“สนธิ” ชี้ “ปิยณี-ช่อง 3” ด้อยค่า “ท็อปนิวส์” ด้วยคำพูดลอยๆ เป็นเรื่องที่รับไม่ได้ ซัดไม่รู้เรื่องกัญชา ไม่ศึกษาเรื่องต่างประเทศ ดีแต่จำขี้ปากคนอื่นมาพูด ถามเคยทำข่าวเจาะที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมหรือไม่ เก่งแต่แขวะคนอื่น แต่เรื่องเจ้านายตัวเองทุจริตรถ-เรือดับเพลิงเคยรายงานไหม
ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” วันศุกร์ที่ 2 มิถุนายนที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ ได้กล่าวถึงกรณี น.ส.ปิยณี เทียมอัมพร ผู้ประกาศข่าวสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ได้โพสต์เฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2566 เป็นภาพแคปชันข้อความที่ว่า"มีสองอย่างที่ไม่ควรปล่อยให้เสรี 1.กัญชา 2.ท็อปนิวส์"พร้อมกับโพสต์แสดงความเห็นระบุว่า “คอมเมนต์นี้ดีนะคะ ฝากรัฐบาลใหม่นำไปพิจารณาเพิ่มเติมด้วยค่ะ ล่าสุดข่าวปั่นเรื่องเมกา (อเมริกา) ที่เราว่าติงต๊องๆ กันนะ มีคนเอาจริงเอาจังอยู่นะคะ ดูอย่างพี่นักแต่งเพลงท่านนั้นสิ แม่ประไพ”
นายสนธิ กล่าวว่า นี่เป็นการพูดพาดพิงถึงหลายคน ทั้งผู้ประกาศข่าวช่องท็อปนิวส์ ไม่ว่าจะเป็นน.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายกนก รัตน์วงศ์สกุล, นายธีระ ธัญไพบูลย์ นายสันติสุข มะโรงศรี และคนอื่นๆ รวมไปถึง"ดี้” นายนิติพงษ์ ห่อนาคนักแต่งเพลงชื่อดังที่ชอบใช้คำว่า "แม่ประไพ" ในการโพสต์โซเชียลของตัวเอง จนกลายเป็นสัญลักษณ์ประจำตัว
น.ส.ปิยณี เป็นใคร?
น.ส.ปิยณี เทียมอัมพร มีชื่อเล่นว่า "อิ๊บ" เกิดเมื่อ พ.ศ.2524 สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจากคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เริ่มทำงานเป็นนักข่าวที่สถานีโทรทัศน์ "ไอทีวี" ตั้งแต่ พ.ศ. 2546 จนถึง พ.ศ.2551 ก่อนย้ายมาทำหน้าที่ผู้ประกาศที่ช่อง 3 มาจนถึงปัจจุบัน โดยทำหน้าที่เป็นผู้ประกาศข่าวรายการข่าวในพระราชสำนัก รายการแฟลชนิวส์ และรายการขันข่าวเช้าตรู่ เสาร์-อาทิตย์ ในช่วงเวลา 06:00 - 06:55 น.
นายสนธิ กล่าวว่า ประสบการณ์ในการเป็นสื่อมวลชนมา 20 ปีไม่ได้สอนอะไร น.ส. ปิยณีเลยหรือ การสวมหมวกสื่อมวลชนแล้วโพสต์ลอยๆ ว่า“กัญชา” ไม่ควรจะเสรี...ถามว่า น.ส.ปิยณีมีความรู้เรื่องกัญชามากน้อยแค่ไหน เคยศึกษาเรื่องนี้มาอย่างลึกซึ้งหรือไม่ หรือจำขี้ปากนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ เพื่อนสนิทนายสรยุทธ สุทัศนจินดา ที่อยู่ช่องเดียวกันมา
นายสนธิ กล่าวอีกว่า น.ส.ปิยณีไม่รู้เรื่องกัญชา เพราะในข้อเท็จจริงเดี๋ยวนี้กัญชาไม่ได้เสรี มีกฎระเบียบของกระทรวงสาธารณสุขชัดเจนว่าเปิดร้านกัญชา เดินสูบกัญชา ผิดกฎหมายหมด น.ส.ปิยณีต้องไปโขกสับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กระทรวงสา่ธารณสุขว่าทำไมไม่ดำเนินการเรื่องนี้
“คุณไปจำขี้ปากเขามา เพราะว่าถ้าคุณบอกว่า ถ้าเอากัญชาไม่เปิดเสรี กลับเป็นยาเสพติด คุณรู้สึกว่าคุณเท่ใช่ไหม เพราะยังมีคนบางส่วนที่ด้อยปัญญาเหมือนคุณ”
นายสนธิ กล่าวต่อว่า ตนกับนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และอีกหลายคนต่อสู้เรื่องสมุนไพรไม่ใช่เฉพาะเรื่องกัญชา แต่ยังมีเรื่องฟ้าทะลายโจรและสมุนไพรไทยอื่นๆ ด้วย มาตั้งแต่พรรคภูมิใจไทยยังไม่ได้เน้นเรื่องนโยบายกัญชา ต่อสู้มานานแล้ว ขอให้ น.ส.ปิยณีจำเอาไว้
นอกจากนี้ การที่ น.ส.ปิยณีบอกว่าข่าวเรื่องอเมริกาเข้ามาแทรกแซงไทยเป็นข่าวปั่น เป็นเรื่องติงต๊อง แสดงว่า น.ส.ปิยณีไม่ได้ศึกษาที่มาที่ไป ไม่ศึกษาข้อมูลเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่มีปรากฏอยู่มากมาย ไม่มีวิสัยทัศน์ของสื่อมวลชนเลย ที่สำคัญ การวิพากษ์วิจารณ์ท็อปนิวส์ในเชิงด้อยค่า ในเชิงบูลลี่ ดูแคลนนั้นเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้
“การที่คนทำสื่อเองจะมีรสนิยมความชอบในเรื่องทางการเมืองที่แตกต่างกันไม่ใช่เรื่องผิด ผมก็ไม่ชอบ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ อ้างว่าตัวเองปกป้องสถาบัน แต่ผมเห็นว่า 8-9 ปีที่ผ่านมา พวกต่อต้านสถาบันกลับเพิ่มมากขึ้น นี่คือเหตุผลที่ผมไม่ชอบ พล.อ.ประยุทธ์ และผมเป็นคนที่วิพากษ์วิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์มากที่สุด และบอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ พอได้แล้ว
“กรณีท็อปนิวส์ ถ้าเขารัก พล.อ.ประยุทธ์ สนันสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่ได้ผิดเช่นกัน เพราะการนำเสนอข่าวของเขาก็มีข้อมูลในฝั่งเขาออกมาสนับสนุน ไม่ได้พูดลอยๆ แต่คุณพูดลอยๆ ด่าท็อปนิวส์เขา” นายสนธิกล่าว
นายสนธิกล่าวอีกว่า ในหลายๆ ประเด็นข่าวของท็อปนิวส์ที่นำเสนอออกมา ก็เป็นประโยชน์ให้สังคมไทยมาไม่น้อย อยากถาม น.ส.ปิยณีและนายสรยุทธว่าช่อง 3 เคยทำข่าวเจาะอะไรบ้างที่เป็นประโยชน์ นอกจากเอากระแสข่าวรายวันมาประดิษฐ์ประดอยวาทกรรมต่างๆ เช่น กรี๊ดเลย กรี๊ดเลย กรี๊ดเลย ทำได้แค่นี้เอง
“พวกคุณเคยทำข่าวเจาะเรื่องคอร์รัปชั่นบ้างไหม ไม่เคย เคยทำข่าวเจาะแบบหลายๆ เรื่องที่ท็อปนิวส์ทำมาหรือไม่ ก็ไม่เคย ทำได้อย่างเดียวคือแชร์คำพูดนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ราวกับว่านายสรยุทธเป็นโฆษกส่วนตัว แต่ทีกรณีสวนชูวิทย์จะเป็นสาธารณะสมบัติหรือไม่ คุณสรยุทธกลับเงียบกริบ
“พวกคุณออกมาแว้งกัดคนโน้นคนนี้ ด้อยค่าคนโน้นทีคนนี้ที แต่พวกคุณคงลืมไปว่า หนึ่งในเจ้านายของพวกคุณ คือ นายประชา มาลีนนท์ หนีคดีรถและเรือดับเพลิงอยู่ต่างประเทศเป็น 10 ปีแล้ว เพราะว่าศาลฎีกาได้พิพากษาแล้วว่านายประชา มาลีนนท์ รับผลประโยชน์จากการประมูลซื้อรถและเรือดับเพลิง ไม่เห็นช่อง 3 คุณปิยณี หรือคุณสรยุทธ รายงานข่าวความคืบหน้าเรื่องนี้เลย ว่านายประชาหนีไปอยู่ไหนแล้ว แล้วความเสียหาย 6 พันกว่าล้านบาทนั้นจะชดใช้ให้บ้านเมืองอย่างไร” นายสนธิกล่าว
สำหรับคดีทุจริตการจัดซื้อรถ-เรือดับเพลิงนั้น เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2556 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินจำคุกนายประชา มาลีนนท์ อดีต รมช.มหาดไทย และ พล.ต.ต.อธิลักษณ์ ตันชูเกียรติ อดีตผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. เป็นเวลา 12 ปี และ 10 ปีตามลำดับ ด้วยความผิดตามมาตรา 157 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 ในคดีทุจริตจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงพร้อมอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัย ของกรุงเทพมหานคร มูลค่า 6,687 ล้านบาท
แต่ในวันนั้น ทั้งนายประชา และ พล.ต.ต.อธิลักษณ์ ไม่ไปฟังคำพิพากษา และหลบหนีออกต่างประเทศไปใช้ชีวิตอยู่ที่ยุโรปในประเทศซึ่งไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับไทย
“ทีข่าวที่เป็นประโยชน์กับประชาชนแบบนี้ ทำไมช่อง 3 คุณปิยณี คุณสรยุทธ์ ไม่รายงานบ้าง ผมก็ไม่แน่ใจ ทีเรื่องคนอื่นขยันวิพากษ์วิจารณ์ แต่เรื่องความชั่วของพรรคพวก เจ้านายตัวเองก็ได้แต่เงียบกริบ” นายสนธิกล่าว