสีเทา ไม่ว่าจะเป็นทัวร์ศูนย์เหรียญ ตู้ห่าวกับเมีย ข้าราชการ ปปง. นายตำรวจ นายทหาร นักการเมือง ที่เชื่อมโยงกับทุนจีนสีเทาเครือข่ายที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยนั้น ผมเป็นสื่อมวลชนและคนแรกๆ ที่เปิดเผย ขณะที่คุณชูวิทย์ยังกล้าๆ กลัวๆ ออกมาแฉทีก็พูดแค่ชื่อย่อ ชักเข้า ชักออก ผม สนธิ ลิ้มทองกุล เอาชื่อจริง นามสกุลจริง หน้าตา หลักฐาน มาเปิดเผยว่าเป็นใครบ้าง ตำแหน่งอะไร ประวัติเป็นอย่างไร ส่วนพวกสื่อทั้งหลายที่เชียร์ก้าวไกลอยู่ทุกวันนี้ หาว่าผมไม่พูดเรื่องทุนจีนสีเทา 




นายสนธิ กล่าวอีกว่าตอนที่ผมออกมาเปิดโปงเรื่องทุนจีนสีเทา โยงไปถึงอาณาจักรเว็บพนันเป็นชุดๆ พวกคุณสื่อมวลชนบ้าๆ หดหัวอยู่ที่ไหน ผมเอาให้ดูเลยครับ เต็มไปหมด "ทุนจีนสีเทายึดไทยฟอกเงิน-ค้ายา บิ๊กการเมือง-ตำรวจ รู้เห็นเป็นใจ ?!?" วันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2565 "ทุนจีนสีเทาโยงนักการเมืองไทย" วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2565 "บิ๊ก ปปง. เอื้อทุนสีเทา ?" ออกอากาศเมื่อวันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม "เบื้องลึกถอนหมายจับ ส.ว.อุปกิต" ออกอากาศวันศุกร์ที่ 17 มีนาคม 2566 ประเด็นอยู่ที่ไหน ? พวกสื่ออื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นช่อง 7 ช่อง 8 อมรินทร์ทีวี ช่องวัน ไทยพีบีเอส รายงานข่าวทีก็อ้างชูวิทย์ที อ้างสนธิ อ้าง Sondhi Talk ไม่ต้องพูดถึงช่อง 3 ที่ซี้กับคุณชูวิทย์ อย่างคุณสรยุทธ สุทัศนะจินดา กับนักข่าวช่องเล็กช่องน้อย ช่องใหญ่ แค่ชื่อนักการเมือง ข้าราชการ ตำรวจ ทหาร ยังไม่กล้าเอ่ยชื่อเลย เพราะสื่อพวกนี้จริงๆ ใจไม่ถึงหรอก แต่ผมเข้าใจพวกเขาว่า กลัวว่าถ้านำเสนอไป พูดไป ระบุชื่อ ถ้าถูกฟ้องร้อง นายจ้าง เจ้าของช่องโวยวายลงมา จะมาทุบหม้อข้าวตัวเอง ไล่ตัวเองออก ไม่นับจากกรณีที่ผมออกมาเปิดโปงนายชูวิทย์ ที่คุณยกย่องว่าเป็นจอมแฉของคุณ ว่าไปสมคบกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ใน ปปง. ไปเกี่ยวพัน รับเงินเจ้าของเว็บพนัน แล้ววางแผนที่จะดันพวกตัวเองขึ้นเป็นเลขาฯ ปปง. อีก เรื่องพวกนี้ คุณสรยุทธ ช่อง 3 ไม่กล้าพูดหรอก แม้จะรู้ดีก็ได้แต่แบ๊ะๆๆ เพราะสนิทสนมกับคุณชูวิทย์

"เพราะฉะนั้นวันนี้คุณกล้าดีอย่างไรมาบอกว่าผมเป็น IO จีน โจมตีแต่สหรัฐอเมริกา ไม่พูดเรื่องทุนจีนสีเทา กรุณาแหกตาดูหน่อยครับ หรือถ้าตาไม่บอดก็ช่วยถามอากู๋ เสิร์ชกูเกิลดูหน่อยว่าไอ้สนธิมันพูดเรื่องทุนจีนสีเทาไว้อย่างไรบ้าง มันเปิดโปงไปถึงไหนแล้ว หลักฐานมันมีอะไรบ้าง ไม่ใช่สักแต่พิมพ์ความเห็นโดยไม่แสวงหาความรู้" นายสนธิ กล่าว 


นายสนธิ กล่าวต่อว่าไม่เพียงแต่แฉเรื่องทุนจีนสีเทา ตู้ห่าว ธุรกิจคอลเซ็นเตอร์ ที่เชื่อมโยงไปทางเจ้าหน้าที่รัฐ ทหาร ตำรวจ นักการเมือง ที่ผมและรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" เปิดโปงอย่างต่อเนื่อง และเจาะลึกต่อไปเรื่อยๆ ถ้าท่านผู้ชม ท่านผู้ฟัง ยังจำได้ ผมยังเคยเปิดเผยถึงเรื่องทุนจีนสีเทาผูกขาดทุเรียนไทยในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ตอนที่ 165 ออกอากาศเมื่อวันศุกร์ พฤศจิกายน 2565 ในตอนนั้นมีกรณีอื้อฉาวเกี่ยวกับทุนจีน ล้งจีน มากว้านซื้อทุเรียนไทย ทำให้ทุเรียนไทยเสียชื่อเนื่องจากปัญหาทุเรียนอ่อน ประเด็นที่สำคัญที่สุด ในเวลานั้นกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ดูแลโดยพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีคุณเฉลิมชัย ศรีอ่อน ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการ ได้โยกย้ายคุณชลธี นุ่มหนู ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตร เขตที่ 6 กรมวิชาการเกษตร ซึ่งได้รับฉายาว่า "มือปราบทุเรียนอ่อน" ออกกวาดล้างเครือข่ายส่งออกทุเรียนอ่อนอย่างหนัก ใช้ชื่อทีมว่า "ทีมเล็บเหยี่ยวพิทักษ์ทุเรียนไทย" ออกตรวจสอบ จับกุมผู้ค้าทุเรียน มังคุด ลำไย ที่ส่งออกผลไม้ไปต่างประเทศไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ได้คุณภาพ จนสามารถรักษาผลประโยชน์ให้ประเทศไทยเป็นมูลค่าหลายพันล้านบาท ทำให้ชาวสวนทุเรียนเดือดร้อนเป็นอย่างมาก เพราะเบื้องหลังมีข่าวลือว่าพ่อค้าล้งทุเรียนจีนนั้นเกลียดคุณชลธีอย่างมาก


ท่านผู้ชมครับ ในตอนนั้นผมกับรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ได้นำเรื่องนี้มาตีแผ่ออกอากาศ ปกป้องคุณชลธีอย่างเต็มที่ ทำให้คุณอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษาของคุณเฉลิมชัย ออกมาตอบโต้ผม แล้วกล่าวหาว่า ผอ.ชลธี ปล่อยข่าวนี้มาเพราะมีวาระซ่อนเร้นทางการเมือง เนื่องจากพี่ชายคุณชลธี ชื่อ นายศักดินัย นุ่มหนู เคยเป็น ส.ส. และว่าที่ ส.ส. พรรคก้าวไกล ด้วย เพราะในการเลือกตั้งที่ผ่านมาคุณศักดินัย ก็ได้ลงสมัคร ส.ส. จังหวัดตราด และได้คะแนนอันดับหนึ่ง

ท่านผู้ชมครับ เวลานั้นผมรับไม่ได้กับความไม่ถูกต้อง ออกมาปกป้อง ผอ.ชลธี มือปราบทุเรียนอ่อน ซึ่งปกป้องผลประโยชน์ชาวสวนทุเรียน ซึ่งเป็นผลไม้ส่งออกจีนอันดับหนึ่งของประเทศไทย มูลค่าสูงถึง 1 แสนล้านบาท ไม่สนใจใดๆ ว่าพี่ชายคุณชลธีจะเป็น ส.ส. พรรคก้าวไกล หรือพรรคไหนก็ตาม แต่วันนี้ผมจะถามคุณชลธี และพี่ชายคุณ ที่ชื่อศักดินัย หน่อยว่า ในเมื่อพรรคก้าวไกลมีนโยบายต่างประเทศแบบนี้ คือเป็นพันธมิตรทางความมั่นคงกับสหรัฐอเมริกา พูดชัดเจนเลยว่าเป็นการเพิ่มทรัพยากรในการฝึกคอบร้าโกลด์ เป้าหมายในการเป็นพันธมิตรที่แท้จริงคือการปิดล้อมและตอบโต้ประเทศจีน

นอกจากนี้ ในช่วงเลือกตั้ง คุณศิริกัญญา ตันสกุล หัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคก้าวไกล ออกมาพูดชัดเจนว่า สาเหตุที่เศรษฐกิจไทยโต้ช้าในช่วงที่ผ่านมาเพราะยึดติดกับตลาดจีนมากเกินไป ผมถามอย่างนี้ครับ คุณชลธี และคุณศักดินัย ส.ส. พรรคก้าวไกล พี่น้องกัน ถ้าพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำรัฐบาล คุณพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี ดำเนินนโยบายต่างประเทศเช่นที่ตัวเองเขียนเอาไว้จริงๆ และคุณศิริกัญญา ก็บอกว่าจะลดการค้ากับจีน เพราะไม่ต้องการผูกเศรษฐกิจไว้กับจีนเหมือนแต่ก่อน ถ้าอย่างนั้นแล้ว รัฐบาลปักกิ่ง ซึ่งเขาทำได้แน่นอน และเขาจะทำด้วย สั่งให้หยุดนำเข้าทุเรียนจากไทย เพราะตอนนี้ทุเรียนเวียดนามก็มาแรง ทุเรียนอินโดนีเซียก็เริ่มผลิตออกมาแล้ว และจีนก็เริ่มผลิตทุเรียนของตัวเอง หรือเขาอาจจะลดโควตาการนำเข้าทุเรียนจากไทย แล้วไปนำเข้าทุเรียนจากประเทศอื่นๆ ซึ่งวันนี้มีแต่คนอยากแย่งตลาดทุเรียนในจีนไปจากไทยทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเวียดนาม มาเลเซีย ลาว หรือแม้กระทั่งประเทศจีนเองที่เขาเริ่มปลูกแล้ว

 


นายสนธิ กล่าวอีกว่าคุณชลธี และคุณศักดินัยครับ ถ้าเกิดเหตุการณ์เช่นนี้พรรคก้าวไกลจะทำอย่างไร คุณชลธีจะทำอย่างไร คุณศักดินัยจะทำอย่างไร ส.ส. พรรคก้าวไกล ชาวสวนทุเรียน ชาวสวนผลไม้ คนตราด รวมทั้งภาคตะวันออกทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด จะทำอย่างไร ยังไม่นับการท่องเที่ยวของภาคอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด รวมทั้งภูเก็ต ที่ได้ ส.ส. ก้าวไกล ยกจังหวัดเลย

เห็นพวกคุณเฮ้าเลี่ยนนัก อยากได้คนรุ่นใหม่มาบริหารประเทศกันนัก นิยมฝรั่ง นิยมตะวันตกกันนัก จะเป็นพันธมิตรความมั่นคงกับสหรัฐฯ ไม่อยากยึดติดตลาดจีนใช่ไหม เอ้า เดี๋ยวจัดให้ ถ้าจู่ๆ จีนบอกว่านักท่องเที่ยวจีนจะลดการมาเที่ยวไทย ปีหนึ่งหวัง 8 ล้านคน เอาไปแค่ 1-2 ล้านคน ก็พอ ลดเที่ยวบินระหว่างเมืองต่างๆ มายังประเทศไทย สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต ยิ่งถ้ามีสถานการณ์ความขัดแย้ง หรือเหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์รุนแรงขึ้น การทำสงครามพันทาง หรือ Hybrid War ที่ครอบคลุมเรื่องการทหาร การเมือง ไซเบอร์ เศรษฐกิจ การเงิน การนำเข้า-ส่งออก จะถูกนำมาปรับใช้เป็นอาวุธได้ทุกอย่าง จีนเขาก็สามารถจะยกเงื่อนไขทางเศรษฐกิจมาบีบไทยมากขึ้น ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยทำ เขาเคยทำกับเกาหลีมาแล้ว เขาบีบจนกระทั่งห้างล็อตเต้ (Lotte) ที่มาจากเกาหลี ที่อยู่ในประเทศจีน ต้องปิดห้างหมด ขายไม่ออก เพราะคนจีนเขาชาตินิยม เขาไม่เข้าห้างเกาหลี สาเหตุเพียงเพราะว่าเกาหลีอนุญาตให้อเมริกาไปตั้งขีปนาวุธที่ชื่อแพทริออตที่เกาหลี ซึ่งจีนเขาเตือนแล้วว่าอย่า ไม่ฟัง จีนเขาเลยบีบทางเศรษฐกิจ แล้วจะไปว่าเขาได้อย่างไร มันเป็นสิทธิของเขา เพราะมันเป็นคนของเขา นักท่องเที่ยวของเขา เงินของเขา เขากำหนดได้

ผมจะถามว่าพ่อแม่พี่น้องชาวภูเก็ต คนพัทยา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ที่พึ่งพาการส่งออกผลไม้ และนักท่องเที่ยวจากจีน พวกคุณจะทำอย่างไร ไม่ต้องตอบผม พวกคุณ พรรคก้าวไกล ไปตอบประชาชนที่เลือกพวกคุณกันเอง

อีกประเด็นหนึ่งที่เกิดขึ้นที่จังหวัดภูเก็ต และผมคิดว่าต้องพูดเสียหน่อย กรณี ส.ส. พรรคก้าวไกล จังหวัดภูเก็ต ลงไปก้าวก่ายในประเด็นต่างๆ ชนิดที่เรียกว่าเหมือนไม่รู้หน้าที่ตัวเอง ไปยุ่งเรื่องทรงผม บุกเข้าไปในโรงเรียน ไม่ได้ขออนุญาต ตำหนิเรื่องห้องส้วมของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ชมรมผู้ปกครองเขาต้องออกมาโต้แย้ง คือไปอ้างว่าห้องส้วมทำไมถึงใช้เป็นส้วมซึม ไม่เป็นส้วมนั่ง สมาคมผู้ปกครองบอกว่า มันมีคนอยู่เยอะเลยที่เขาไม่ถนัดกับส้วมนั่ง เขาชอบส้วมนั่งยองๆ ส้วมซึม ทุเรศไหมท่านผู้ชม ไปจนถึงเรื่องที่มีการออกมาเปิดเผยข้อมูลกรณีกองทัพเรือยึดที่ในอุทยานสวนป่าบางขนุน 3,700 ไร่ เตรียมสร้างฐานทัพเรือแห่งใหม่ มีแผนผลักดันประชาชนจากพื้นที่ เรื่องนี้ผมอยากจะเห็นผลลัพธ์เหมือนกันว่าสุดท้ายจะเป็นอย่างไร เป็นอย่างว่าที่ ส.ส. ก้าวไกล เขาว่าไหม หรือเป็นแค่การออกแอกชันช่วงที่พรรคมีกระแส ที่สำคัญพวกคุณยังไม่ได้เป็น ส.ส. พวกคุณเป็นแค่ว่าที่ ส.ส. เสือกฉิบหาย เสือกไปทุกเรื่อง ปั่นป่วนเขาไปหมด

ทั้งนี้ทั้งนั้น สัปดาห์ก่อนในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ผมจะออกมาวิพากษ์วิจารณ์และตอบโต้คุณวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ค่อนข้างแรงในประเด็นเรื่องข้อเท็จจริงการแทรกแซงทางการเมืองของอเมริกาในประเทศไทย แต่นั่นเป็นเรื่องนโยบายต่างประเทศที่ผมคิดว่าคุณวิโรจน์จบด็อกเตอร์ จบปริญญาเอก เมื่อฟังคำอธิบายจากผม คงไปค้นหาข้อมูลแล้วสิ่งที่ผมพูดนั้นมีหลักฐาน มีข้อมูลอย่างไร แต่สัปดาห์นี้ผมจะพูดถึงคุณวิโรจน์ และคุณรังสิมันต์ โรม ที่ออกมาเปิดโปงเรื่องส่วยทางหลวง รวมไปถึงหลักสูตร กอส. หลักสูตรการอบรมข้าราชการตำรวจ บุคลากรที่โอนเข้ามารับราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร เป็นหลักสูตรของเด็กเส้น

"ท่านผู้ชมครับ ทั้งหมดที่พูดนี้ เรื่องทุจริตประพฤติมิชอบของตำรวจ เรื่อยไปจนถึงการปฏิรูปวงการตำรวจ ผมพูดมาหลายครั้ง นำเสนอมาหลายปีแล้ว ในที่สุดแล้วผมต้องบอกตรงๆ ว่าเรื่องนี้ผมเชียร์คุณวิโรจน์ กับคุณรังสิมันต์ ขอให้คุณไปให้สุดซอย อย่าหยุดเพียงแค่นี้ อย่าหยุดเพียงแค่จัดการกับสติกเกอร์ส่วยตำรวจ ตำรวจทางหลวง กอส. ตำรวจกาฝาก แต่ผมเห็นด้วยกับการแก้ไขเรื่องนี้อย่างยั่งยืน คุณต้องปฏิรูปตำรวจแบบรื้อรากถอนโคน คุณต้องปฏิรูปตำรวจด้วยการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ให้ประชาชนในท้องถิ่นเป็นคนกำหนด คุณต้องลดอำนาจผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติลง ให้ สตช. มีอำนาจหน้าที่ในการประสานงานพัฒนาการศึกษาตำรวจ ไม่ต้องให้มีอำนาจในการโยกย้ายแต่งตั้ง

เรื่องนี้ผมเห็นด้วยร้อยเปอร์เซ็นต์ ผมพูดมานานแล้ว เป็นสิบๆ ปีแล้ว ต้องเดินหน้าผลักดันให้เกิดจริง ผมเชื่อว่าคุณรังสิมันต์ และคุณวิโรจน์ ทำได้ เพราะคุณรังสิมันต์เองก็สนิทสนมกับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนหนึ่งอย่างมากมาย ปฏิรูปไปเลย ผบ.ตร. คนหนึ่งบริหารหน่วยงานหนึ่งที่มีคนตั้ง 3 แสนกว่าคน อำนาจ ผบ.ตร. มีสูงมาก ต้องลดอำนาจ ผบ.ตร. ให้ทำหน้าที่แค่" นายสนธิ กล่าว 


กำลังโหลดความคิดเห็น