"ดร.ม.ล.กรกสิวัฒน์" ชี้ "ประยุทธ์" ไร้ความรู้พลังงาน แต่กลับนั่งประธาน กพช.เอง เอื้อนายทุนใหญ่มาตลอด เชื่อถ้าเป็นนายกฯ ต่อค่าไฟพุ่งหน่วยละ 7 บาทแน่ แนะปรับโครงสร้างพลังงานทั้งหมด ออกพันธบัตรจัดการหนี้ กฟผ. 1.5 แสนล้าน เพื่อกดเอฟทีเหลือ 10 สตางค์ ค่าไฟลงแน่นอน
อ
วันที่ 2 พ.ค. 2566 ดร.ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน ร่วมสนทนาในรายการ "คนเคาะข่าว" ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ช่อง "นิวส์วัน" ในหัวข้อ "ค่าไฟจะไปสุดกู่ ถ้าลุงตู่อยู่ต่อ"
ดร.ม.ล.กรกสิวัฒน์กล่าวในช่วงหนึ่งว่า เป็นเรื่องน่าเศร้าเศรษฐกิจไทยผงกแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้ประเทศไทยไปไม่ได้คือพลังงาน พังทั้งระบบ บอกเลย 8 ปีมันพิสูจน์แล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ไม่ได้อีกต่อไป แล้วมีตัวอย่างในอดีตสำหรับนายกฯ ที่ท่านเข้าใจเรื่องนี้ อย่าง นายชวน หลีกภัย ท่านไม่เข้าใจเรื่องพลังงาน ท่านให้ นายศุภชัย พานิชภักดิ์ เป็นประธาน กพช.แทน แต่ พล.อ.ประยุทธ์คิดว่าตัวเองเก่งทุกอย่าง แต่วันนี้พาประเทศไทยมาอยู่ปากเหวแล้ว
ถ้า พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ต่อ โดนค่าไฟ 7 บาทแน่ๆ พอมีเลือกตั้งโดนกดดันเยอะมาก เขาก็พยายามเกลี่ยกันใหม่ให้ค่าไฟลด แต่สุดท้ายหนี้ 1.5 แสนล้านมันยังอยู่ และโรงไฟฟ้าที่มีราคาแพงก็ยังอยู่ครบ ถ้าเลือกตั้งได้นายกฯ คนเดิม ค่าไฟแพงก็จะกลับมา เชื่อว่าทำได้อย่างเก่งก็หน่วยละ 5 บาทบวกแวต
ดร.ม.ล.กรกสิวัฒน์กล่าวอีกว่า อย่างที่ว่ามันต้องรื้อโครงสร้างพลังงาน ค่าผ่านท่อ ค่าความพร้อมจ่าย แต่นายกฯ ไม่เคยแตะเลย อนุมัติโรงไฟฟ้าใหม่ก็เป็นรายเดิมๆ รวมถึงพลังงานหมุนเวียน พลังงานสะอาด ก็เป็นหน้าเดิม นี่เป็นสาเหตุทำไมไฟฟ้าภาคประชาชนไม่เกิดสักที ตั้งคำถามว่าท่านเป็นประธาน กพช.เพื่อใคร
ดร.ม.ล.กรกสิวัฒน์กล่าวต่ออีกว่า รายจ่าย กฟผ.มีต้นทุน 2 แสนกว่าล้าน ที่เดี๋ยวต้องมาเรียกเก็บจากประชาชน ไปคำนวณดีๆ ไปที่เอกชนเกือบหมด เอกชนถึงรวย เพราะเงินจากค่าไฟเราไปที่เอกชน ทั้งโรงไฟฟ้าเอกชน และพ่อค้าก๊าซรายใหญ่ 81% ตัวนี้ถ้าไม่จัดการ มันไปต่อไม่ได้จริงๆ
ส่วนข้อเสนอแนะสำหรับการจัดการหนี้แสนล้าน คือออกพันธบัตร 5-15 ปี เพื่อยืดหนี้ออกไปเป็นเวลานาน ทำให้ค่าเอฟทีในส่วนหนี้สินลงเหลือแค่ 10 สตางค์ จะทำให้หนี้สินกระจายไปไกลมาก แต่อย่าสร้างหนี้ใหม่ จัดการโครงสร้างทั้งหมด เอาหนี้กระจายออกไป เก็บแค่ 10 สตางค์ต่อหน่วยไปเรื่อยๆ ค่าไฟลงแน่นอน