xs
xsm
sm
md
lg

สานสัมพันธ์แน่นแฟ้น 2 พระราชวงศ์ไทย-อังกฤษ กว่า 4 ศตวรรษที่ยังถักทออย่างยั่งยืนสืบไป

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ประเทศไทยและสหราชอาณาจักรเป็นประเทศที่มีมิตรสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมาอย่างยาวนาน ได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 18 เมษายน พุทธศักราช 2398 และรวมไปถึงในระดับราชวงศ์ ทั้งสองพระราชวงศ์มีความใกล้ชิดแน่นแฟ้น มาอย่างยาวนานเช่นกัน ในระหว่างการครองสิริราชสมบัติ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร ได้เสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมด้วยเจ้าชายฟิลิป ดุ๊กแห่งเอดินบะระ พระสวามี ในฐานะพระราชอาคันตุกะของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง รวม 2 ครั้ง คือ ระหว่างวันที่ 9 -15 กุมภาพันธ์ 2515 และระหว่างวันที่ 28 ตุลาคม – 1 พฤศจิกายน 2539 ซึ่งเป็นปีที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี

โดยก่อนหน้านั้น พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้เสด็จพระราชดำเนินเยือนสหราชอาณาจักรในฐานะพระราชอาคันตุกะ ระหว่างวันที่ 19 – 23 กรกฎาคม 2503 และในโอกาสที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี เมื่อพุทธศักราช 2555 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในขณะที่ยังทรงดำรงพระราชอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ เพื่อเชิญพระราชสาส์นไปทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย และทรงร่วมในพระราชพิธีเฉลิมฉลอง ในโอกาสที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงครองราชย์ครบ 60 ปี เมื่อวันที่ 18 และ 19 พฤษภาคม 2555 ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร อันเป็นการแสดงถึงสัมพันธไมตรีที่ราบรื่นและแน่นแฟ้นของประเทศไทยและสหราชอาณาจักรที่มีมาแต่อดีต จวบจนปัจจุบัน


การแลกเปลี่ยนการเสด็จพระราชดำเนินเยือนของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร เป็นเครื่องยืนยันของความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองพระราชวงศ์ และแม้ทรงเจริญพระชนมพรรษามากขึ้น แต่ไมตรีจิตมิตรภาพระหว่างกันไม่ได้ลดน้อยถอยลง ดังเมื่อครั้งงานเฉลิมฉลองสิริราชสมบัติ ครบ 60 ปีของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในปี 2549 มีพระประมุขและผู้แทนพระองค์จากประเทศต่าง ๆ เสด็จพระราชดำเนินมาทรงร่วมงาน โดยสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ เจ้าชายแอนดรูว์ ดยุกแห่งยอร์ก เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์มาทรงร่วมงาน และได้เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์มาทรงร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในปี 2560 อีกครั้งหนึ่ง

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี ทรงมีพระราชปณิธานที่จะสืบสาน รักษา ต่อยอด แนวพระราชดำริและหลักการทรงงานต่างๆของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดยเฉพาะการสานต่อความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่าง 2 ราชวงศ์ให้ยั่งยืนสืบไป

โดยเมื่อวันที่ 10 กันยายน พุทธศักราช 2565 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ส่งข้อความพระราชสาส์น แสดงความเสียพระราชหฤทัย ไปยังสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 พระมหากษัตริย์แห่งสหราชอาณาจักรพระองค์ใหม่ ในการที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร เสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2565 ด้วยทรง รู้สึกเศร้าสลดใจอย่างยิ่ง ต่อการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 นับเป็นการสูญเสียอันยิ่งใหญ่ของพระประมุขซึ่งเป็นที่รัก ในฐานะพระมหากษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตย ที่ทรงอุทิศพระองค์เพื่อพสกนิกรอย่างแท้จริง

ด้วยความเศร้าพระราชหฤทัยและเศร้าสลดใจอย่างยิ่ง ต่อการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 พระประมุขซึ่งเป็นที่รักแห่งราชอาณาจักร ดังนั้นเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2565 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ หน่วยราชการในพระองค์ทำพิธีถวายความอาลัยหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ในการพระราชพิธีพระบรมศพของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร ณ บริเวณประตูมณีนพรัตน์ หน้าพระบรมมหาราชวัง พร้อมทั้งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ เชิญแจกันดอกไม้ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี และแจกันดอกไม้ของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ไปในพิธีถวายความอาลัยหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พร้อมด้วยประชาชน และหน่วยงานต่าง ๆ ร่วมถวายความอาลัยต่อการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร ในฐานะที่ประเทศไทยและสหราชอาณาจักรมีความสัมพันธ์อันแนบแน่นมาช้านาน

พร้อมกันนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ยังได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงลงพระนามาภิไธย ถวายความอาลัยต่อการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร ณ สถานเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย และพระบรมวงศานุวงศ์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เชิญแจกันดอกไม้ ไปถวายความอาลัย

เพื่อให้เห็นประจักษ์ชัดว่าประเทศไทยและสหราชอาณาจักรต่างได้ดูแลรักษาความสัมพันธ์ต่อกันให้แน่นแฟ้นเสมอมา เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2565 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ส่งพระราชสาส์นแสดงความยินดีไปยังสมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่3 แห่งสหราชอาณาจักร ในโอกาสที่เสด็จขึ้นครองราชย์ เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2565 ความว่า

“ฝ่าพระบาทในยามที่เรายังคงรำลึกถึงพระราชกรณียกิจอันสูงส่งของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 หม่อมฉันในนามของประชาชนชาวไทยขอถวายพระพรชัยมงคลและความปรารถนาดีด้วยใจจริงในโอกาสที่ฝ่าพระบาทเสด็จขึ้นครองราชย์เป็นสมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ

ฝ่าพระบาททรงเป็นที่ชื่นชมจากนานาประเทศในโลกด้วยทรงมีพระราชปณิธานอันแน่วแน่ ทรงเป็นผู้นำด้วยพระจริยวัตรอันเป็นแบบอย่าง อีกทั้งทรงมีบทบาทสำคัญตลอดมา ในการปลูกฝังเสริมสร้างความสำนึกในสิ่งที่เป็นปัจจัยความผาสุกของมนุษยชาติ โครงการในพระราชดำริที่โดดเด่นของฝ่าพระบาทอันเป็นที่ประจักษ์อย่างเด่นชัด ได้แก่ มูลนิธิเดอะพรินส์ทรัสต์ ซึ่งได้ให้ความช่วยเหลือเยาวชนผู้ด้อยโอกาสเป็นจำนวนนับล้านคน และพระราชกรณียกิจในด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและด้านการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ

ประการหนึ่งที่ฝ่าพระบาทและหม่อมฉันต่างได้รับมรดกอันล้ำค่าจากพระบรมราชบุพการี อันเป็นเหมือนดวงประทีปนำทาง ด้วยการสืบสานพระราชกรณียกิจของแต่ละพระองค์ ด้วยเหตุฉะนี้ เราจึงต่างได้ตั้งสัตยาธิษฐานให้คำมั่นว่า จะสืบสานและรักษาไว้ซึ่งมรดกนี้หม่อมฉันยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นประจักษ์ชัดว่าประเทศไทยและสหราชอาณาจักรต่างได้ดูแลรักษาความสัมพันธ์ต่อกันให้แน่นแฟ้นเสมอมา ไม่เพียงแต่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและประชาชนของเราทั้งสองเท่านั้น แต่รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างพระราชวงศ์ทั้งสองด้วย

ประชาชนชาวไทยยังคงรำลึกถึงการเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศไทยของฝ่าพระบาท เมื่อปีพุทธศักราช 2531 ครั้งทรงดำรงพระราชอิสริยยศมกุฎราชกุมาร เพื่อถวายพระพรชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชบิดาของหม่อมฉัน ในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบหม่อมฉันและประชาชนชาวไทยขอถวายพระพรชัยมงคลให้ฝ่าพระบาททรงมีรัชสมัยอันรุ่งเรือง เปี่ยมด้วยพระบารมียิ่งยืนนาน

(พระปรมาภิไธย) มหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว”

และในวันนี้ภาพสายสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่างพระราชวงศ์ จะยังคงถักทอให้ยืนยาวสืบต่อไป ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระเจ้าชาร์ลสที่ 3 พระมหากษัตริย์แห่งสหราชอาณาจักร ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี จะเสด็จพระราชดำเนินเยือนสหราชอาณาจักรอย่างเป็นทางการ ตามคำทูลเชิญของสมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ ระหว่างวันที่ 4 ถึงวันที่ 7 พฤษภาคม 2566 เพื่อทรงร่วมพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของสมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 และสมเด็จพระราชินีคามิลลา ณ มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ กรุงลอนดอน นับเป็นการเสด็จฯเยือนต่างประเทศครั้งแรกอย่างเป็นทางการตั้งแต่การพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562

การเสด็จฯเยือนสหราชอาณาจักรอย่างเป็นทางการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี ในครั้งนี้ถือเป็นการยืนยันถึงสัมพันธไมตรีระหว่างสองประเทศที่มีมากว่า 4 ศตวรรษ และจะยังคงสืบต่อไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน