หมอรุ่งเรือง กิจผาติ ผอ.ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ กระทรวงสาธารณสุข เปรยเมื่อเช้าขึ้นศาลนนทบุรี คดีม็อบทำลายสาดสี ทำลายข้าวของ ทำลายอนุสาวรีย์ โจมตีด้วยข้อความอันเป็นเท็จ เผยถ้าไม่ทำอะไร ปล่อยให้คนผิดลอยนวล ต่อไปจะเป็นเยี่ยงอย่าง แล้วสังคมจะอยู่ได้อย่างไร ย้อนเหตุการณ์ม็อบปากแจ๋ว ขู่เอาวัคซีนดีๆ มาฉีด ไม่งั้นเจอแน่
วันนี้ (15 มิ.ย.) นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ หัวหน้าที่ปรึกษาระดับกระทรวง (นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ ระดับ 11) และผู้อำนวยการศูนย์บริหารจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว หัวข้อ "ไม่มีใครอยากจะขึ้นศาลหรือเป็นคดีความ" ระบุว่า เช้าวันนี้ได้ขึ้นศาลจังหวัดนนทบุรี ในคดีที่มีกลุ่มคนไปทำลายพระบรมรูป พระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระราชบิดา สมเด็จย่า กรมหลวงชัยนาทนเรนทร ด้วยการสาดสีแดง เอาเชือกดึงพระบรมราชานุสาวรีย์พระองค์ท่านให้พังลงมา และพระองค์ท่านเป็นศูนย์รวมดวงใจของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขทุกคน นอกจากนี้ กลุ่มบุคคลดังกล่าว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเยาวชน และมีแกนนำ รวมถึงกลุ่มคนที่จัดตั้งขึ้นได้มาประท้วงทำลายข้าวของ ทำลายสถานที่กระทรวงสาธารณสุข ด้วยการสาดสีแดง
ในวันนั้น หมอออกไปรับม็อบ พยายามเจรจาด้วยสันติวิธี แต่ไม่เป็นผล กลุ่มบุคคลดังกล่าว ทั้งด่ากระทรวงสาธารณสุข ด่าผู้บริหารระดับสูง โจมตีด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หลอกลวงพี่น้องประชาชนให้หลงเชื่อ รวมถึงใช้คำหยาบคาย ด่าบิดามารดาของหมอด้วยคำหยาบคายมากๆ เช่น อวัยวะเพศ ซึ่งคดีดังกล่าวหมอได้ติดตามทำงานร่วมกับตำรวจ จนสามารถจับกุมคนร้ายได้ทั้งหมด และส่งฟ้องศาล เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ดีแก่เยาวชน และพี่น้องประชาชน
ในตอนนี้สามารถบังคับใช้กฎหมายจนผู้กระทำผิดถูกลงโทษ (น่าจะถึงขั้น "จำคุก") แม้ว่าจะเหนื่อยมากๆ นับตั้งแต่วันที่เริ่มรวบรวมพยานหลักฐาน ตามจับกุมผู้ต้องหา จนถึงส่งฟ้องศาล แต่ถ้าเราไม่ทำอะไรปล่อยให้คนผิดลอยนวล ต่อไปจะเป็นเยี่ยงอย่าง แล้วสังคมจะอยู่ได้อย่างไร
หมอขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มารักษาความปลอดภัยให้กับทางกระทรวงสาธารณสุข จนถูกทำร้ายร่างกายไปด้วย จนถึงการทำงานอย่างจริงจังของตำรวจ การรวบรวมพยานหลักฐาน และจับตัวผู้กระทำผิดส่งฟ้องศาลจนศาลลงโทษผู้กระทำผิด
แต่สำหรับหมอแล้ว การปราบคนพาล อภิบาลคนดี ดูแลส่งเสริมคนดี และอย่าให้คนชั่ว คนพาล มีอำนาจหรือลอยนวลจากการกระทำความผิดเป็นเรื่องที่ระลึกและต่อสู้มาโดยตลอดชีวิตข้าราชการตั้งแต่เป็นตำรวจ จนมาเป็นหมอในปัจจุบันครับ
หมออยากฝากถึงทุกๆ ท่าน ตามพระบรมราโชวาทของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่หมอยึดมั่นปฏิบัติเสมอมา พระองค์ท่านพระราชทานไว้ว่า
"ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครจะทำให้คนทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อย จึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้…"
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 ก.ค. 2564 ผู้ชุมนุมกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า กลุ่มไพร่พล และกลุ่มเด็กปากแจ๋ว นำโดย น.ส.ณิชกานต์ หรือมีมี่ และ น.ส.เบญจมาภรณ์ หรือพลอย ทะลุวัง (ขอสงวนนามสกุล) ซึ่งเป็นแนวร่วมกลุ่มผู้ชุมนุมที่เรียกตัวเองว่าม็อบราษฎร ได้รวมตัวกันที่บริเวณประตู 1 หน้าสำนักงานประกันสังคม กระทรวงสาธารณสุข เพื่อทำกิจกรรมที่เรียกว่า "บุกกระทรวงทวงวัคซีน" พร้อมขอเข้าพบและยื่นหนังสือถึง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข เรียกร้องให้นำวัคซีน mRNA ที่อ้างว่าเป็นวัคซีนคุณภาพดีและฟรีมาฉีดให้ประชาชนและเด็กทุกคน โดยอ้างว่าพ่อแม่ทำงานส่งภาษีให้รัฐบาลแต่บริหารประเทศบกพร่อง ทำให้ผู้คนเสียชีวิตจากโควิด-19 โดยยื่นคำขาดให้เวลา 7 วัน ถ้ายังจัดหาวัคซีนดีๆ ไม่ได้จะนำขบวนการนักเรียนร่วมมือกับขบวนการแรงงานเคลื่อนไหวแน่
โดยทางกลุ่มได้นำพวงหรีด เขียนชื่อนายอนุทิน พร้อมหุ่นจำลอง ผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 มาแสดง ก่อนประกาศจะเคลื่อนขบวนไปที่บริเวณหน้าสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เพื่อปราศรัยและยื่นหนังสือถึง รมว.สาธารณสุข ต่อมา พ.ต.อ.วนัสชัย ยิ่งยงสมสวัสดิ์ ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี นำกำลังตำรวจพร้อมด้วยโล่ควบคุมฝูงชนมาตั้งแถวสกัดไว้ พร้อมปิดประตูทางเข้ากระทรวงไม่ให้ทางกลุ่มเคลื่อนเข้าไป ต่อมา นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ โฆษกกระทรวงสาธารณสุข เดินทางมาเจรจาเพื่อรับเรื่องแทน แต่ทางกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ยอม ยืนกรานว่าจะเข้าไปด้านในกระทรวงให้ได้ และจะขอยื่นหนังสือต่อนายอนุทินเท่านั้น ทำให้เกิดการปะทะคารมกัน
จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้นำหุ่นจำลองศพผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 มาวางบนพื้นถนนก่อนนำสีแดงมาราด และพยายามที่จะราดน้ำมันเพื่อจุดไฟเผา เจ้าหน้าที่ต้องนำเครื่องดับเพลิงมาฉีดสกัดไว้ไม่ให้เกิดเปลวไฟ กลุ่มผู้ชุมนุมยังพยายามจะฝ่าแนวโล่ของเจ้าหน้าที่เข้าไปในกระทรวง จนเกิดการยื้อยุดฉุดกระชากกันเล็กน้อย สุดท้ายไม่สามารถฝ่าเข้าไปในกระทรวงได้ จึงปราศรัยอยู่ที่บริเวณประตู 1 กระทั่งเวลาเที่ยงวัน ทางกลุ่มยอมยื่นหนังสือผ่านตัวแทนกระทรวงสาธารณสุข ก่อนขู่ว่าอีก 7 วันไม่ทำเจอแน่ แล้วจึงแยกย้ายกลับไป ภายหลังทางกระทรวงสาธารณสุขแจ้งความดำเนินคดีต่อกลุ่มผู้ชุมนุมในข้อหาหมิ่นประมาท ทำลายทรัพย์สินราชการ ก่อความวุ่นวาย และ สภ.เมืองนนทบุรีได้ออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหาเมื่อวันที่ 5 ส.ค. 2564
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 2 มี.ค. 2566 ศาลได้เรียกคู่กรณีมาไกล่เกลี่ย นพ.รุ่งเรืองเปิดเผยว่า แกนนำผู้ชุมนุมได้สำนึกผิด ได้กล่าวคำขอโทษนายอนุทิน ผู้บริหาร ข้าราชการและบุคลากรกระทรวงสาธารณสุข สัญญาว่าจะกลับตัวกลับใจเป็นคนดี แล้ว ตนได้สอนน้องๆ ไปว่า ที่ผ่านมาทั้งกระทรวงสาธารณสุข ผู้บริหารระดับสูง ตนเอง ข้าราชการและบุคลากร ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่เพื่อคนไข้ เพื่อประชาชน การที่น้องๆ มาด่าทอพวกเรา ด่าดูถูกหมอและบุคลากร ดูหมิ่นศักดิ์ศรีผู้บริหารและกระทรวงสาธารณสุข ดูหมิ่นศักดิ์ศรีข้าราชการ และยังด่าว่าคุณพ่อคุณแม่หมอที่เป็นคนดีและท่านได้ล่วงลับไปแล้ว ด่าครอบครัวหมอด้วยข้อความหยาบคาย มันถูกต้องหรือไม่ หลายครั้งจากการปฏิบัติหน้าที่ หมอสงสารภรรยาและลูกสาวที่ต้องมาทุกข์ใจไปด้วย ตนขอให้น้องๆ ทำอะไรอย่างมีสติ และคิดให้มากๆ ที่สุด ใจเขา ใจเรา เรื่องที่เกิดขึ้นหมอให้อภัย และขออโหสิกรรม