GLORY เปิดตัว “Alisa AI Chatbot” นวัตกรรมที่ช่วยตอบคำถาม สร้างรูปภาพ และเขียนโค้ดโปรแกรมขับเคลื่อนด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ Generative Pre-Trained Transformer รายแรกของไทย สุดยอดผู้ช่วยส่วนตัวพร้อมให้ใช้งานฟรีบน Line@Alisa
นายจรัญพัฒน์ บุญยัง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท รุ่งเรืองตลอดไป จำกัด (มหาชน) หรือ GLORY ผู้พัฒนา AI ChatBot ไทย “Alisa (อลิสา)” เปิดเผยว่า จากความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ทำให้ปัญญาประดิษฐ์ หรือ Artificial Intelligence (AI) ได้มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว และกำลังสร้างความเปลี่ยนแปลงในทุกอุตสาหกรรม เพื่อให้ผู้คนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้อย่างทั่วถึงและปลอดภัยโดยเร็วที่สุด บริษัทฯ ได้พัฒนา “Alisa AI” แชตบอตทรงพลังและมีความแตกต่างจากแชตบอตอื่นๆ ที่มาพร้อมกับความสามารถในการประมวลผลภาษาธรรมชาติขั้นสูง (NLP) ออกแบบมาเพื่อเป็นผู้ช่วยส่วนตัว ช่วยผู้ใช้งานจัดการงานและกิจกรรมประจำวัน สามารถเข้าใจและตอบสนองต่อคำขอทุกประเภทได้อย่างเหมาะสม ตั้งแต่การสอบถามง่ายๆ ไปจนถึงงานที่มีความซับซ้อน อีกทั้ง “Alisa AI” ยังได้รับการตั้งโปรแกรมให้ตอบคำถามจนถึงปี 2023 และยังคงอัปเดตอย่างต่อเนื่องในขอบเขตที่สามารถเรียนรู้ได้ เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ใช้จะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและใกล้เคียงกับปัจจุบันที่สุด ทำให้เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับผู้ที่สนใจใช้เทคโนโลยี AI สมัยใหม่
“Alisa AI” มีฟีเจอร์หลักที่สำคัญคือ ช่วยผู้ใช้งานลดขั้นตอนการทำงานในการค้นหาข้อมูล ข้อความต่างๆ (Text) ถาม-ตอบ ขอไอเดีย รองรับการสร้างความคิด และอื่นๆ ขึ้นอยู่กับการปรับใช้งานของผู้ใช้ ว่าต้องการให้ “Alisa” ช่วยอะไร และ “Alisa AI” ยังเป็นเครื่องมือที่สามารถช่วยให้ผู้ใช้งาน สร้างสรรค์ รูปภาพจากข้อความ (Text-To-Image) จากจินตนาการของผู้ใช้ ในระยะเวลาที่รวดเร็ว และสามารถใช้ฟังก์ชันเพื่อกำหนดให้รูปเป็นแนวตั้ง หรือแนวนอน นอกเหนือจากรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ที่เป็นมาตรฐาน ซึ่งรองรับการใช้งานในภาษาไทย และภาษาอังกฤษ
ล่าสุดเปิดตัวฟีเจอร์ นวัตกรรมใหม่ของโลก "/Goal (AutoGPT+OwnerMode)" ซึ่งผู้ใช้สามารถพิมพ์เป้าหมายที่ต้องการเพียงครั้งเดียว แล้วอลิสาจะจัดตั้งทีม AI จำนวนมากกว่า 10 คน ประกอบไปด้วย CEO, Manager และ Specialist มาร่วมกันทำงานให้กับเป้าหมายของผู้ใช้งานโดยอัตโนมัติ และยังสามารถขอแก้ไข หรือขอรายละเอียดจากแต่ละตำแหน่งแบบเฉพาะเจาะจงได้ตามต้องการ เหมือนกับเจ้าของ (Owner) อีกด้วย ซึ่งทำได้ตั้งแต่ เขียนโฆษณา เขียนแผนงาน เขียนหนังสือ ปรึกษาพูดคุย ขอไอเดีย เขียน Code โปรแกรม และอื่นๆ อีกมากมาย เรียกได้ว่าคล้ายกับคนเลยทีเดียว โดยรองรับทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ
จะเห็นได้ว่า AI สามารถทำงานได้โดยอัตโนมัติจากคำสั่งเดียว ซึ่งเป็นจุดเด่นของ “Alisa” และเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ยังไม่เคยมีมาก่อน และคิดว่าจะสามารถช่วยสนับสนุนให้ผู้ใช้งานทุกอาชีพเป็นอย่างมาก ส่วนดีไซน์การออกแบบ “Alisa AI” (คอนเซ็ปต์ตัวละคร) อลิสา (Alisa) เป็นตัวละครที่มีชื่อเป็นภาษาไทย แต่งกายชุดไทยผสมจีน ซึ่งเป็นตัวละครที่ตั้งใจออกแบบให้ผู้ใช้งานรู้สึกสบายใจที่จะพูดคุยด้วย มีความสุภาพ เรียกผู้ใช้ว่านายท่าน และลงท้ายด้วยเจ้าค่ะ คล้ายๆ กับการเป็นผู้ช่วย Maid AI ประจำตัวของนายท่าน
สำหรับกลยุทธ์การตลาด “Alisa AI” มุ่งเน้นช่องทางการโปรโมตผ่านโซเชียลมีเดีย ในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ชูจุดเด่นที่ถือเป็นจุดแข็ง คือ ลดขั้นตอนการทำงานให้กับทุกอาชีพ ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย, การรีวิวจากผู้ใช้งานจริง, และสร้างความประทับใจจนเกิดการบอกต่อ ควบคู่ไปกับการใช้สื่อประเภท Out Of Home Media (OOH) โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญจากบริษัท Yellow Media ติดตั้งตามเส้นทางต่างๆ ในโลเกชันสำคัญๆ เพื่อสร้างการรับรู้ (awareness) ไปยังกลุ่มเป้าหมาย เช่น นักเรียน นักศึกษา หรือกลุ่มคนวัยทำงาน และเปิดโอกาสให้ผู้อ่านมีเวลายาวนานในการอ่านข้อความโฆษณาซ้ำๆ ทุกวันจนเกิดการจดจำแบรนด์ในที่สุด ทำให้ยอดผู้ใช้งานจากเดิม 3-4 แสนคน หลังจาก”Alisa” เปิดตัวเพียง 2 เดือน และได้รับผลตอบรับดีอย่างต่อเนื่อง เพิ่มขึ้นเป็น 1.6 ล้าน User คิดเป็นอัตราการเติบโตกว่า 300% และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ตั้งเป้าฐานผู้เข้าใช้งาน 5 ล้านคน และยอด Subscriber ที่มีอัตราการเติบโตตามสัดส่วนคือ 0.1-1% ภายในปี 2566
ทั้งนี้ การเข้าใช้งาน สำหรับแพกเกจ Free สามารถใช้งานการ Generate Text ได้ 50,000 Token/เดือน โดยที่ 1 Token มีค่าประมาณ 1 ตัวอักษรสำหรับภาษาที่อลิสารองรับ และจะ Reset Token ใหม่ทุกๆ เดือน ตามระยะเวลาที่เริ่มต้นใช้งาน สามารถดูรอบการ Recurring แพกเกจ ได้โดยพิมพ์ /info บนแชตไลน์ @alisa) ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเลือกสมัครแพกเกจ Premium ได้ที่ https://sub.alisamaid.com/
นอกจากนี้ “Alisa Ai” ยังมีแผนพัฒนาต่อยอดในอนาคต โดยกำลังพัฒนาฟีเจอร์ใหม่คือ Chatfile ซึ่งจะสามารถอัปโหลดไฟล์เข้าไปเพื่อพูดคุยถามตอบได้ เช่น อัปโหลดหนังสือเรียนเข้าไปแล้วขอให้ช่วยสอน หรืออัปโหลดงานวิจัยที่มีความยาวหลายร้อยหน้าเข้าไปเป็นภาษาอังกฤษ แล้วถามตอบเป็นภาษาไทย หรือให้ช่วยสรุป เป็นต้น ทั้งนี้ยังมีฟีเจอร์อีกมากที่เตรียมจะพัฒนาในอนาคตเพื่อรองรับต่อผู้ใช้งานที่เป็น End User และผู้ใช้งานที่เป็นกลุ่มบิสิเนส หรือองค์กรต่างๆ เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้อย่างทั่วถึง และปลอดภัยโดยเร็วที่สุด โดยมองว่า ปัจจุบันเมื่อ AI เริ่มเข้าใจภาษามนุษย์แล้ว การพัฒนาจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งไม่ใช่แค่เฉพาะในภาพของ AI ที่เราเห็นเป็น Chatbot ในปัจจุบัน แต่ AI จะอยู่ในเบื้องหลังการพัฒนาครั้งสำคัญต่างๆ ของโลกในอนาคต
ด้านนางสาวมาลินี ขับสนิท ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด Yellow Media บริษัทที่ได้รับมอบหมายจากสินค้าและแบรนด์ต่างๆ ให้วางแผนการใช้สื่อนอกบ้าน-Out Of Home Media (OOH) อย่างครบวงจรมากกว่า 10 ปี กล่าวว่า การทำแคมเปญการตลาดในปัจจุบัน หากเลือกว่าจะออนไลน์อย่างเดียว หรือออฟไลน์อย่างเดียวแค่นั้นไม่เพียงพออีกต่อไป แบรนด์ต้องทำทั้ง 2 อย่างควบคู่กัน เพื่อให้การทำธุรกิจสื่อสารไปยังผู้บริโภคมีประสิทธิภาพมากที่สุด และเนื่องจาก Out Of Home Media หรือสื่อนอกบ้าน เป็นสื่อที่ทำให้ผู้คนพบเห็นได้ในจำนวนมาก ไม่เพียงเฉพาะกลุ่มคนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงคนทั่วไป หรือคนที่อาจจะมาเป็นลูกค้าในอนาคต ทำให้เกิดการรับรู้แบรนด์ รู้จักสินค้า ทำให้ผู้คนรู้สึกคุ้นชินและเกิดความน่าเชื่อถือ ซึ่งจะเห็นได้ว่า Out of home media หรือสื่อนอกบ้าน เป็นช่องทางการโฆษณาและทำการตลาดที่ไม่ควรพลาดเลยจริงๆ