xs
xsm
sm
md
lg

หนูปีนรั้วไม่ได้ฆ่าคนตาย หยกเมินแค่วิชาจริยธรรม-ไหว้ครู ชี้ถูกกดทับแต่งไปรเวตไม่ได้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"หยก" นักเคลื่อนไหวการเมืองมีปฏิกิริยา หลังโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการแถลงซ้ำ "ไม่มีสภาพการเป็นนักเรียน" ระบุ หนูไม่ได้เลือกวิชาที่ชอบ แต่ไม่เอาวิชาจริยธรรม เรียนไปไม่มีใครเป็นคนดีขึ้น ปฏิเสธกิจกรรมไหว้ครู กรณีแต่งไปรเวตไม่ได้ดื้อแพ่งโง่ๆ อ้างคนอื่นก็อยากแต่งแต่ถูกสารพัดกดทับ สิ่งที่ทำไม่ได้ฆ่าคนตายแค่ทำสัญญะ ถามสังคมอยากเปลี่ยนแปลงต้องถูกฝังกลบใช่ไหม

วันนี้ (17 มิ.ย.) จากกรณีที่ น.ส.หยก (ขอสงวนชื่อและนามสกุลจริง) อายุ 15 ปี เยาวชนและนักเคลื่อนไหวทางการเมือง อดีตผู้ต้องหาคดี 112 เคลื่อนไหวด้วยการปีนรั้วโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ อย่างต่อเนื่อง เพื่อแสดงสัญลักษณ์ หลังอ้างว่าถูกไล่ออกจากโรงเรียน จากการย้อมสีผมและแต่งชุดไปรเวตไปโรงเรียน ขณะที่ทางโรงเรียนชี้แจงปฏิเสธว่าไม่ได้ไล่ออก แต่นักเรียนไม่นำผู้ปกครองมามอบตัวนักเรียนให้สมบูรณ์ ทำให้ไม่มีฐานข้อมูลในระบบของกระทรวงศึกษาธิการ อีกทั้งไม่ปฏิบัติตามระเบียบ เช่น ไม่แต่งกายชุดนักเรียน ทำสีผม มาเรียนตามเวลาและรายวิชาตามความพอใจของนักเรียน ไม่เข้าร่วมกิจกรรมโฮมรูม กิจกรรมหน้าเสาธง และกิจกรรมอื่นๆ ถือเป็นการไม่ยอมรับกฎระเบียบและไม่เข้าสู่กระบวนการของโรงเรียน

และล่าสุดโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการออกแถลงการณ์เพิ่มเติมฉบับที่ 2 ยืนยันว่า น.ส.หยก ไม่มีสภาพการเป็นนักเรียน เนื่องจากการมอบตัวไม่เป็นไปตามเงื่อนไข ที่ให้นักเรียนทุกคนต้องมามอบตัวพร้อมผู้ปกครอง และผู้ปกครองต้องเป็นไปตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 ทำให้ไม่มีฐานข้อมูลนักเรียนในระบบตั้งแต่ต้น แต่สิทธิในการศึกษาต่อยังมีหน่วยงานทางการศึกษาอื่นดูแลให้เหมาะสมตามความต้องการได้ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลต่อความไม่ปลอดภัย จำเป็นต้องดำเนินการตามมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด

ล่าสุด น.ส.หยกโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า 1. หนูไม่ได้เข้าเรียนตามเวลาที่ใจปรารถนา แต่ที่หนูเข้าห้องสายตอนนี้เพราะถูกกีดกันไม่ให้เข้าโรงเรียน มันยากลำบากมาก หนูเข้าคาบตามเวลาที่กำหนดตลอด คาบไหนออดดังแล้วก็รีบวิ่งขึ้นไปทันที

2. หนูไม่ได้เลือกเรียนเฉพาะวิชาที่ชอบ แต่หนูเห็นว่าวิชาจริยธรรม เป็นวิชาที่ไม่มีประโยชน์ หนูคิดว่าสอนกันมาแบบนี้ก็ไม่มีใครเป็นคนดีขึ้น จากการต้องฟังว่าเราต้องเป็นคนดี

3. หนูไม่ได้ต่อต้านทุกกิจกรรมของโรงเรียน เหมือนกับในคุกบ้านปรานีเช่นกัน หนูไม่ท่องอาขยานก่อนกินข้าว แต่ถ้าต้องทำความสะอาดตรงกลางหนูก็ทำ เรื่องไหว้ครู ต่างๆ หนูเห็นว่าไม่มีประโยชน์กับเยาวชนและนักเรียน

4. การกระทำนี้ ไม่ใช่หนูดื้อแพ่งโง่ๆ แต่หนูคิดว่าสิ่งที่ทำอยู่ในโรงเรียนในประเทศคือเรื่องไม่ปกติ เด็กหลายคนก็คงอยากแต่งตัวไปรเวตเหมือนกันแหละ แต่อาจจะถูกพ่อแม่ไม่ให้ สังคมไม่ให้ โครงสร้างที่กดทับ ถูกโรงเรียนกดทับ แล้วก็ไม่มีความสามารถที่จะเป็นเจ้าของร่างกายตัวเอง ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เริ่มมาตั้งแต่ในชั้นเป็นเด็กแล้ว คุณจะคาดหวังว่าเราจะมีผู้ใหญ่ที่โตไปเป็นผู้พิพากษาหรือข้าราชการ หรือคนมีตำแหน่งแล้วให้เขากล้าหาญที่จะหักคำสั่งของเจ้านายในเรื่องที่ไม่ถูกไม่ควรได้ยังไงกันคะ

5. สังคมไทยก็ต้องเปลี่ยนตอนนี้ ถ้าไม่ใช่ตอนนี้แล้วจะเป็นตอนไหนคะ

หนูพูดในฐานะที่ตัวเองเป็นเยาวชนเพราะเปลี่ยนเพื่อให้หนูได้อยู่ต่อ ให้เพื่อนๆ ทุกคนได้ไปต่อพร้อมกัน

การที่ผู้ใหญ่ชอบโลกแบบของผู้ใหญ่ก็คือเรื่องหนึ่ง แล้วพวกหนูในฐานะเด็กถ้าอยากเปลี่ยนแปลงเราต้องทำยังไง การร้องขอดีๆ หลายสิบปีที่ผ่านมาก็ปรากฎชัดแล้วว่าไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง

ในวันนี้ สิ่งที่หนูทำไม่ได้เป็นเรื่องฆ่าคนตาย เป็นการแสดงออกทางความคิดผ่านสัญญะ การแต่งตัวแบบนี้ไม่ได้ทำให้หนูเรียนไม่ได้ สิ่งที่ทำให้เรียนไม่ได้คือโรงเรียนและบุคลากร

เรื่องนี้เป็นบททดสอบของสังคมไทยทำให้เห็นว่าจะพิสูจน์อะไรอีก ถ้าตกลงแล้วสถานศึกษาหรือทัศนคติของสังคมไทย ว่าจะยังไง จะใช้วิธีปัดตกเขี่ยทิ้งกลบฝังคนที่อยากได้ความเปลี่ยนแปลงใช่ไหม




กำลังโหลดความคิดเห็น