xs
xsm
sm
md
lg

รอยร้าว “ก๊วนฟ้าเดียวกัน-พิธา” วัดใจ "ก้าวไกล" เลือกเข้าสู่อำนาจหรือรักษาอุดมการณ์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“สนธิ” เผยรอยร้าวภายใน “ก้าวไกล” หลังเลือกตั้งได้ ส.ส.มากอันดับ 1 “พิธา” เข้าใกล้เก้าอี้นายกฯ แค่เอื้อม แต่ต้องตัดเรื่อง ม.112 ออกจากเอ็มโอยูจัดตั้งรัฐบาล เพื่อให้ได้เสียงโหวตมากพอ จึงขัดใจสาย “ฟ้าเดียวกัน” ในพรรค และมาถึงทาง 2 แพร่ง จะเลือกรักษาอุดมการณ์ ยอมเป็นฝ่ายค้าน เพื่อรอชัยชนะครั้งใหญ่กว่าในอีก 4 ปี ข้างหน้า หรือจะทิ้งอุดมการณ์เพื่อเข้าสู่อำนาจไว้ก่อน



ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” วันศุกร์ที่ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ ได้กล่าวถึงการถือกำเนิดของสำนักพิมพ์ "ฟ้าเดียวกัน" ตั้งแต่ปี 2546 โดยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ (เอก) นายธนาพล อิ๋วสกุล (ปุ๊) และนายชัยธวัช ตุลาธน (ต๋อม) ซึ่งมีการวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงการด้อยค่าประวัติศาสตร์เกี่ยวกับสถาบันมหากษัตริย์อย่างต่อเนื่อง


สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน มีนักเขียนประจำ เช่น นายปิยบุตร แสงกนกกุล นายธงชัย วินิจจะกุล นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล โดยนายธงชัย และนายสมศักดิ์ ต่างมีบาดแผลความแค้นต่อเหตุการณ์ความรุนแรงที่ทหารปราบนักศึกษา 6 ตุลาคม 2519 ความแค้นนี้ลามปามไปถึงสถาบันกษัตริย์ด้วย ในขณะที่นายปิยบุตรจบฝรั่งเศส ประเทศซึ่งมีประวัติศาสตร์ในการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งหมดมาบรรจบพบกันที่ "สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน" เหมือนเรื่องของฝนตกขี้่หมูไหล

นายปิยบุตรมีความคิดจะปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ศาล กองทัพ อย่างเข้มข้นอยู่แล้ว งานเขียนฟ้าเดียวกันโดยสรุปธงนำฟ้าเดียวกัน คือ มีความเชื่อว่า กลุ่มทุนผูกขาดทั้งหลายได้แอบอิงและถวายเงินให้สถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อปกป้องทุนผูกขาดของตัวเอง ทั้งที่ความจริงการผูกขาดกลุ่มทุนไม่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์เลย แต่เป็นเรื่องที่นักการเมืองที่เอื้อประโยชน์ของกลุ่มทุน

คนเหล่นาก็เลยคิดที่จะลดพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ให้เหลือน้อยลงที่สุด จนกลายเป็นแค่สัญลักษณ์


การลดพระราชอำนาจอย่างหนึ่งคือลดพระบารมีลง จากการพยายามแก้กฎหมายมาตรา 112 ให้ถูกดูถูกดูหมิ่นได้ง่ายขึ้น และมีโทษน้อยลง อีกด้านหนึ่งคือลดอำนาจกองทัพ ตัดแขนขากองทัพไทย ทำให้ทหารอยู่ใต้อำนาจนักการเมืองที่จะตัดสินใจเรื่องความมั่นคงภายในและภายนอกประเทศได้เอง

อีกด้านหนึ่งมุ่งลดงบประมาณโครงการเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ ที่บอกว่าจะยกเลิกโครงการพระราชดำริ เพราะว่าถ้ามีโครงการอย่างนี้ขึ้น พวกนี้กลัวว่าพระมหากษัตริย์จะมีพระบารมีมากขึ้น ลดอำนาจในการบริจาค ปฏิรูปศาลไม่ให้ทำภายในพระปรมาภิไธย นำศาลให้ยึดโยงกับประชาชน หรือพวกเดียวกับนักการเมือง ทำให้นักการเมืองไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตาม รวมทั้งพรรคก้าวไกล ทำอะไรก็ไม่ผิด

2560-2561 นายปิยบุตรร่วมก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ นายปิยบุตรเป็นเลขาธิการ นายชัยธวัช เป็นรองเลขาธิการ ปุ๊-ธนาพล อิ๋วสกุล ยังกุมบังเหียนในสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน

2562 พรรคอนาคตใหม่ ภายใต้อุดมการณ์ของฟ้าเดียวกัน ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส. 81 ที่นั่ง คนลงคะแนนเสียงให้มากขึ้น 6.3 ล้านคน แต่ในที่สุดแล้วการบริจาคเงินเข้าพรรคของนายธนาธร ทำให้พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบพรรค เลยจำเป็นต้องเชิดนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรค ให้นายชัยธวัช ตุลาธน ซึ่งเป็นมือขวาของนายธนาธร มาเป็นเลขาธิการพรรค และสามารถสืบทอดอุดมการณ์ฟ้าเดียวกันได้


นายปิยบุตรจบฝรั่งเศส นายพิธาจบอเมริกา สองประเทศนี้ไม่มีพระมหากษัตริย์ แต่ฝรั่งเศสดันมีโมเดลทางประวัติศาสตร์ในการล้มล้างสถาบันกษัตริย์

ร่องรอยของความแตกต่างเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 นายปิยบุตรตำหนินายพิธาผ่านเฟซบุ๊กว่าชุบมือเปิบ เพราะไม่เสนอการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง ซึ่งเป็นที่ชัดเจนว่าพรรคก้าวไกลไม่ได้เสนอจะแก้ไข ม.112

หลังจากเคลียร์กันได้ ทำให้นายธนาธร นายปิยบุตร ช่อ-พรรณิการ์ ได้ลงมาเป็นผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล เดินหน้าต่อ แก้ไข ม.112 ด้วยการทำงานของต๋อม-ชัยธวัช ซึ่งมีพื้นฐานจบวิศวกรรมศาสตร์จากจุฬาฯ ทำให้อุดมการณ์การทำงานของฟ้าเดียวกันถูกจัดระบบแบบวิศวกร มีการดึงผู้มีความสามารถทางเทคโนโลยีสารสนเทศหลายมิติ การขยายความคิดอุดมการณ์ฟ้าเดียวกันได้อย่างต่อเนื่อง


เมื่อรวมถึงขบวนการปั่นกระแสจากต่างประเทศและในประเทศ ทำให้สังคมเด็กรุ่นใหม่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ยืนเคารพพระบรมฉายาลักษณ์ในโรงหนัง เปรียบทหารเป็นเสรีชน ไม่มีความผูกพันกับพ่อแม่ ความกตัญญูรู้คุณคนไม่มีความสำคัญ พ่อแม่มีหน้าที่อย่างเดียว คือเมื่อกระสันทางกามารมณ์แล้วทำให้ตัวเองเกิดขึ้นมา ก็ต้องรับผิดชอบเลี้ยงดูต่อไป การเผยแพร่ความไม่กตัญญูต่อพ่อแม่นั้น กลุ่มคนพวกนี้เป็นคนที่สร้างขึ้นมาทั้งสิ้น

ที่แน่ๆ คือนักการเมืองฝ่ายอนุรักษ์นิยมเพิกเฉย มัวแต่ทำมาหากิน ล้าหลัง ใช้กระบวนการ IO แบบโบราณ ก็เลยไม่รู้ว่าเด็กเยาวชนรุ่นใหม่เขาสื่อสารคนละโลกกับผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ใช้เฟซบุ๊ก เด็กใช้ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม ล่าสุดคือ TikTok

ในที่สุดต๋อม-ชัยธวัช ก็ทำนายไว้ตั้งแต่เดือนมกราคม 2566 ว่า พรรคก้าวไกลจะได้ ส.ส. ทั่วประเทศ 100 ที่นั่ง กวาดกรุงเทพฯ ทั้งหมด 33 เขต ซึ่งถือว่าเป็นการทำการเมืองที่เหนือชั้นกว่าทุกพรรคการเมือง เพราะ

หนึ่ง เขาจับจุดที่สังคมเจ็บปวดมาหาเสียงให้จับใจประชาชน เช่น การหาเสียงในพื้นที่เกณฑ์ทหาร เพื่อยกเลิกการเกณฑ์ทหาร การปฏิรูปพลังงานแพงทั้งระบบ การปฏิรูปกองทัพ ปฏิรูปตำรวจ เพิ่มค่าแรง 450 บาท ให้กับผู้ใช้แรงงาน พ่วงไปกับอุดมการณ์ฟ้าเดียวกัน ปฏิรูปกองทัพ แก้มาตรา 112 แก้รัฐธรรมนูญเพื่อที่จะปฏิรูปศาลและยึดโยงกับการเมือง ให้ผู้สมัครลงพื้นที่ล่วงหน้า 2 ปี เก็บข้อมูลความต้องการ พื้นที่เป้าหมายในจุดเปลี่ยนที่จะได้เป็น ส.ส. ในพื้นที่ ลงพื้นที่อย่างมีเป้าหมายจากการศึกษาอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ เน้นลงพื้นที่เป็นเสียงเปลี่ยนคะแนนสวิงโหวต รุกพื้นที่ดีเบตทุกเวที ทุกคนจะพูดไปในทิศทางเดียวกันหมด จับกระแสถูกว่าคนเบื่อรัฐบาล เบื่อสองลุง แสดงจุดยืนชัดเจน "มีลุงไม่มีเรา มีเราไม่มีลุง"


“ผมอยากจะเพิ่มเติมตรงนี้ว่า 3 ป. ที่ปกครองชาติบ้านเมืองมา 9 ปี นี่คือสาเหตุที่ทำให้ก้าวไกลเจริญเติบโตอย่างก้าวกระโดด ไม่ต้องหลบเลี่ยงความผิดนี้ ผิดอย่างร้อยเปอร์เซ็นต์ ให้ประชาชนเป็นฐานเสียงในการใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายทอดสด ทำคลิป ส่งต่อ โน้มน้าวพ่อแม่และสมาชิกในครอบครัวให้เลือกพรรคก้าวไกล ก็เลยทำให้พรรคก้าวไกลจาก 81 ที่นั่ง มากลายเป็น 152 ที่นั่ง จากคะแนนรวมปี 2562 ที่ 6.3 ล้าน กลายเป็น 14 ล้านเสียง”

ข้อสำคัญ ทำให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กลายเป็นผู้มีกระแสสูงเหนือกลุ่มฟ้าเดียวกันในพรรคก้าวไกลเรียบร้อยแล้ว สถานการณ์ตอนนี้เริ่มเปลี่ยนแล้ว ระหว่างนายพิธา กับก๊วนฟ้าเดียวกัน

เริ่มจากการเจรจาพรรคการเมืองที่จะจัดตั้งรัฐบาล ทั้งนายธนาธร ช่อ-พรรณิการ์ นายปิยบุตร โผล่เข้ามาร่วมเจรจาทั้งๆ ที่ไม่ได้มีตำแหน่งในการเจรจาแล้ว


สอง บทเรียนจากคณะราษฎร 2475 ที่แตกกันเพราะการแย่งอำนาจและผลประโยชน์ ทำให้พรรคก้าวไกลเสนอกระทรวงที่เกี่ยวกับผลประโยชน์ ยกให้เพื่อไทยหมด ส่วนก้าวไกลเองก็ยึดกระทรวงที่จะสร้างมวลชน ทำลายความมั่นคงของรัฐ ยึดกองทัพ ที่เป็นความมั่นคงของสถาบันกษัตริย์ ยึดกระทรวงกลาโหม มหาดไทย ยุติธรรม ศึกษาธิการ กระทรวงการคลัง

เดิมมีการแบ่งกระทรวงผลประโยชน์กับพรรคเพื่อไทย เช่น คมนนาคม พลังงาน เกษตรและสหกรณ์ เร่งทำให้คนในพรรคเพื่อไทยเดินหน้าช่วยล็อบบี้ ส.ว. ทันที ต่อมาคนรับไม่ได้เรื่องกระทรวงพลังงานที่ยกให้เพื่อไทย พรรคก้าวไกลเลยถูกบีบให้ดึงกระทรวงพลังงานกลับมาเพื่อปฏิรูปพลังงานทั้งระบบ


แต่การที่แบ่งกระทรวงผลประโยชน์ให้เพื่อไทย เท่ากับยื่นความเสื่อมให้พรรคเพื่อไทยในการทำให้ถูกตรวจสอบทุจริตตามมา นายพิธาส่งมอบ MOU ที่ไม่มีการแก้ไขมาตรา 112 แต่นายชัยธวัช เลขาฯ ระบุว่าต้องมีมาตรา 112 ใน MOU ซึ่งนี่คือรอยร้าวและเป็นความขัดแย้งจริงๆ

การเดินเกมแบบนี้ทำให้ปีกซ้ายเก่าในพรรคเพื่อไทย พยายามทำให้พรรคก้าวไกลทำสำเร็จ โดยนายจาตุรนต์ ฉายแสง พูดว่า ถ้าพรรคก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ ก็ให้มาเป็นฝ่ายค้านด้วยกัน วัดใจก้าวไกลว่าจะถอดอุดมการณ์ฟ้าเดียวกันเพื่อเข้าสู่อำนาจ หรือจะทิ้งอำนาจเพื่อรักษาอุดมการณ์

ในที่สุดการจัดตั้งรัฐบาลก็กำหนดไม่ให้ใส่การแก้ไขมาตรา 112 และอีกหลายเรื่องในนโยบายของพรรคก้าวไกลใน MOU และยังมีข้อความที่จะไม่ละเมิดต่อพระมหากษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญอีกด้วย นายพิธาต้องการอำนาจมาก ก็เลยยอมเซ็นลงไปกับพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล

สถานการณ์ความขัดแย้งพรรคก้าวไกลมีมากขึ้น จนนายปิยบุตรทนไม่ได้ นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ทนไม่ได้

อย่างไรก็ตาม ถ้าสุดท้ายมีการหักหลัง จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ พรรคก้าวไกลจะเตรียมตัวเป็นฝ่ายค้านที่จะมีคะแนนอย่างท่วมท้นต่อไปแบบแลนด์สไลด์อีก 4 ปีข้างหน้า เพราะพรรคเพื่อไทยจะต้องไปจับมือกับพรรครัฐบาลเดิม และแบ่งโควตาหารผลประโยชน์ คราวหน้าพรรคก้าวไกลจะกลับมาแล้วยึดประเทศไทยทั้งประเทศ

ทางเลือกที่เหลืออยู่ นายพิธาจบอเมริกา นายปิยบุตรจบฝรั่งเศส มีความคิดทางประวัติศาสตร์ไม่เหมือนกัน ถ้าเป็นก้าวไกลสายฟ้าเดียวกัน จะยอมหักไม่ยอมงอ เพื่อรักษาอุดมการณ์และจุดยืน แต่นายพิธาซึ่งอำนาจอยู่แค่เอื้อม คิดแบบฮาร์วาร์ด จะยอมทำทุกอย่างเพื่อเข้าสู่อำนาจ เป็นผู้บริหารให้ได้ก่อน แม้กระทั่งกลืนน้ำลายตัวเอง ก็ยอมเสียอุดมการณ์และจุดยืนฟ้าเดียวกัน ตามสไตล์นักการเมืองทั่วๆ ไป

ทำให้เชื่อได้ว่า สมมุตินายพิธาเป็นนายกฯ จริงๆ จะมีหลายเรื่องทำไม่ได้จริงตามสัญญา ทั้งๆ ที่ทำให้คนทั่วไปหรือคนในพรรคสบายใจในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าแรง 450 บาท และอื่นๆ ก็จะมีแต่เสมอทุนหรือขาดทุน


นายพิธาจะเป็นนายกรัฐมนตรีโดยประกาศว่าจะยอมถอนมาตรา 112 เพื่อกลับไปทบทวน รับฟังความคิดเห็นรอบด้านเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ในการปกป้องสถาบันกษัตริย์ แต่ไม่ให้มีการนำคดีสถาบันพระมหากษัตริย์มากลั่นแกล้งทางการเมืองหรือประชาชนผู้บริสุทธิ์

วิธีนี้ถ้าพรรคก้าวไกลทำสำเร็จ เปลี่ยนแปลงประเทศได้ พรรคเพื่อไทยก็ย่อมเสื่อมลงเป็นเบี้ยล่างของพรรคก้าวไกล แต่ถ้าพรรคก้าวไกลล้มเหลว ก็จะทำให้พรรคเพื่อไทยล้มเหลวด้วย

เมื่อพรรคเพื่อไทยอยู่แต่กระทรวงผลประโยชน์ ทำมาหากินอย่างเดียว แนวโน้มก้าวไกลอาจจะเลือกหักกับพรรคเพื่อไทย แล้วกลับไปเป็นฝ่ายค้านเพื่อกลับมาเป็นรัฐบาลเสียงเกินครึ่งในสมัยหน้า หากพรรคเพื่อไทยพลิกขั้วไปจับกับรัฐบาลเดิม ย่อมเสื่อมลงทันที หากจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จแล้ว เป็นการแบ่งโควตาเหมือนเดิม แบ่งผลประโยชน์เหมือนเดิม ไม่ปฏิรูปประเทศเพื่อประชาชน ก็เตรียมเสื่อมลงในการเลือกตั้งสมัยหน้าทันที

การมีนายกรัฐมนตรีคนกลางที่มาปฏิรูปประเทศรอบด้าน โดยการยอมรับจากทุกพรรคการเมือง ยกเว้นพรรคก้าวไกล นั่นคือทางออกอีกทางหนึ่ง หรือว่ารัฐประหาร หรือว่าปฏิวัติโดยใช้ประชาชนสีส้ม

“สุดท้ายนี้ ผมมีข้อเสนอถอดสลักระเบิดในวันข้างหน้าไม่ให้เกิดการนองเลือดในวันข้างหน้า

“พรรคก้าวไกลต้องยอมสละ ประกาศว่าจะไม่แตะมาตรา 112 จะไม่แตะต้องสถาบันพระมหากษัตริย์ และจะไม่ชักน้ำเข้าลึกชักศึกเข้าบ้าน เอาตะวันตกเข้ามา ตั้งฐานทัพในประเทศไทย ไม่ให้เกิดฐานทัพต่างชาติในประเทศไทย เดินหน้าปฏิรูปรัฐบาลรอบด้าน และรัฐบาลประกาศลงประชามติด้วยว่าเห็นด้วยกับการยกเลิกหรือแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 หรือไม่ อันนี้คือความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ” นายสนธิกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น