ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” วันศุกร์ที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ ได้กล่าวว่า เป็นครั้งแรก ผมได้ข้อมูลมาว่ามีสถานทูต NED ซึ่งเป็นหน่วยงานส่วนต่อของกระทรวงการต่างประเทศอเมริกา ที่ผู้อำนวยการ NED คนแรกๆ อ้างว่านี่คือ CIA ภาคพลเรือน และองค์กรเอกชน (NGO) ต่างชาติ ท่านผู้ชมรู้หรือเปล่าว่าทั้งสถานทูต NED NGO ต่างชาติ เรียงคิวโอนเงินกว่า 40 ล้านบาท เป็นท่อน้ำเลี้ยงให้กับศูนย์ทนายความสิทธิฯ ซึ่งคนที่ดูแลอยู่ก็คงจะได้ยินชื่อกัน คือ ทนายอานนท์ นำภา แล้วไปดูกันว่านี่คือหลักฐานซึ่งน่าจะเช็กบิลได้แล้ว
ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมน่าจะรู้จักหนึ่งในแกนนำม็อบสามนิ้ว ชื่อ อานนท์ นำภา คุณอานนท์ นำภา หรือ ทนายอานนท์ อายุ 38 ปี นอกจากจะเป็นแกนนำม็อบสามนิ้วแล้ว ยังเป็นทนายความด้านสิทธิมนุษยชนอีกด้วย สังกัดอยู่กับหน่วยงานที่เรียกว่า "ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน" เพราะทนายอานนท์ เรียนจบกฎหมายมาจากคณะนิติศาสตร์ รามคำแหง
หลังรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เพียงสองวัน วันที่ 24 พฤษภาคม มีการก่อตั้งศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ชื่อภาษาอังกฤษว่า Thai Lawyers for Human Rigthts ตัวย่อคือ TLHR ข้อมูลจากเว็บไซต์ของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ระบุว่า เป็นการรวมตัวของกลุ่มทนายความ นักกฎหมายสิทธิมนุษยชนและนักกิจกรรมทางสังคม เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2557 ซึ่งเป็นเวลาสองวันหลังจากการรัฐประหารโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เนื่องจากในช่วงดังกล่าว คสช. ได้มีการเรียกบุคคลไปรายงานตัว จับกุม คุมขังบุคคลเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังมีการใช้ศาลทหารกับพลเรือน ท่านผู้ชมครับ ผมเอง สนธิ ลิ้มทองกุล ก็เป็นหนึ่งในบุคคลที่ถูกเรียกไปรายงานตัว และถูกนำไปควบคุมที่กองพันทหารช่าง ที่จังหวัดราชบุรี ถ้าท่านผู้ชมยังจำได้ 24 พฤษภาคม เก้าปีที่แล้ว วันเดียวกับการก่อตั้งศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ผมให้สัมภาษณ์ก่อนออกเดินทางไปรายงานตัวตามคำสั่ง คสช. ฉบับที่ 5/2557 ที่หอประชุมกองทัพบก ย่านเทเวศร์
ในเว็บไซต์ได้แจ้งที่ตั้งกับสาธารณะว่าอยู่ในซอยลาดพร้าว 16 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร เมื่อเปิดเช็กข้อมูลจาก Google Map จะพบว่าเป็นบ้านชั้นเดียว ตรงรั้วเหล็กมีป้ายเขียนว่า "ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน"
คุณอานนท์ขู่ว่าถ้าคุณพิธาโดนสอย มวลชนลงถนนเป็นล้าน เผอิญในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา วันเสาร์ที่ 10 มิถุนายน 2566 จากกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติไม่รับคำร้องกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล มีคุณสมบัติลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ในการลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ปมถือหุ้นสื่อ ไอทีวี 42,000 หุ้น และมีคำสั่งให้ดำเนินการไต่สวน เนื่องจากมีข้อมูลมากเพียงพอที่จะไต่สวนว่านายพิธาเป็นบุคคลที่มีลักษณะต้องห้าม มิให้ใช้สิทธิรับสมัครเลือกตั้ง ตามมาตรา 151 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง นั้น คุณอานนท์ก็เลยออกมาแสดงความเห็นเรื่องนี้ทันที ว่า คดีนี้จะเป็นชนักติดหลังนายพิธา ซึ่งมีโทษทั้งเรื่องจำคุก ตัดสิทธิ์ทางการเมือง ต่อให้นายพิธาเข้าสภาฯ ได้ ก็ต้องระวังว่า กกต. จะเล่นงานเมื่อไรก็ได้ อย่างไรก็ตาม จะมีการรอจังหวะให้กระแสความนิยมของพรรคก้าวไกลต่ำลง ฝ่ายตรงข้ามจึงใช้กฎหมายเป็นนิติสงครามเล่นงานนายพิธา เขาเชื่อว่ากระแสไม่ต่ำ เพราะคนตามลุ้นคะแนนเสียงตัวเองอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางโซเชียลมีเดีย
นอกจากนี้แล้ว คุณอานนท์ ยังกล่าวต่อว่า คนที่เลือกนายพิธามีอยู่ทั่วประเทศ ทั้งต่างจังหวัด โดยเฉพาะใน กทม. เป็นส้ม ปริมณฑลอย่างนนทบุรีก็ส้ม หากชนชั้นนำไทยจะใช้เกมเดิม ประชาชนเขาไม่ยอม ไม่จำเป็นต้องมีม็อบที่มีแกนนำ แต่มันจะเป็นไปเองโดยออกมาเรียกร้องโดยธรรมชาติ
ทางรัฐบาลปัจจุบัน และคนที่ดูเรื่องความมั่นคง คงตระหนักว่ามันมีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดการลงถนนชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้ปฏิบัติตามกติกา โดยเลือกการชุมนุมในวันโหวตนายกฯ ไม่ต้องมีใครนัด ทุกคนก็รู้ว่าต้องไปโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว คือถ้า ส.ว. โหวตให้นายพิธาเป็นนายกฯ ก็คงฉลองกัน แต่ถ้าไม่โหวต ก็คงมีการประท้วง มีการคาดหมายอยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันนั้น
แต่เชื่อว่ารัฐบาลเองไม่อยากให้ถึงจุดการชุมนุมที่ออกมาเป็นแสนเป็นล้านคน การพูดคุยกันตอนนี้สำคัญที่สุด และพยายามอย่านำสังคมเข้าไปสู่บรรยากาศที่มันอึมครึม ที่สุ่มเสี่ยงจะใช้ความรุนแรงต่อกัน ดังนั้น การปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ คือพรรคที่ชนะการเลือกตั้งได้จัดตั้งรัฐบาลและบริหารประเทศ คือสิ่งที่ทุกคนอยากเห็น
ท่านผู้ชมครับ มีการพูดว่า วันนี้ต่างชาติ โดยเฉพาะชาติที่เป็นอียู อเมริกา ชาติที่เป็นประชาธิปไตย ไม่โอเคกับการรัฐประหาร แล้วคนที่ออกมาครั้งนี้มันจะไม่เหมือนที่ผ่านมาอย่างแน่นอน
ประเด็นทั้งหมดนี้อยู่ที่ไหน ? พอได้อ่านข่าวนี้ของคุณอานนท์ นำภา เกี่ยวกับคำขู่เรื่องม็อบส้มหนุนคุณพิธาวันโหวตนายกฯ ผมมาติดใจคำพูดตอนท้ายนี่ล่ะ ที่คุณอานนท์อ้างถึงต่างชาติในทำนองที่ว่ากำลังจับตาดูอยู่ หากมีม็อบหนุนคุณพิธาแล้วเกิดมีรัฐประหาร ชาติตะวันตกเหล่านี้จะทำให้การรัฐประหารไม่เหมือนที่ผ่านๆ มา ผมไม่รู้เหมือนกันว่าคุณอานนท์หมายถึงอะไร
ทั้งนี้และทั้งนั้น ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา มีคนบอกผมมาว่าม็อบสามนิ้วกับเครือข่ายมูลนิธิ องค์กรต่างๆ ที่เชื่อมโยงกับม็อบ ที่คุณอานนท์เป็นหนึ่งในแกนนำ ได้รับการสนับสนุนจากต่างชาติ ผมก็รับทราบมานานแล้ว แต่ไม่ได้ปักใจเชื่อ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะเห็นจากข่าวว่าม็อบสามนิ้ว เงินบริจาคมากมายมหาศาล จนพอม็อบเริ่มซา แกนนำหลายคนออกมาแฉ ทะเลาะกันเองเรื่องเงินบริจาค ก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าเงินบริจาคจากต่างชาตินั้น นอกจากมาจากทุนขององค์กรที่ผมว่าเป็น CIA ภาคพลเมืองอย่าง NED แล้ว มันจะมาจากช่องไหนได้อีก
ท่านผู้ชมครับ เผอิญช่วงที่ผ่านมามีผู้หวังดีส่งข้อมูลมาให้ผม เป็นข้อมูลเงินบริจาคของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ซึ่งคุณอานนท์สังกัดอยู่ ที่ผ่านมาศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน มีพฤติกรรมแสดงออกอย่างชัดแจ้งในการให้ความช่วยเหลือกับบุคคลซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งคดีกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพนั้นเป็นกฎหมายความมั่นคงของไทย ซึ่งมีเอาไว้ใช้ในการปกป้องประมุขของประเทศ อีกทั้งยังมีการระดมทุนเพื่อช่วยเหลือกลุ่มผู้กระทำผิด ด้วยการเชิญชวนต่อสาธารณะเพื่อบริจาคเงินผ่านทางบัญชีธนาคาร
ทั้งนี้ ข้อมูลที่ปรากฏต่อสาธารณะ คือ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน หรือ TLHR นั้น ดำเนินการในนามของนิติบุคคลชื่อ มูลนิธิสิทธิเพื่อความยุติธรรม เปิดบัญชีรับบริจาคอยู่หลายบัญชีด้วยกัน ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาบิ๊กซีลาดพร้าว อยู่ไม่ห่างจากที่ตั้งของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษชน บริเวณซอยลาดพร้ราว 16 เท่าไรนัก
จากข้อมูลเชิงลึกที่ผมได้มา เขาค้นพบว่า นอกเหนือจากบัญชีธนาคารเลขที่ 800-9-54209-4 ชื่อบัญชี "มูลนิธิสิทธิเพื่อความยุติธรรม" อันมีความสัมพันธ์โดยตรงกับ "ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน" พบว่ามีการรับโอนเงินจากบุคคลทั่วไปจำนวนมาก โดยมีการโอนเงินไปยังบุคคลต่างๆ แล้ว ยังมีการตรวจสอบพบบัญชีธนาคารอื่นๆ ในชื่อ "มูลนิธิสิทธิเพื่อความยุติธรรม" อีกหลายบัญชี หนึ่ง บัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา เลขบัญชี xxx-x-xx578-2 ชื่อบัญชี "มูลนิธิสิทธิเพื่อความยุติธรรม" สอง บัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา เลขบัญชี xxx-x-xx208-6 ชื่อบัญชี "มูลนิธิสิทธิเพื่อความยุติธรรม" สาม บัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา เลขบัญชี xxx-x-xx383-0 ชื่อบัญชี "มูลนิธิสิทธิเพื่อความยุติธรรม" สี่ บัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา เลขบัญชี xxx-x-xx603-8 ชื่อบัญชี "มูลนิธิสิทธิเพื่อความยุติธรรม"
ท่านผู้ชมครับ ผมยกตัวอย่างให้ 4 บัญชี บัญชีเหล่านี้นอกเหนือจากการเปิดรับโอนจากประชาชนทั่วไปแล้ว ท่านผู้ชมรู้ไหมยังพบด้วยว่ามีธุรกรรมที่โอนเข้าบัญชี ซึ่งมียอดเงินที่สูง เป็นการรับโอนเงินจากต่างประเทศอยู่หลายรายการ รายละเอียดของธุรกรรมมีดังนี้
รายการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา เลขบัญชี xxx-x-xx208-6 ชื่อบัญชี "มูลนิธิสิทธิเพื่อความยุติธรรม" จากองค์กรในต่างประเทศอย่างน้อย 9 ครั้ง ท่านผู้ชม โอนมาจากสวิตเซอร์แลนด์ อังกฤษ ผ่านธนาคาร CITI BANK ช่วงระหว่างเดือนสิงหาคม 2564 - เมษายน 2566 เป็นเงินประมาณ 6,248,685.72 บาท ระบุว่าเป็นค่าที่ปรึกษาและเงินให้เปล่าภาคเอกชน
อีกอันหนึ่งเป็นรายการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา เลขบัญชี xxx-x-xx383-0 ชื่อบัญชี "มูลนิธิสิทธิเพื่อความยุติธรรม" จากองค์กรต่างประเทศในต่างประเทศ ยกตัวอย่าง ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2564 - มีนาคม 2566 เป็นเงินสูงถึง 32,792,164.80 บาท องค์กรที่บริจาคให้มีใครบ้าง ? ผมยกตัวอย่างให้ เช่น Fund for Global Human Rights สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี., NED (National Endowment for Decocracy) คือกองทุนประชาธิปไตยแห่งชาติ ของสหรัฐอเมริกา เป็นองค์กรที่สภาคองเกรสรับรอง ขึ้นอยู่กับกระทรวงการต่างประเทศ, Stifung Open Society Institute ก่อตั้งโดย จอร์จ โซรอส ตั้งอยู่ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์, Charities Aid Foundation America หรือ CAF America สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองอเล็กซานเดรีย รัฐเวอร์จิเนีย สหรัฐฯ ซึ่งอยู่ใกล้กับวอชิงตัน ดี.ซี. อีกอันหนึ่งคือ American Jewish World Service สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
นอกจากนี้ ยังมีการตรวจสอบพบว่ารายการธุรกรรมที่เป็นเงินโอนจากบัญชีสถานทูตต่างประเทศที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย เข้ายังบัญชีธนาคารของมูลนิธิสิทธิเพื่อความยุติธรรม พบรายละเอียดของการทำธุรกรรมน่าสนใจ เช่น รายการโอนเงินเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2564 จากบัญชีธนาคารกรุงเทพ เลขบัญชี xxxxxx3880 ชื่อบัญชี EMBASSY OF LUXEMBOURG (สถานเอกอัครราชทูตลักเซมเบิร์ก) เข้ายังบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา เลขบัญชี xxx-x-xx603-8 ชื่อบัญชี "มูลนิธิสิทธิเพื่อความยุติธรรม" เป็นเงิน 570,000 บาท
รายการที่สอง โอนเงินเมื่อ 17 มิถุนายน 2565 จากบัญชีธนาคารกรุงเทพ เลขที่ xxxxxx3880 ชื่อบัญชี EMBASSY OF LUXEMBOURG (สถานเอกอัครราชทูตลักเซมเบิร์ก) ไปยังบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา เลขบัญชี xxx-x-xx383-0 ชื่อบัญชี "มูลนิธิสิทธิเพื่อความยุติธรรม" เป็นเงินอีก 547,000 บาท รายการที่สาม โอนเงินวันที่ 27 มิถุนายน 2565 จากบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ เลขบัญชี xxxxxx9750 ชื่อบัญชี EMBASSY OF SWITZERLAND (สถานเอกอัครราชทูตสวิตเซอร์แลนด์) บัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา เลขบัญชี xxx-x-xx383-0 ชื่อบัญชี "มูลนิธิสิทธิเพื่อความยุติธรรม" เป็นจำนวนเงิน 556,000 บาท
รายการโอนเงิน 3 ครั้งในช่วงปี 2565-2566 จากบัญชีธนาคารซิตี้แบงก์ เลขบัญชี xxxxxx3002 ชื่อบัญชี EMBASSY OF CANADA (สถานเอกอัครราชทูตแคนาดา) ไปยังบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา เลขบัญชี xxxxxx3830 ชื่อบัญชี "มูลนิธิสิทธิเพื่อความยุติธรรม" เป็นจำนวนเงิน 511,072.32 บาท
สรุป ข้อมูลที่ผมมี ผมไม่ยืนยันว่าถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์หรือเปล่า อาจจะมีมากกว่านี้ก็ได้ แต่แค่นี้ก็ถือว่ามากพอแล้ว
คุณอานนท์ ทนายความ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เมื่อคำนวณคร่าวๆ ระยะเวลาเพียงแค่ 2-3 ปี ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิฯ ของพวกคุณมีท่อน้ำเลี้ยงที่ดีจริงๆ มีเงินจากองค์กรต่างชาติปาเข้าไปเกือบห้าสิบล้านบาทแล้ว ยังไม่นับคนที่บริจาคในประเทศอีกไม่รู้เท่าไร
ที่น่าสนใจ รู้ทั้งรู้ว่าคุณอานนท์ นำภา แกนนำม็อบสามนิ้ว กับศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน สนับสนุนเกี่ยวกับการต่อต้านสถาบัน สนับสนุนการแก้ไข/ยกเลิกกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งเป็นกฎหมายหมวดความมั่นคงที่มีไว้ใช้ปกป้องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สถาบันกษัตริย์ ในฐานะเป็นประมุขและสถาบันหลักที่ค้ำจุนชาติไทยของเราเอาไว้ ยังมีสถานทูตหลายๆ แห่งในประเทศไทย เช่น ลักเซมเบิร์ก สวิตเซอร์แลนด์ แคนาดา กลับเป็นท่อน้ำเลี้ยงโอนเงินเพื่อการสนับสนุนองค์กรอย่างนี้ ท่านผู้ชมเห็นว่าเราควรจะทำอย่างไรกับพวกทูต สถานทูต NGO บรรดาฝรั่งที่ทำตัวหน้าไหว้หลังหลอกอย่างนี้
ท่านผู้ชมครับ พอเห็นข้อมูลหลักฐานทางการเงินอย่างนี้ พอผมได้ฟังคำขู่เรื่องม็อบส้มหนุนคุณพิธาเป็นนายกฯ ของคุณแล้ว ผมชักจะเชื่อแล้วว่าฝรั่งตะวันตก พวกอียู แคนาดา และอเมริกา ไม่น่าจะอยู่แค่เบื้องหลังพวกคุณ แต่ควรได้รับการยกย่องเสียยิ่งกว่าพ่อบังเกิดเกล้าของพวกคุณเสียอีก ยังสนับสนุนให้เงินให้ทองพวกคุณอีก
ผมเอาผังการเงินกับองค์กรในต่างประเทศให้ท่านผู้ชมได้ดู ท่านผู้ชมคิดดูเอาเองก็แล้วกัน ผมยังไม่ยืนยันร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าถูกต้องหรือเปล่า แต่ว่ามันมีข้อมูลอย่างนี้ขึ้นมา ซึ่งถ้ามันเป็นจริงขึ้นมา ก็แสดงว่าฝรั่งต่างชาติ กลุ่มอียู หรือประเทศแคนาดา หรือสวิตเซอร์แลนด์ อเมริกานั้นมาทางสาย NED ก็คือว่าทางตะวันตกเอาเงินสนับสนุนองค์กรของคุณอานนท์ นำภา ซึ่งคุณอานนท์ นำภา นั้นต่อสู้เพื่อยกเลิกมาตรา 112 ด้อยค่าสถาบันกษัตริย์ ผมไม่รู้ว่าประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่กลียุคหรือยัง ฝรั่งเข้ามามีบทบาทอย่างสำคัญที่สุด ก็เลยไม่มีอะไรที่น่าประหลาดใจว่าที่ผมพูดตลอดเวลา ว่าคุณพิธา และม็อบสามนิ้ว ตลอดจนคุณพรรณิการ์ (ช่อ) วานิช คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ปิยบุตร แสงกนกกุล พวกนี้ล้วนแล้วแต่เป็นเอเยนต์ของตะวันตกทั้งสิ้น เพราะตะวันตกต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย เปลี่ยนอย่างไรก็ได้ จะเปลี่ยนแบบล้างแผ่นดินเลยก็ได้ จะเปลี่ยนแบบไม่มีพระมหากษัตริย์ก็ดี แต่ถ้ามีพระมหากษัตริย์ ก็ต้องเป็นพระมหากษัตริย์ที่อยู่ภายใต้อำนาจของรัฐบาล เพื่ออะไร ? เพื่อเข้ามาดำเนินนโยบายต่างประเทศเพื่อปิดล้อมจีน แล้วเพื่อให้ดำรงอยู่ ให้ประเทศไทยเป็นบริวารของประเทศทางตะวันตก โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการที่จะรุกคืบเข้าไปในอาเซียน และทางประเทศจีนตอนใต้ เชื่อมโยงกับการเข้าไปล้มล้างรัฐบาลของทหารพม่า ของนายมิน อ่อง หล่าย และเชิดชูนางอองซาน ซูจี ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อผลประโยชน์ และอาจจะรวมไปจนถึงขบวนการแยกดินแดนทางภาคใต้ ซึ่งเดี๋ยวผมจะพูดต่อไป
ท่านผู้ชมครับ น่ากลัวไหม ? ความจริงมีหนึ่งเดียว ท่านผู้ชมหาได้ครับ จากที่นี่ ผม สนธิ ลิ้มทองกุล และรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" อย่าไปหาความจริงนี้กับบรรดาโทรทัศน์ สื่อเมนหลัก ไม่ว่าจะเป็นทุกช่อง แล้วอย่าไปตามหาความจริงแบบนี้กับคุณสรยุทธ สุทัศนะจินดา อย่าไปตามหาความจริงแบบนี้กับคนอย่างเช่นคุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ความจริงแบบนี้มีเพียงหนึ่งเดียว และอยู่ที่นี่ครับ