xs
xsm
sm
md
lg

ระเบิดเวลา! “พิธา” อ้างสัญญาคน 14 ล้าน เดินหน้าแก้ ม.112 “บีบีซี” ถามเสี้ยมแซะเจ้า สมควรโดนบล็อก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“สนธิ” ซัด “โจนาธาน เฮด” สัมภาษณ์ “พิธา” หลังเลือกตั้ง จงใจโกหกเพื่อใส่ร้ายสถาบัน สะท้อนธาตุแท้บีบีซี เครื่องมือชาติตะวันตกแทรกแซงประเทศต่างๆ ทั่วโลก สมควรแล้วที่ทรูวิชั่นตัดสัญญาณ ถามว่าที่พรรคร่วมรัฐบาล อยากเป็นจนตัวสั่นงันงกเชียวหรือ ถึงไม่รู้ว่าการแก้ ม.112 คือเป้าหมายของพรรคก้าวไกล



ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” วันศุกร์ที่ 2 มิถุนายนที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ ได้กล่าวถึงกรณีที่ทรูวิชั่นส์ได้ตัดสัญญาณภาพรายการของสำนักข่าวบีบีซีช่วงที่มีการสัมภาษณ์นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โดยนายโจนาธาน เฮด พร้อมขึ้นข้อความว่า"Program will resume shortly" (รายการจะกลับมาอออกอากาศในไม่ช้า)


ทั้งนี้ เนื้อหาที่ปรากฏในการสัมภาษณ์ระหว่างนายโจนาธาน เฮด นักข่าวจากบีบีซีและ นายพิธา เป็นเรื่องหลังการเลือกตั้งที่ผ่านมา รวมถึงมีคำถามที่เกี่ยวกับนโยบายของพรรคก้าวไกลที่จะแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่เป็นข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ แต่ถูกกระแสต่อต้าน และ ส.ว.ก็แสดงท่าทีขัดขวาง ซึ่งนายโจนาธาน เฮ ได้ถามว่าเหตุใดพรรคจึงไม่ยุติการผลักดันเรื่องนี้

นายพิธาตอบคำถามเรื่องนี้ว่า เป็นนโยบายที่พรรคให้สัญญาไว้กับประชาชน และจากการเลือกตั้งที่ผ่านมาประชาชนก็ยังลงคะแนนให้กับพรรคก้าวไกลเป็นจำนวนถึง 14 ล้านเสียงอีกด้วย

รายละเอียดการสัมภาษณ์บางส่วน นายโจนาธาน เฮด ถามว่า “นโยบายหนึ่งที่พรรคของคุณประกาศไว้ คือการแก้ไขกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ กฎหมายนี้ทำให้สมาชิกวุฒิสภาหลายคนระบุว่า ทำให้พวกเขาสนับสนุนคุณไม่ได้ และอาจจะยับยั้งไม่ให้คุณจัดตั้งรัฐบาลได้ ทำคุณไม่ชะลอประเด็นนี้ไปก่อน”


นายพิธาตอบว่า “เพราะเป็นสิ่งที่เราสัญญากับประชาชนเอาไว้ เรามีฉันทามติมากพอ เราได้รับคะแนนเสียงจากประชาชน 14 ล้านคน พวกเขาเข้าใจ มันชัดเจน และโปร่งใสว่า นี่เป็นหนึ่งในเป้าหมายที่เราต้องการผลักดัน

นายสนธิ กล่าวว่า พรรคร่วมรัฐบาลเห็นหรือยัง แม้ใน MOU ที่บอกว่าไม่มีเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 แต่นี่คือคำตอบว่าทำไมพรรคก้าวไกลต้องการได้ตำแหน่งประธานสภา เพราะต้องการให้ประธานสภาบรรจุวาระการแก้ไขมาตรา 112 เข้าไป นี่คือเกม ต้องถามพรรคร่วมว่า พวกคุณอยากเป็นรัฐมนตรีกันจนตัวสั่นงันงก จนลืมนึกไปว่านี่คือ 1 ในเป้าหมายที่พรรคก้าวไกลต้องการผลักดัน

“คุณพิธาคือพรรคก้าวไกล คุณพิธาจะอ้างไม่ได้ว่าถ้าพรรคเสนอเข้ามา ก็ว่ากันไปในสภา ไม่ใช่ ประเด็นไม่ได้อยู่ตรงนี้ ก็ในเมื่อคุณพิธาเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกลแล้วในเมื่อตกลงว่าจะไม่เอา 112 เข้ามา คุณพิธาก็ต้องให้ความมั่นใจว่าพรรคก้าวไกลจะไม่เสนอการแก้ไขกฏหมาย 112 เข้าไปในสภา นี่เราพูดด้วยเหตุด้วยผล แต่คุณพิธาก็โกหก หลอกลวงอีกครั้งหนึ่ง เพียงเพื่อที่จะให้ตัวเองได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี” นายสนธิ กล่าว

ทั้งนี้ นายโจนาธาน เฮด ได้ตั้งคำถามนายพิธาในลักษณะเป็นการเสี้ยมและกระทบชิ่งถึงสถาบันเบื้องสูง ด้วยว่า คุณพยายามเปลี่ยนระบบที่ฝังรากลึกของสถาบันที่ทรงพลังและไม่สามารถตรวจสอบได้ สถาบันนี้ยุติอำนาจรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในอดีต สั่งแบนนายกรัฐมนตรีหลายคน คุณไม่คิดว่าสถาบันเดียวกันนี้จะทำแบบเดียวกัน หากคุณก้าวขึ้นครองอำนาจหรือ? ซึ่งนายสนธิกล่าวว่าคำถามดังกล่าวของนายโจนาธาน เฮด ถือเป็นการโกหกตอแหล และน่าจะเป็นสาเหตุให้ทรูวิชั่นส์ตัดสัญญาณช่วงนี้ออก


ส่วนนายพิธาได้ตอบเฉไป และลงท้ายว่า“ผมคิดว่าเรามีความเป็นผู้ใหญ่กันมากขึ้น มีความอดทนอดกลั้นที่จะพูดถึงสถาบันกษัตริย์ แม้แต่ฝ่ายอนุรักษนิยมก็เข้าใจว่า บทบาทของสถาบันกษัตริย์ควรจะเป็นอย่างไรในศตวรรษที่ 21”

นายสนธิ กล่าวว่า ประเด็นนี้ตนเคยพูดมาหลายครั้งแล้วว่า BBC World Service นั้นเป็นเครื่องมือของตะวันตก เครื่องมือของกระทรวงการต่างประเทศอังกฤษในการเข้าแทรกแซงการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ในประเทศต่างๆ เดิมทีตอนก่อตั้งเมื่อ ค.ศ.1932 ใช้ชื่อว่าบริการ BBC จากจักรวรรดิอังกฤษ (BBC Empire Service) และไม่ได้แทรกแซงเฉพาะไทย แต่แทรกแซงประเทศต่างๆ ทั่วโลก ปัจจุบันคือการแทรกแซงการเมืองในอินเดีย เพราะนายโมดิ ผู้นำอินเดีย มีนโยบายที่ขัดต่อผลประโยชน์ของชาติตะวันตก

นอกจากนี้ตนก็เคยฉีกหน้ากากให้เห็นแล้วว่า สื่อมวลชนคนไทยที่ไปทำงานให้ BBC Thai นั้นก็มีแนวคิดและพฤติกรรมในการล้มสถาบันกษัตริย์อย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงม็อบ 3 นิ้วเมื่อ 2-3 ปีก่อน BBC Thai นั้นมีส่วนสนับสนุนกลุ่มม็อบสามนิ้วอย่างเต็มตัว


ในส่วนของ นายโจนาธาน เฮด ผู้สื่อข่าวบีบีซีประจำภูมิภาค ที่สัมภาษณ์นายพิธานั้นก็มีประวัติความฉาวโฉ่มาอย่างยาวนานโดย นายโจนาธาน เฮด นั้นเป็นแขนขาในการรายงานข่าว เกี่ยวกับประเทศไทย มีส่วนสนับสนุนฝ่ายกบฏในพม่า โดยก่อนหน้านี้นายเฮดนั้นก็ถูกจับตามองมาโดยตลอดว่า มีแนวทางการนำเสนอข่าวที่ส่อไปในทางบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยมาตลอดทั้งยังเคยถูกดำเนินคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ฐานหมิ่นสถาบันเบื้องสูงของไทยมาแล้ว

“ผมต้องขอขอบคุณ TNN ที่ตัดสินใจเด็ดขาดที่จะบล็อก เชื่อผมมสิ อย่าไปรับมันเลยสำนักข่าวบีบีซี มันไม่มีประโยชน์ เก็บเงินเก็บทองเอาไว้ดีกว่า เอาไปช่วยสุนัขขี้เรื้อนที่ไร้บ้านไร้ที่อยู่ ยังได้บุญได้กุศลมากกว่าจ่ายเงินให้กับช่องบีบีซี เสียเงินเพื่อให้มันด่าพวกเราต่อ” นายสนธิกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น