“สนธิ” เผยละเอียดยิบพฤติกรรม “แอม ไซยาไนด์” วางยาพิษสังหารเหยื่อ 16 ราย รอดมาได้เพียง 1 ซึ่งล้วนแต่เป็นคนรู้จัก เพื่อล้างหนี้-เอาทรัพย์สิน เชื่อไม่เกี่ยวข้องอาการทางจิตร แต่อาจมีคนอื่นรู้เห็น ทั้งนายตำรวจอดีตสามีและพี่สาวต่างมารดา ห่วงควบคุมไซยาไนด์หละหลวมปล่อยให้ซื้อขายออนไลน์ และช่องโหว่การผ่าพิสูจน์ศพ ญาติไม่ติดใจก็ไม่ผ่า ควรปรับแก้ให้ผ่าทุกกรณีที่ตายผิดธรรมชาติ
ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” วันศุกร์ที่ 5 พฤษภาคมที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ ได้กล่าวถึงคดีฆาตกรรมต่อเนื่องโดยนางสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือ "แอม" ตกเป็นผู้ต้องหาฆ่าเหยื่อด้วยการวาง“ยาพิษไซยาไนด์” เพื่อล้างหนี้และชิงทรัพย์ โดยพบว่าถึงตอนนี้มีผู้เสียชีวิตเยอะมาก 10 กว่าราย ที่ล้วนแล้วแต่มีลักษณะการตายคล้ายคลึงกัน และ ญาติต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ผู้เสียชีวิตทุกรายต่างรู้จักหรือมีความเชื่อมโยงกับ “แอม”
“แอม” โดนตำรวจจับกุมตัวไปตั้งแต่ วันอังคารที่ 25 เมษายน 2566 โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้สั่งการให้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.มนตรี เทศขันธ์ ผบก.ป.นำกำลังจับกุมนางสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือ แอม อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พร้อมของกลาง ขวดไซยาไนด์
การจับกุมนางสรารัตน์ หรือแอม เกิดขึ้นหลังจากที่ น.ส.ศิริพร ขันวงษ์ หรือ ก้อย อายุ 32 ปี ท้าวแชร์ ชาว จ.กาญจนบุรี เกิดวูบหมดสติเสียชีวิตเป็นปริศนาขณะเดินทางไปทำบุญปล่อยปลากับ “นางแอม” ที่ท่าน้ำแม่น้ำแม่กลอง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี แม้เบื้องต้น “นางแอม” จะไม่ยอมรับกับญาติ น.ส.ก้อยว่า อยู่กับ น.ส.ก้อยก่อนเสียชีวิต แต่สุดท้าย จนมุมด้วยหลักฐานจากกล้องวงจรปิดบริเวณท่าน้ำจุดเกิดเหตุ
ขณะที่สังคมและญาติ น.ส.ก้อย สงสัย นางแอม กระทั่งแม่ และพี่สาวของ น.ส.ก้อย เข้าร้องทุกข์ต่อตำรวจกองปราบ ให้ช่วยตรวจสอบความผิดปกติเกี่ยวกับสาเหตุการเสียชีวิตของ น.ส.ก้อย พร้อมเชื่อว่าน่าจะเป็นการฆาตกรรม โดยมี นางแอม ภรรยาของตำรวจระดับรอง ผกก. ใน จ.ราชบุรี เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายดังกล่าว ซึ่งต่อมา มีการตรวจสอบพบว่าในร่างกายของ น.ส.ก้อย มีสารไซยาไนด์
นอกจากนี้ตำรวจยังตรวจพบสารไซยาไนด์ที่รถของนางแอม บริเวณคอนโซลรถฝั่งคนขับ ไม่เท่านั้น จากการตรวจค้นบ้านพักนางแอม ก็พบสารไซยาไนด์เช่นกัน
ทั้งนี้ วันเดียวกันนั้น คือ วันที่ 25 เมษายน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ รอง ผบ.ตร. ได้เรียกตำรวจภูธรภาค 7 ตำรวจกองปราบและตำรวจท้องที่ให้ตรวจสอบหลักฐานทั้งหมด หาความเชื่อมโยงทางคดีและหาหลักฐานการกระทำผิด ปรากฏว่ามีผู้เสียหายเข้าร้องเรียนว่าถูก “นางแอม” ผู้ต้องหา ก่อเหตุฆาตกรรมในพื้นที่ จ.นครปฐม กาญจนบุรี และราชบุรี หลายราย โดยตำรวจได้เชิญญาติผู้เสียชีวิต 6 คดี มาสอบถามข้อมูล ขณะที่ “นางแอม” ซึ่งเป็นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ แต่ตำรวจมั่นใจในพยานหลักฐาน จนกระทั่งศาลอนุมัติหมายจับ
ส่วนสารไซยาไนด์ที่พบในบ้านผู้ต้องหา หลังจากตำรวจเชิญแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบ ก็พบแหล่งที่มาแล้วว่าสั่งมาจากที่ใด โดย “นางแอม” สั่งสารไซยาไนด์ผ่านช่องทางออนไลน์
หลังจาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนใน 5 พื้นเกิดเหตุ ทั้งกาญจนบุรี นครปฐม เพชรบุรี อุดรธานี และราชบุรี เข้ามารายงานข้อมูลแล้ว แนวทางสืบสวนพบว่า มีผู้เสียชีวิตนับสิบราย ที่ญาติสงสัยว่า เกี่ยวพันกับ “นางแอม” เพราะลักษณะการเสียชีวิตคล้ายกับ น.ส.ก้อย โดยผู้เสียชีวิตเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2563 ไล่เรียงมาถึงปัจจุบัน
และยังมีอีกรายหนึ่งที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2558 ซึ่งตำรวจสืบสวนก็จะต้องย้อนไปตรวจสอบเหตุตั้งแต่ปี 2558, 2559, 2560, 2561, 2562เป็นต้นมา แปลว่าอาจจะ มีเหยื่อฆาตกรรมต่อเนื่อง ที่ตกสำรวจอีกหลายรายปรากฏขึ้นก็เป็นได้
กรณีฆาตกรรมต่อเนื่องของ “แอม สรารัตน์” หรือ “แอม ไซยาไนด์” หญิงสาวชาวไทยอายุ 36 ปีที่ มีหลักฐานเชื่อมโยงเหยื่อหลายสิบราย นั้นเป็นเรื่องโด่งดังไม่เฉพาะในไทย แต่ถือเป็นกรณีระดับโลก และน่าจะเข้าข่ายกรณีฆาตกรรมต่อเนื่อง-ฆาตกรรมซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากที่สุดกรณีหนึ่งของโลก
ก่อนที่จะลงไปถึงรายละเอียดเหยื่อทั้งสิบกว่าคน เราทำทำความรู้จักประวัติย่อ ๆ ของ“แอม ไซยาไนด์” หรือ นางสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ กันก่อน
ย้อนประวัติ “แอม ไซยาไนด์”
“แอม” สรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ เกิดเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2530 ปัจจุบัน อายุ 36 ปี มีนามสกุลเดิม คือ “วังป่า” จบการศึกษา จากสถาบันราชภัฏนครปฐม คณะวิทยาการจัดการ สาขาวิชานิเทศศาสตร์ (ประชาสัมพันธ์) โดยเริ่มเข้าเรียนเมื่อปี 2548 และจบการศึกษาในปี 2552
เป็นอดีตภรรยาของ พ.ต.ท.วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ซึ่งตามรายงานจากหลายสื่อระบุว่าแอมอ้างว่าเธอคือผู้มีส่วนช่วยผลักดันสามี จากตำรวจชั้นผู้น้อยสู่ตำรวจยศใหญ่ และถึงแม้ พ.ต.ท.วิฑูรย์ จะบอกว่าได้หย่าขาดกับผู้ต้องหาวางยาไซยาไนด์ไปตั้งแต่ปี 2565 แต่เบื้องต้นในทางสืบสวนพบว่าเป็นการแยกทางทางนิตินัยเท่านัย แต่พฤตินัยยังอยู่กินเป็นสามีภรรยากันอยู่ โดยมีลูกด้วยกัน 2 คน
ทางสืบสวนเชื่อได้ว่า “แอม” ยังอาศัยอ้างการเป็นภรรยาของตำรวจ แฝงเข้าสู่วงการต่าง ๆ ทั้งชักชวนคนทำบุญ เล่นแชร์ เมื่อรู้ว่าเหยื่อมีสถานภาพทางการเงินอย่างไร ก็จะวางแผนหลอกล่อพาตัวไปก่อเหตุ
นอกจากนี้เมื่อมีคดีความ หรือปัญหาทางการเงินก็จะพาสามีที่เป็นตำรวจไปด้วย เพื่อข่มขวัญคู่กรณี
สรุปเหยื่อ “แอม ไซยาไนด์” 16 ราย
ณ ปัจจุบัน ตำรวจสรุปรายการเหยื่อไซยาไนด์ของ แอมเอาไว้ 16 รายเสียชีวิต 15 ราย รอดชีวิต 1 ราย ประกอบไปด้วย
1.นางมณฑาทิพย์ ขาวอินทร์ หรือ ทราย
ความเกี่ยวข้องเป็นเพื่อนสนิทกรณีนี้คาดว่าจะเป็นกรณีแรก โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2558 พบว่า “ทราย” เสียชีวิตที่ บ้านพัก แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม. โดยผู้ตายเป็นเพื่อนสนิทกับ นางแอม อาศัยอยู่กับแฟนที่ต่างประเทศ วันเกิดเหตุกลับไทยมาคนเดียวโดยโทรบอกแม่ว่า “นางแอม” จะไปรับที่สนามบิน ต่อมาถูกพบเสียชีวิตที่บ้านพัก ระบบหัวใจ หายใจล้มเหลว หลังเสียชีวิตมีทรัพย์สูญหายเป็นพระเลี่ยมทอง 1 องค์ สร้อยคอหนัก 3 บาท
ทั้งนี้ นางลัดดา แม่ของ “ทราย มณฑาทิพย์” ที่เสียชีวิตไปเมื่อปี 2558 เห็นข่าวของ “นางแอม” ทำให้ฉุกคิดขึ้นมาได้ เนื่องจาก แอมเคยสนิทกับทรายมาก่อน โดยแม่เปิดเผยว่า ลูกสาวตนไปใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงเทพมหานคร มีความสนิทสนมกับแอม ชอบทำบุญซึ่งก็จะมีแอมไปด้วย โดยตลอดระยะเวลาที่คบหาเป็นเพื่อนกัน ลูกสาวตนคอยช่วยเหลือแอมในทุกๆ เรื่อง โดยเฉพาะเรื่องเงิน หากแอมเดือดร้อนก็จะยื่นมือเข้าไปช่วย ซึ่งแอมเองก็มักจะยืมเงินลูกตนตลอดเวลา ครั้งละประมาณ 50,000 บาทขึ้นไป แต่ก็ไม่เคยที่จะใช้คืนแม้แต่ครั้งเดียว
ล่าสุดลูกสาวเดินทางกลับมายังประเทศไทย “นางแอม” ก็ได้อาสาไปรับมาจากสนามบิน จากนั้นก็เสียชีวิต ซึ่งตั้งแต่เสียชีวิตจนกระทั่งฌาปนกิจ “นางแอม” ไม่เคยมาร่วมงานบำเพ็ญกุศลหรือเข้ามาแสดงความเสียใจเลย หลังจากฌาปนกิจศพแล้วตนเคยโทรศัพท์ไปหา “นางแอม” ถามเรื่องทรัพย์สินของทราย แต่ “นางแอม” พูดไม่ดี อ้างว่าสามีของลูกสาวตนให้นำไปประมูลขาย แล้วตัดสายทิ้งไป
2.นิตยา แก้วบุปผา (นิด)
อายุ 36 ปี อาชีพโฟร์แมนคุมงานก่อสร้าง(ความเกี่ยวข้องเป็นคนรู้จัก)
เสียชีวิตเมื่อ วันที่ 22 สิงหาคม 2563(ห่างจากกรณี ทราย มณฑาทิพย์ ราว 5 ปี)โดยผู้ตายรู้จักกับ “นางแอม” โดย “นางแอม” มักจะมาหาที่ไซต์งานเป็นประจำ
เหยื่อรายนี้พบศพที่หอพักแห่งหนึ่งในจังหวัด นครปฐม จากการชันสูตรชี้ว่าระบบไหลเวียนโลหิตและการหายใจล้มเหลว ผู้ตายรู้จักสนิทสนมกับแอม ร่วมกู้ยืมเงิน ค้ำประกันเงินกู้ ร่วมเล่นแชร์ และมีการนำรถไปจำนำได้เงินมาจำนวน 150,000 บาท ผู้ตายได้ออกไปทานข้าวกับแอม ก่อนเสียชีวิต
เชื่อว่ามูลเหตุมาจาการกู้ยืมเงิน และ ล้างหนี้สินระหว่างแอมกับผู้ตาย หรือ ประสงค์ต่อทรัพย์
3.นางสาวสาวิตรี บุตรศรีรักษ์ (หนิม)
อายุขณะเสียชีวิต 41 ปี ภรรยาตำรวจ ตม.กาฬสินธุ์(ความเกี่ยวข้องเป็นผู้ร่วมเล่นแชร์)เมื่อ วันที่ 25 พฤศจิกายน 2563 พบเสียชีวิตภายในบ้านพักที่ จ.มุกดาหาร
เสียชีวิตขณะที่อยู่กับลูกคนแรกอายุ 3 ปี และ คนที่สอง อายุ 1 เดือน สภาพภายนอกไม่พบร่องรอยบาดแผล ริมฝีปากเขียวคล้ำ เล็บเขียว อุจจาระราด เพื่อนบ้านนำส่งโรงพยาบาล และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ญาติ แต่สามีไม่ติดใจ จึงไม่มีการผ่าพิสูจน์
ทางการสืบสวนสามีให้การว่า ผู้ตายรู้จักกับ แอม ตั้งแต่ ปี 2560 มีการติดต่อกันในเรื่องค้าขายออนไลน์ ลงทุนแชร์น้ำมันพืช และ นางแอมได้ยืมเงินจำนวนหลายแสนบาทจากผู้ตายเมื่อผู้ตายทวงถาม แอมได้ส่งยาลดความอ้วนให้ผู้ตายใน วันที่ 23 พฤศจิกายน 2563 และผู้ตายได้เสียชีวิตในอีก 2 วันต่อมา
4.นางสาวดารณี เทพทวี (ฟ้า)
อายุขณะเสียชีวิต 34 ปี(ความเกี่ยวข้องเป็นผู้ร่วมเล่นแชร์)
เมื่อ วันที่ 13 ธันวาคม 2563 ภรรยานายตำรวจรายนี้ออกไปกินข้าวที่ตลาดสามพรานกับ “นางแอม” ที่มารับถึงบ้าน หลังจากกินข้าวได้ 20 นาทีก็มีอาการแน่นหน้าอก “นางแอม” จึงพากลับมาส่งที่บ้านพัก และเสียชีวิต
จากการสืบสวนทราบว่าผู้ตายได้ให้แอมกู้ยืมเงินจำนวน 50,000 บาท และแม่ผู้ตายอีก 10,000 บาท และลงทุนแชร์ด้วยกันแต่โดนโกง มีการฟ้องร้องกันภายหลังผู้ตายชนะคดี จึงน่าจะเป็นมูลเหตุให้ “นางแอม” ฆ่าเพื่อล้างหนี้
5.นายสุรัตน์ พรทับ (บี)
อายุขณะเสียชีวิต 35 ปี(ความเกี่ยวข้องเป็นเพื่อนสมัยเรียน)
เหตุเกิดเมื่อ วันที่ 6 มีนาคม 2564 พบศพผู้เสียชีวิตที่ ร้านกาแฟ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ท้องที่ สภ.บ้านโป่ง จว.ราชบุรี โดย แพทย์ลงความเห็นว่าเส้นเลือดหัวใจตีบ
จากการสืบสวนทราบว่าผู้ตายเป็นเพื่อนกับแอมตั้งแต่สมัยเรียน ต่อมาให้แอมยืมเงินจำนวน 60,000 บาท(พบหลักฐานการโอนเงิน) รวมถึงมีการร่วมเล่นแชร์ด้วยกัน จึงเชื่อว่าเป็นสาเหตุที่แอมฆ่าเพื่อล้างหนี้
6.ร.ต.อ.หญิง กานดา โตไร่ (นุ้ย)
รอง สวป.สภ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี อายุขณะเสียชีวิต 36 ปี(ความเกี่ยวข้องเป็นผู้ร่วมเล่นแชร์)
เสียชีวิตเมื่อ วันที่ 9 สิงหาคม 2565 พบศพที่ บริเวณหน้าห้างโกลบอลเฮาส์ จ.นครปฐม โดยพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครปฐม ได้รับแจ้งพบรถยนต์ชนเกาะกลางถนน ภายในรถพบศพ ร.ต.อ.หญิง กานดาฯ แพทย์ชันสูตรลงความเห็นหัวใจล้มเหลว
จากการสืบสวนทราบว่าผู้ตายร่วมเล่นแชร์กับแอม และพ่อผู้ตายให้การว่า ผู้ตายโทรมาบอกว่าจะออกไปซื้อทองกับแอมก่อนขับรถกลับและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
7.นางรสจรินทร์ นิลน้อย (เจ๊น้อยผัก)
อายุขณะเสียชีวิต 39 ปี(ความเกี่ยวข้องเป็นผู้ร่วมเล่นแชร์)
เสียชีวิตเมื่อ วันที่ 10 สิงหาคม 2565 สภาพศพ นางรสจรินทร์ฯ ใบรับรองแพทย์ รพ.สมุทรสาคร แจ้งว่า เลือดเป็นกรด
เหตุเกิดที่ ตลาดสดมหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร โดยวันนั้น “นางแอม” ขับรถมารับผู้ตายออกไปราว 1 ชั่วโมง แล้วกลับมาส่งที่ตลาดสดมหาชัย โดยผู้ตายมีของกินติดมือลงมาด้วย หลังรับประทานมีอาการชักเกร็งเป็นลม
ก่อนเกิดเหตุ นางรสจรินทร์ฯ ผู้ตาย เป็นผู้ร่วมเล่นแชร์ กับนางแอม มีการส่งค่าแชร์ 1
งวดและก่อนเกิดเหตุ 1 วัน คือ วันที่ 9 สิงหาคม 2565 แอม ได้ยืมเงิน นางรสจรินทร์ ผู้ตาย จำนวน 60,000 บาท
8.นางจันทรรัตน์ วงศ์ไกรสิน (จุ๋ม)
อายุขณะเสียชีวิต 43 ปี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2565 เสียชีวิตที่ รพ.ชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี สภาพศพ รพ.ชะอำ แจ้งว่า มีภาวะหัวใจล้มเหลว(มีความเกี่ยวข้องเป็นผู้ร่วมปล่อยกู้, ให้ยืมเงิน)
โดยวันเกิดเหตุ ผู้ตายออกไปพบ “นางแอม” ที่ปั้มน้ำมันใกล้บ้าน แล้วกลับมาบ้านในวันเดียวกัน จากนั้นสามีกลับบ้านมาพบผู้ตายนอนนิ่งจึงนำส่งโรงพยาบาล
โดย นางจันทรรัตน์ ผู้ตาย ได้ร่วมกับ แอม ปล่อยเงินกู้โดยโอนให้ แอม 70,000 บาท และให้ แอม ยืมเงินอีกต่างหาก 26,800 บาท
9.นางมณีรัตน์ พจนารถ (ครูต่าย)
อายุขณะเสียชีวิต 52 ปี(มีความเกี่ยวข้องเป็น เพื่อน และให้ยืมเงิน)
เหตุเกิดเมื่อ วันที่ 10 กันยายน 2565 พบครูต่ายเสียชีวิตที่ ตลาดบน ต.พระปฐมเจดีย์ จ.นครปฐม
ทั้งนี้ นางมณีรัตน์ หรือ ครูต่าย โดยผู้ตาย รู้จักกับ “นางแอม” มาได้ประมาณ 4 ปี ซึ่ง “นางแอม” ซึ่งครูต่ายใช้ชื่อในไลน์เรียกขานว่า“แอม น้องหนุ่มโพธาราม” ยืมเงินครูต่ายมาทำธุรกิจ จำนวน 278,000 บาท มีหลักฐานจากสลิปการโอนเงินที่ได้จากโทรศัพท์ครูต่าย
จากการสอบสวนทราบว่าวันเกิดเหตุ ครูต่ายขับรถจักรยานยนต์ไปพบกับ “นางแอม” ขากลับมี อาการหน้ามืด จึงแวะร้านค้าที่ตลาดบน พยานซึ่งเป็นแม่ค้าเล่าว่า “ครูต่าย” มาขอนั่งที่ร้านแจ้งว่าหายใจไม่ออก สักพักหนึ่งมีอาการเกร็ง น้ำลายฟูมปาก มีคนมาช่วยปฐมพยาบาล และนำส่งโรงพยาบาล ก่อนเสียชีวิต
คดีนี้ มีหลักฐานการแชทนัดพบกันทางไลน์ ก่อนเสียชีวิต มีหลักฐานการโอนเงินเพื่อว่าเจตนาฆ่าเพื่อล้างหนี้สิน
10.น.ส.กะณิกา ตุลาเดชารักษ์ (เอ๊ะ)
อายุขณะเสียชีวิต 45 ปี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2565(เกี่ยวข้องโดยเป็นเพื่อนกันผ่านทางช่องทางโซเชียล)
เสียชีวิตเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2565 เวลา 02.30 น. โดยพบว่าเสียชีวิตใน ปั๊มน้ำมัน ปตท.โพธาราม จ.ราชบุรี รายงานการตรวจศพ รพ.โพธาราม แจ้งว่า มีภาวะเลือดออกในสมอง โดย น.ส.กะณิกาฯ ผู้ตาย รู้จักกับนางแอม ผ่านช่องทางโซเชียลฯ
ก่อนเกิดเหตุ 1 วัน คือ วันที่ 11 กันยายน 2565 น.ส.กะณิกาฯ ผู้ตาย ได้ไปพบ “นางแอม” โดยพา “นางแอม”) ไปไถ่ถอนทองคำมูลค่ากว่า 210,000 บาท โดยปรากฏพบกล้องวงจรปิด ที่ร้านทอง พบว่า น.ส.กะณิกาฯ ผู้ตายได้นำเงินสด มาให้นางแอม ไปไถ่ถอนทองคำ เมื่อไถ่ถอนทองคำได้แล้ว “นางแอม” ก็ส่งทองคำให้กับ น.ส.กะณิกาฯ ผู้ตาย
โดยมีหลักฐานมัดแน่น เป็นภาพจากกล้องวงจรปิดภายในร้านทองห้างทองอันดับ 1 เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2565 เวลา 08.44 น. ขณะที่นางสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ และ น.ส.กะณิกา ตุลาเดชารักษ์ (ผู้เสียชีวิต) เดินเข้ามาภายในร้านทอง ซึ่ง น.ส.กะณิกา หยิบเงินออกจากกระเป๋าให้แก่นางสรารัตน์
รวมทั้ง ภาพขณะที่นางสรารัตน์ ตรวจสอบสร้อยทองกับพนักงานและนำทองที่ได้จากการไถ่ถอนไปให้กับ น.ส.กะณิกา
ภาพขณะที่นางสรารัตน์ และ น.ส.กะณิกา เดินเข้ามาภายในร้านทอง ซึ่ งน.ส.กะณิกา หยิบเงินออกจากกระเป๋าให้แก่นางสรารัตน์ฯ
ภาพขณะที่นางสรารัตน์ นำทองที่ได้จากการไถ่ถอนไปให้กับ น.ส.กะณิกา โดยใส่ไว้ในกระเป๋าที่ น.ส.กะณิกาฯ นำติดตัวมาด้วยและเดินออกจากร้าน
ต่อมา ในวันเกิดเหตุ วันที่ 12 กันยายน 2565 น.ส.กะณิกา ผู้ตาย ได้ไปพบ “นางแอม” ที่ ปั๊มน้ำมัน ปตท.โพธาราม ที่เกิดเหตุ มีพยานพบเหตุทั้งสองคนบริเวณปั๊ม จากนั้น น.ส.กะณิกา ได้มานอนหมดสติ ที่หน้าร้านกาแฟ ของปั๊ม โดยที่ นางแอมไม่นำ น.ส.กะณิกาส่งโรงพยาบาล และนางแอมได้ยกเลิกข้อความที่คุยกับ น.ส.กะณิกา ส่วนทองคำที่ไถ่ถอนมาก็หายไปด้วย
คดีนี้ ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจยึดโทรศัพท์ยี่ห้อ Huawei รุ่น P10 Plus ของ ผู้ตายที่หายไปในวันที่เสียชีวิต ได้ภายในรถของ นางแอม ในวันที่ถูกจับกุม ภายในโทรศัพท์มีภาพสร้อยคอทองคำ ซึ่งถ่ายไว้เมื่อวันที่ 11 ก.ย.65 เวลา 08.58 น.
11.น.ส.ผุสดี สามบุญมี (ครูอ๊อด)
อายุขณะเสียชีวิต 45 ปี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2565(ความเกี่ยวข้องเป็นผู้ร่วมเล่นแชร์)
พบเสียชีวิตที่บ้านใน จ.นครปฐม หนังสือรับรองการตาย ระบุ สาเหตุการตายว่า ระบบไหลเวียนโลหิตและระบบหายใจล้มเหลว มะเร็งเม็ดเลือด
“ครูอ๊อด” ผู้ตาย รู้จักกับ นางแอม ทั้งยังได้ร่วมเล่นแชร์และทำธุรกิจหวย กู้เงิน รับจำนำรถด้วยกัน ต่อมาก่อน “ครูอ๊อด” เสียชีวิต 1 วัน คือ วันที่ 19 พฤศจิกายน 2565 เวลา ประมาณ 18.00-19.00 น. “ครูอ๊อด” ได้ออกไปพบกับ “นางแอม” โดย นัดกันที่บริเวณตัวเมืองนครปฐม และกลับมาเจอญาติประมาณ 20.00 น. ซึ่ง “ครูอ๊อด”ได้เล่าว่าไปพบ “นางแอม” มา
พอกลับเข้าบ้านนอนพักผ่อน เช้าวันที่ 20 พฤศจิกายน 2565 เวลา 05.30 น. ญาติได้มาพบว่า “ครูอ๊อด” นอนเสียชีวิตที่ห้องพักแล้ว
ญาติเล่าว่า นางแอมมักพาครูอ๊อดไปทำบุญและดูดวงเป็นประจำ นอกจากนี้ยัง ชักชวนไปลงทุนขายยาสมุนไพรรักษาโควิด ก่อนเสียชีวิต ครูอ๊อดกำลังอยู่ในช่วงรักษามะเร็งเม็ดเลือดขาว หลังจาก “ครูอ๊อด” เสียชีวิต นางแอมกับสามีก็มางานศพ และอ้างว่า “ครูอ๊อด” ติดเงินตัวเองจำนวนหลายแสนบาทและพยายามทวงเงินจากครอบครัว “ครูอ๊อด”
ครอบครัว “ครูอ๊อด” เห็นผิดปกติ และท่าทางของแอมดูมีพิรุธ รวมถึงสภาพการเสียชีวิตของ “ครูอ๊อด” ด้วย จึงเก็บตัวอย่างในตู้เย็น ขวดน้ำสมุนไพร ที่ “ครูอ๊อด” เคยบอกญาติว่าได้มาจากแอม ไว้ในตู้เย็นมาตลอดปีครึ่ง จนกระทั่ง “นางแอม” กลายเป็นข่าวใหญ่ ตำรวจจึงมาเก็บตัวอย่างในตู้เย็นไปตรวจ และเจอสารพิษไซยาไนด์ในที่สุด
12.นายสุทธิศักดิ์ พูนขวัญ (แด้)
อายุขณะเสียชีวิต 35 ปี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2566 พบเสียชีวิตที่ หอพัก จ.อุดรธานี(ความเกี่ยวข้องเป็นแฟนใหม่)
นายสุทธิศักดิ์ฯ ผู้ตาย เป็นสามีใหม่ของ นางแอม ได้ทำธุรกิจปล่อยเงินกู้ ในพื้นที่ จ.อุดรธานีต่อมาก่อนเกิดเหตุ 1 วัน คือ วันที่ 11 มีนาคม 2566 “นางแอม” ได้เดินทางโดยเครื่องบินพาณิชย์ จากกรุงเทพฯ มาที่ จ.อุดรธานี และมาพักกับ นายสุทธิศักดิ์ฯ ผู้ตาย ที่หอพัก
ต่อมาใน วันที่ 12 มีนาคม 2566 ซึ่งเป็นวันเกิดของนางแอม นายสุทธิศักดิ์ ผู้ตาย และนางแอม ได้พากันเดินทางไปทำบุญ ที่วัดใน อ.หนองหาน จ.อุดรธานี
ระหว่างไป นายสุทธิศักดิ์ ผู้ตาย จอดพักที่ปั๊มน้ำมันโคกสูง เพราะมีอาการวิงเวียนศีรษะ อาเจียน วูบหมดสติ ต่อมาพยานที่เป็นพนักงานล้างห้องน้ำที่มาช่วย ให้การว่าแด้ ผู้ตาย พูดว่าอาเจียนตั้งแต่กินยาริดสีดวงที่แอมให้ แต่พอไปโรงพยาบาล “นางแอม” บอกไม่ต้องแอดมิท ให้กลับห้องพักที่อยู่ชั้นสอง ตอนนั้นแด้อาการดีขึ้น เดินขึ้นห้องพักเองได้ โดยขึ้นไปกับ “นางแอม”ซึ่งตำรวจเชื่อว่าน่าจะมีการเติมไซยาไนด์ให้ผู้ตายตอนนี้ เพราะ “นางแอม” ให้การว่า จังหวะลงมาซักผ้า พอกลับขึ้นไป “นายแด้” ก็เสียชีวิตแล้ว
แต่หลังจากนั้น สืบสวนพบว่า “นางแอม” กลับมาราชบุรีและนครปฐม แล้วกลับไปพร้อมสามีที่เป็นตำรวจเพื่อไปขนทรัพย์ “นายแด้” เอารถไปสวมทะเบียนขาย และไล่ทวงหนี้ตามบ้านคนที่แด้ปล่อยเงินกู้ แสดงว่าสามีตำรวจน่าจะโดนข้อหาสมรู้ร่วมคิด
13.พ.ต.ต.หญิง นิภา แสนจันทร์ (สว.ปู)
อายุขณะเสียชีวิต 38 ปี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2566 พบเสียชีวิตที่ บริเวณลานองค์พระปฐมเจดีย์ จ.นครปฐม(มีความเกี่ยวพันทางการเงิน)
ผลชันสูตร ระบุว่า ระบบไหลเวียนโลหิตและการหายใจล้มเหลว และผลการส่งชิ้นเนื้อไปตรวจที่ รพ.รามาธิบดี พบสารไซยาไนด์
พ.ต.ต.หญิง นิภา ผู้ตาย และ “นางแอม” รู้จักกันมาก่อน ต่อมาใน วันที่ 27 มีนาคม 2566 “นางแอม” ได้ไปพบ พ.ต.ต.หญิง นิภาฯ ผู้ตาย ที่บ้านนครปฐม พ.ต.ต.หญิง นิภา คุยส่วนตัวกับแอม โดยให้แม่ตัวเองที่อยู่บ้านเข้าไปในห้อง และไม่ได้บอกว่าคุยอะไรกัน หลังจากนั้น ใน วันที่ 27-31 มีนาคม 2566 “นางแอม” มีการติดต่อมาหา พ.ต.ต.หญิง นิภา โดยตลอดอีกทั้ง ในวันที่ 31 มีนาคม 2566 พ.ต.ต.หญิง นิภา ไปเบิกเงินสดจาก สมุดธนาคารออมสินมา 110,000 บาท
จากนั้น ในช่วงเช้าวันที่ 1 เมษายน 2565 พ.ต.ต.หญิง นิภา ออกไปพบ “นางแอม” และ โทรกลับมาบอกแม่ว่าจะซื้อข้าวมันไก่ที่องค์พระมาฝาก ต่อจากนั้น พ.ต.ต.หญิง นิภา ขับรถวนมาด้านหน้าพระร่วง ลงไปซื้อตอกไม้ จะมาไหว้แต่ไม่ทันได้ไหว้ ก็อาเจียน ซัก เกร็ง แล้วหมดสติไป ในส่วนเงินสด 110,000 บาท กับเงินที่มีติดตัว 10,000 บาทนั้นหายไป ค้นที่บ้าน รถก็ไม่พบ
14.น.ส.ศิริพร ขันวงษ์ (ก้อย)
อายุขณะเสียชีวิต 32 ปี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 14 เมษายน 2566 พบเสียชีวิตที่ ริมน้ำบ้านโป่ง จ.ราชบุรี(ความเกี่ยวข้องเป็นเพื่อน และผู้ร่วมเล่นแชร์)โดยคดีนี้เป็นคดีที่จุดชนวนให้ “นางแอม” ถูกจับ
“ก้อย” รู้จักและร่วมเล่นแชร์ กับ “นางแอม” ในวันเกิดเหตุได้ไปพบกันและไปปล่อยปลา แต่เมื่อ น.ส.ศิริพรฯ ผู้ตาย ล้มลงหมดสติ กล้องวงจรปิดจับภาพแอมที่มีพิรุธทั้งยังไม่ให้การช่วยเหลือ
ผลการตรววจชันสูตรสาเหตุการเสียชีวิตแจ้งว่า "ระบบหายใจหัวใจล้มเหลว" ซึ่งญาติติดใจสาเหตุการเสียชีวิต เนื่องจาก น.ส.ศิริพร มีสุขภาพร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง และมีความสงสัยเพื่อน คือ นางสรารัตน์หรือแอม ที่เดินทางไปด้วยกันเพียงสองคนในวันที่เกิดเหตุ และขณะเกิดเหตุ แอม เร่งรีบเดินทางออกไปจากจุดเกิดเหตุไม่รอช่วยเหลือ ญาติผู้เสียชีวิตจึงมาร้องทุกข์ ต่อ บก.ป. ผลการตรวจ ชันสูตรพบไซยาไนด์ ในเลือด
15.นายชายน้อย แจ่มจำรัส
สาเหตุการเสียชีวิตติดเชื้อในช่องท้องกับหลอดเลือดตีบ เหตุเกิดเมื่อปี 2566 ในท้องที่ สน.บางขุนนนท์ กองบัญชาการตำรวจนครบาล บก.น.7 โดยกรณีนี้เจ้าหน้าที่ กำลังทำการสืบสวนขยายผล
ขณะที่เหยื่อที่รอดชีวิตที่มีการเปิดเผยกันในขณะนี้คือ นางกานติมา แพสอาด (ปลา) อายุ 37 ปี(มีความเกี่ยวข้องเป็นผู้ร่วมเล่นแชร์) เป็นเหยื่อที่รอดชีวิต
โดย “ปลา กานติมา” รู้จักกับ “นางแอม” เพราะเล่นแชร์ โดยแอมมาขอยืมเงินรวมๆ 250,000 บาท และได้เล่นแชร์กับ “นางแอม” เพียงงวดเดียว ต่อมา วันที่ 23 กันยายน 2565 นัดเจอกับแอมที่ห้างโรบินสัน กาญจนบุรี และได้รับแคปซูลยาจากแอม บอกว่าเป็นยาแก้ไอ พอกินไปมีอาการแน่นหน้าอก แต่รถพยาบาล มารับตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลได้ทัน
ล่าสุด วันที่ 2 พฤษภาคม 2566 ศาลจังหวัดอุดรธานี (กรณี “นายแด้”) ได้อนุมัติหมายจับนางสรารัตน์ ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนรวม 12 คดี และน่าจะมีเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ
เงื่อนปม และ ผลกระทบจากคดี “แอม ไซยาไนด์”
นายสนธิ กล่าวว่า กรณีของ “แอม ไซยาไนด์” ตนได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้หลายคนก็ตั้งข้อสังเกต และ รู้สึกกังวลเบื้องต้นเกี่ยวกับ ผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นดังนี้ คือ
ประเด็นแรก -ประเด็นเรื่อง“อาการทางจิต”ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่คิดว่าเข้าข่าย เพราะทุกกรณี สามารถเชื่อมโยงไปได้เกี่ยวกับทรัพย์สิน และผลประโยชน์ เช่น วงแชร์, หวยใต้ดิน, เงินกู้, จำนำรถ ฯลฯ โดยไม่เป็นการฆ่าล้างหนี้ที่ยืมมาจากคนตาย หรือ ไม่ก็ฆ่าหวังเอาทรัพย์สิน
ประเด็นที่ 2 นอกจากน่าจะไม่เกี่ยวข้อง กับอาการทางจิตแล้ว คดีนี้น่าจะมีผู้สมรู้ร่วมคิดด้วย เบื้องต้นคือ
หนึ่ง อดีตสามี “แอม” ที่เป็นตำรวจ คือ พ.ต.ท.วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ รองผกก.สส.สภ.บ้านโป่ง(ซึ่งปัจจุบัน ถูกย้ายให้ไปปฎิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดราชบุรี)แต่มีการจดทะเบียนหย่ากันเมื่อต้นปี 2566 ในทางนิตินัย ทว่า ทางพฤตินัยทั้งคู่ยังคบหาสมาคมกันฉันสามีภรรยา โดยหลักฐานสำคัญที่มัดตัวก็คือ จากกรณี “นายแด้” นายสุทธิศักดิ์ พูนวงส์ อายุ 35 ปี ชาว อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ที่มาประกอบธุรกิจ ปล่อยเงินกู้ที่ จ.อุดรธานี และเสียชีวิตไปเมื่อ วันที่ 12 มีนาคม 2566
ทั้งนี้ หลังจากอ้างว่าเลิกรากับ พ.ต.ท.วิฑูรย์แล้ว แอมก็ไปได้ “แด้” เป็นสามีใหม่ซึ่งเพิ่งออกจากคุก โดยช่วงแรก “แด้ สุทธิศักดิ์” ประกอบธุรกิจ ปล่อยเงินกู้ในแถบ จ.ราชบุรี เพชรบุรี แต่ไม่มีลูกค้ามาก ต่อมาช่วงต้นปี 2566 แด้จึงเลยไปทำปล่อยเงินกู้ที่อุดรฯ กับ นายกอล์ฟ ลูกน้องที่เคยทำงานอยู่กับแอม
ต่อมา “แอม” ได้แจ้งว่าท้อง แล้วบอกใครๆ ว่าเชื่อว่าลูกแด้ แต่จากที่สอบปากคำสามีที่เป็นตำรวจ เขาเชื่อว่าเป็นลูกเขา เพราะ 3 เดือนที่ผ่านมาก่อนเกิดเหตุแอมไม่เคยไปหา “แด้ สุทธิศักดิ์” ที่อุดร ส่วนสามีตำรวจที่หย่าทางนิตินัยเฉย ๆ แต่คบยังกัน
ที่น่าสงสัยใน คดีการเสียชีวิตของ “แด้ สุทธิศักดิ์” แอมพยายามโทรสอบถาม นายกอล์ฟตลอดว่าแด้มีผู้หญิงใหม่หรือไม่ เพราะเงินให้มาน้อยลง แล้วบอกว่า “ต้องจัดการ” จากนั้น “แอม” จึงเดินทางขึ้นมาที่ จ.อุดรธานีในวันที่ 11 มีนาคม 2566 วันถัดมา 12 มีนาคม 2566 ซึ่งเป็นวันเกิดแอม ทั้งหมดได้เดินทางไปทำบุญที่คำชะโนด
แต่พอมาถึงปั๊มน้ำมัน ปตท.หนองสะหาย อ.หนองหาน จ.อุดรธานี “นายแด้” เกิดเป็นลมล้มฟุบที่ห้องน้ำ พนักงานล้างห้องน้ำที่มาช่วย ให้การว่าแด้พูดว่าอาเจียนเนื่องจาก รับประทาน “ยาริดสีดวง” ที่แอมให้ แต่พอไปถึงโรงพยาบาล แม้ว่าแพทย์จะพยายามบอกว่าให้นอนรอดูอาการที่โรงพยาบาลก่อน แต่แอมกลับปฏิเสธ โดยบอกว่าไม่ต้องแอดมิท กลับห้องพักชั้นสอง อาการดีขึ้น “แด้” ก็เดินขึ้นห้องพักเอง ไปกับแอม แต่ผ่านไปสักพัก “แอม” บอกลงมาซักผ้า กลับขึ้นไป “นายแด้” ก็ตายแล้วด้วยอาการเลือดออกปาก
หลังจาก “นายแด้” เสียชีวิต “แอม สรารัตน์” ได้เดินทางกลับมายังที่ จ.ราชบุรีและนครปฐม แต่แล้วกลับไปพร้อม อดีตสามีที่เป็นตำรวจ คือ พ.ต.ท.วิฑูรย์ เพื่อไปขนทรัพย์สินของนายแด้ พร้อมทั้งเอารถไปสวมทะเบียนขาย และทวงหนี้ตามบ้านคนที่ “นายแด้”ปล่อยเงินกู้
นี่เองที่เป็นหลักฐานที่น่าจะบ่งชี้ได้ว่าสามีที่เป็นตำรวจน่าจะสมรู้ร่วมคิดกับ “แอม สรารัตน์” ด้วย
สอง จากข้อมูลแล้ว “พี่สาวแอม” ที่เป็นอดีตพยาบาล มา 10 ปี อาจจะมีความเกี่ยวข้องด้วย แม้ “แอม” จะให้ปากคำโดยอ้างว่า พี่สาวไม่ถูกกัน เพราะเป็นพี่น้องคนละแม่ แต่กลับมีการติดต่อสื่อสารโทรศัพท์ติดต่อกันตลอด
นอกจากนี้ ที่บ้านของพี่สาวยังยาต้านพิษไซยาไนด์ที่ปกติก็ไม่น่ามีไว้ คนใช้ต้องใช้เป็นเพราะต้องละลายน้ำฉีดเข้าหลอดเลือดดำ ซึ่งคนปกติไม่น่าจะสามารถทำได้เอง น่าจะต้องเป็นบุคลากรทางการแพทย์เท่านั้น ที่สามารถดำเนินการฉีดยาต้านพิษไซยาไนด์เข้าร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ
ประเด็นที่ 3 การใช้สารพิษไซยาไนด์ (Cyanide) สารเคมีอันตรายที่ออกฤทธิ์ได้อย่างรวดเร็ว เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะทำให้เซลล์ใช้ออกซิเจนไม่ได้(ยับยั้งการหายใจระดับเซลล์) จนอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต ไซยาไนด์เป็นสารเคมีที่มักนำมาใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตกระดาษ สิ่งทอ และพลาสติก ทอง จิลเวลรี่ การทำขั้วโลหะ สามารถปนเปื้อนได้ทั้งในอากาศ ดิน น้ำ และอาหาร
ทั้งนี้ “แอม สรารัตน์” มีความรู้ ความสามารถในการกำหนดปริมาณการใช้ไซยาไนด์กับเหยื่อว่าจะให้ตายในเวลาไหน เช่น เหยื่อบางคนอยากให้กลับไปตายที่บ้าน ยกตัวอย่างกรณี น.ส.นิตยา แก้วบุบผา ซึ่งเสียชีวิตใน หอพักใน ต.โพรงมะเดื่อ อ.เมือง จ.นครปฐม เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2565 หลังจากกลับจากการรับประทานอาหารกับ “แอม” เหยื่อบางคนก็ให้ตายข้ามวัน เหยื่อบางคนตายในที่เกิดเหตุอย่างกรณีของก้อย ซึ่งตายที่ท่าน้ำตอนปล่อยปลา หรือ กรณีของนายแด้
โดยคดีก้อยคาดว่า “แอม” อาจจะไม่ตั้งใจให้ตายที่ท่าน้ำทันทีเลย แต่อาจด้วยปัจจัยทางด้านสุขภาพร่างกายของก้อย ทำให้เกิดอาการแบบปัจจุบันทันด่วน เจ้าตัวจึงรีบหนี และเรื่องจึงแดงขึ้นมา
เหยื่อบางคน อาจจะคาดว่าทำให้เกิดอุบัติเหตุ อย่างกรณีราย ร้อยตำรวจเอกหญิง กานดา โตไร่ สวป.สภ.ไทรโยค ซึ่งเสียชีวิตระหว่างขับรถกลับบ้าน เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2565 ก็กลายเป็นอุบัติเหตุไป
ประเด็นที่ 4 ซึ่งเกี่ยวโยงกับการหาและสั่งซื้อยาพิษไซยาไนด์ ซึ่งปัจจุบันมีความหละหลวมในการควบคุมเนื่องจากสามารถดำเนินการผ่านร้านค้าออนไลน์ ทั้งที่เป็นสารพิษร้ายแรง และทำให้หาต้นตอได้ยาก
ประเด็นที่ 5 ประเด็นช่องโหว่ของการชันสูตรมี คือ เดิมทีพอมีคนตาย มี 2 กระบวนการ ก็คือหนึ่งชันสูตรที่เกิดเหตุ กับสองญาติติดใจ ขอให้ผ่าพิสูจน์ทีหลัง แต่ถ้าไม่มีเหตุ หมอจะผ่าดูทั่วไปเฉยๆ ไม่ไปถึงเรื่องพิษ
แต่ความจริงแล้วเมื่อตายผิดธรรมชาติควรต้องชันสูตรทั้งหมด ซึ่งต้องมีการแก้ไขว่า การตายธรรมชาติคือต้องนอนป่วยในโรงพยาบาลเท่านั้น ไม่ใช่หัวใจวายตอนอายุน้อย อันนี้ก็ถือว่าผิดปกติต้องชันสูตร
นอกจากนี้ ด้วยสภาพสังคมของไทยก็ยังทำให้เกิดอีกช่องโหว่ คือ เวลาคนไปทำงาน ต่างจังหวัด ต่างพื้นที่ ญาติพี่น้องอาจจะไม่รู้ว่าคนตายรู้จักกับแอมไหม พออยู่ ๆ ตายก็อาจจะนึกว่าหัวใจวายตาย เลยไม่ได้ติดใจแพทย์ทำการชันสูตรศพ
“ท่านผู้ชมครับรายการของ "แอม"ฆาตกรอำมหิตโหดเหี้ยมเป็นรายการเดียวที่ผมเอารายละเอียดทุกอย่างมาลงให้ท่านผู้ชมทราบจากการค้นคว้าของทีมงานผมและการตรวจสอบข้อมูลต่างๆกับคนที่ทำคดีนี้แล้วเจาะลงไปในพื้นที่ต่างๆเราก็เลยได้เรื่องราวของ "แอมไซยาไนด์"อย่างละเอียดที่สุด” นายสนธิกล่าว