xs
xsm
sm
md
lg

“เอ็น.ซี.ซี.” เตรียมจัดใหญ่งานท่องเที่ยวกอล์ฟ ดำน้ำ และกิจกรรมกลางแจ้ง ชี้ต่างชาติทะลักเที่ยวไทยดันตลาดท่องเที่ยวคึกคัก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เอ็น.ซี.ซี.เตรียมจัดมหกรรมการท่องเที่ยวเชิงไลฟ์สไตล์และกิจกรรมกลางแจ้ง "Thailand Golf & Dive Expo plus Outdoor Fest 2023" ดึงสินค้า และบริการท่องเที่ยวจากทั่วโลกกว่า 1,000 แบรนด์ ใน 450 บูท พร้อมจัดโปรฯ พิเศษ เผยนักท่องเที่ยวต่างชาติบูมเที่ยวไทย คนรุ่นใหม่สนใจกิจกรรมท่องเที่ยวท้าทายเพิ่ม ดันตลาดท่องเที่ยวไทยคึกคัก ด้าน ททท.หนุนจัดงานหวังกระตุ้นนักท่องเที่ยวกำลังซื้อสูงช่วยกระจายรายได้สู่ชุมชนคนพื้นที่ ปักหมุดจัดวันที่ 18-21 พฤษภาคมนี้ ณ ฮอลล์ 6-7 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

วันนี้ (25 เม.ย.) นายศักดิ์ชัย ภัทรปรีชากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผู้จัดงาน "Thailand Golf & Dive Expo plus Outdoor Fest 2023" (ไทยแลนด์กอล์ฟ แอนด์ ไดฟ์ เอ็กซ์โป พลัส เอาท์ดอร์ เฟสท์ 2023) เปิดเผยว่า หลังจากโควิด-19 คลี่คลาย ทุกประเทศทั่วโลกหันกลับมาเปิดประเทศ จนเกิดกระแสความต้องการเดินทางท่องเที่ยวครั้งใหญ่ จากความอัดอั้นที่ไม่ได้เดินทางมานานกว่า 3 ปี ส่งผลให้แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญๆ ต่างได้รับความสนใจเป็นอย่างยิ่ง ประเทศไทยก็ถือได้ว่าเป็นจุดหมายปลายทางแห่งหนึ่งเช่นกัน จากข้อมูลของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พบว่านักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทย เพียงช่วงไตรมาสแรกของปี 2566 มีจำนวนทั้งสิ้น 6,465,737 คน คิดเป็นเกือบ 65% เมื่อเทียบกับตัวเลขของช่วงเดียวกันในปี 2562 ก่อนเกิดสถานการณ์โควิดที่มีจำนวน 10,792,781 คน สะท้อนให้เห็นว่า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยมีการ Rebound หรือการกลับมาของนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศอย่างชัดเจน จากปัจจัยนี้ทำให้ตลาดการท่องเที่ยวในภาพรวมเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้มีผู้ประกอบการรายใหม่เพิ่มเข้ามาในตลาดอีกจำนวนมาก ซึ่งเห็นได้จากจำนวนผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงาน “Thailand Golf & Dive Expo plus OUTDOOR Fest 2023” กว่า 450 บูท โดยมีผู้ประกอบการต่างประเทศกลับมาแล้วในปีนี้ เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 10% จากปีที่ผ่านมา โดยงานนี้นับเป็นหนึ่งในกลไกส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ และขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจไทยได้เป็นอย่างดี

งาน "Thailand Golf & Dive Expo plus Outdoor Fest 2023" จัดขึ้นโดย บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด และได้รับการสนับสนุนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โดยเป็นการรวม 3 งานแสดงสินค้าที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของการท่องเที่ยว ทั้งด้านกีฬากอล์ฟ ดำน้ำ และท่องเที่ยวแนวกิจกรรมกลางแจ้ง จัดขึ้นระหว่างวันที่ 18-21 พฤษภาคมนี้ ณ ฮอลล์ 6-7 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งเป็นปีแรกที่กลับมาจัดที่นี่อีกครั้ง หลังจากที่ได้ปิดปรับปรุงกว่า 3 ปี โดยภายในงานจะมีสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวจากกลุ่มผู้ประกอบการที่พร้อมนำเสนอสินค้ารุ่นใหม่และแพกเกจต่างๆ พร้อมส่วนลดสูงสุดกว่า 80% คาดว่าตลอดระยะเวลาการจัดงานจะมีมูลค่าเงินสะพัดกว่า 180 ล้านบาท

การจัดงานครั้งนี้จะพบกับ 3 งานใหญ่ ได้แก่ งานแรกคือ งาน "Thailand Dive Expo" มหกรรมธุรกิจท่องเที่ยวดำน้ำครบวงจร เป็นการรวบรวมสินค้าและบริการเกี่ยวกับการท่องเที่ยวดำน้ำ ตั้งแต่คอร์สเรียนไปจนถึงทริปดำน้ำทั้งในและต่างประเทศ รีสอร์ตใกล้แหล่งดำน้ำ อุปกรณ์ดำน้ำแบรนด์ดัง อุปกรณ์ถ่ายภาพ ฯลฯนอกจากนี้ ยังมีนิทรรศการภาพถ่ายใต้น้ำจากการประกวด “TDEX Underwater Photo Contest ครั้งที่ 16” เพื่อชิงรางวัลรวมมูลค่ากว่า 4 แสนบาท โดยมีผู้ส่งภาพเข้าประกวดรวมกว่า 500 ภาพ และจะประกาศผลผู้ชนะในพิธีเปิดงานวันที่ 18 พฤษภาคมนี้ อีกทั้งในปีนี้ยังมุ่งมั่นในการสร้างจิตสำนึกการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ โดยร่วมมือกับหลากหลายองค์กรในการทำกิจกรรมเพื่อสังคม ไม่ว่าจะเป็นโครงการรักษ์ทะเล ร่วมกับ CPAC และ SCG สร้างปะการังเทียม คืนความสมดุลให้แก่ระบบนิเวศทางทะเล โดยผู้เข้าชมงานสามารถร่วมโหวตรูปแบบชิ้นงานปะการัง เพื่อนำไปจัดสร้างและนำไปวางใต้ท้องทะเล อ.สัตหีบ จ.ระยอง, โครงการ “TDEX You Give…We Share” ร่วมกับเพจ “DNA บุคลากรทางการแพทย์และอาสาสมัคร” เพื่อนำชุดดำน้ำและอุปกรณ์มือสองสภาพดี บริจาคให้แก่มูลนิธิต่างๆ เพื่อนำไปใช้ในปฏิบัติการกู้ภัยสาธารณประโยชน์, โครงการจัดทำกระเป๋าผ้าร่วมกับ คุณเเม็ค ศิลปินวาดภาพที่มีนามปากกาว่า เเม็คชา (Mackcha) ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Connect the Dot” บอกเล่าเรื่องราวของ ชาล็อต เด็กผู้หญิงผู้เป็นตัวแทนของความฝันที่ได้ผจญภัยเคียงข้างไปกับฉลามวาฬ เพื่อพบเจอโลกใบใหม่ที่น่าตื่นเต้นไปพร้อมๆ กัน โดยรายได้จากการจำหน่ายหลังหักค่าใช้จ่ายจะนำไปมอบให้มูลนิธิผู้พิทักษ์ป่าและรักษาทะเล (FMRF), โครงการ “มาหยา Shark Watch Project” กับ “Love Wildlife” เพื่ออนุรักษ์ฉลามในอ่าวมาหยา และกิจกรรมเสวนา “TDEX Divers Talk” แชร์ประสบการณ์ด้านการดำน้ำ จากหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน และ Influencers ชื่อดังจากหลากหลายวงการท่องเที่ยวและกีฬา

งานที่สองคือ "Thailand Golf Expo" งานแสดงสินค้าและบริการสำหรับผู้ชื่นชอบกีฬากอล์ฟ ซึ่งจะมีผู้ประกอบการชั้นแนวหน้าเข้ามานำเสนอแพกเกจกรีนฟีสนามกอล์ฟ การเปิดบูทจำหน่ายอุปกรณ์กอล์ฟ อุปกรณ์เสริม ชุดกีฬากอล์ฟหลากหลายแบรนด์ดัง พร้อมกิจกรรมไฮไลต์ การแข่งขันกอล์ฟ “1 พัตต์ 1 แสน” และกิจกรรมกอล์ฟ “Swing Quick Fix” จาก Golfing Ground Performance Center เพื่อพัฒนาขีดความสามารถนักกอล์ฟทุกระดับตั้งแต่มือใหม่จนถึงระดับโปรทัวร์

งานที่สามคืองาน "Outdoor Fest" งานที่รวมกิจกรรมท่องเที่ยวและกีฬากลางแจ้ง บก-น้ำ-อากาศ มาไว้ในที่เดียว โดยจะมีผู้ประกอบการชั้นนำจากไทยและต่างประเทศยกขบวนเข้ามาจำหน่ายอุปกรณ์แคมปิ้ง เดินป่า โดรน SUP Board Surfboard เจ็ตสกี คายัค ที่พักรีสอร์ต รวมถึงแพกเกจท่องเที่ยวเชิงผจญภัยและกิจกรรมกลางแจ้งมาไว้ในงานครั้งนี้ พร้อมกันนี้ยังได้จัดกิจกรรมเสวนาบนเวทีที่จัดร่วมกับ Coffee Traveler ในพื้นที่ “Cozy Coffee in Camp” บรรยากาศแคมปิ้งที่มีทั้ง Slow Bar และ Speed Bar ให้ได้นั่งจิบกาแฟ พร้อมร่วมพูดคุยกับแขกรับเชิญ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการท่องเที่ยวเชิงกิจกรรมไลฟ์สไตล์ “Camp” และยังมีกิจกรรมสนุกๆ ท้าทายความสามารถ 
เช่น การแข่งขันปีนหน้าผาจำลอง “Thailand Bouldering Competition” ครั้งที่ 10 ชิงเงินรางวัล และร่วมกับ Decathlon จัดกิจกรรมการแข่งขันกางเต็นท์ “Tent set up challenge”

ในปีนี้ทางผู้จัดงานยังได้จับมือกับ Lazada จัดแคมเปญเพื่อแจกคูปองส่วนลด on top พิเศษ เมื่อซื้อสินค้าและบริการภายในงานนี้ผ่านช่องทางออนไลน์แพลตฟอร์มในช่วงเวลาการจัดงาน และสำหรับผู้ลงทะเบียนเข้าชมงาน นอกจากได้ของถูกใจแล้ว ยังมีสิทธิ์ได้ร่วมลุ้นรับรางวัลใหญ่กลับบ้าน เช่น ตั๋วเครื่องบินไป-กลับในประเทศจาก Thai Smile และ Thai Vietjet คอร์สเรียนดำน้ำ ทริปดำน้ำ อุปกรณ์กอล์ฟ และของที่ระลึกมากมาย

“งานท่องเที่ยวเชิงไลฟ์สไตล์ที่ทาง เอ็น.ซี.ซี.จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกปีนั้น เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยส่งเสริมและกระตุ้นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่มีการทำกิจกรรมร่วมด้วยให้เติบโตขึ้น โดยเฉพาะกิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำ ตีกอล์ฟ กิจกรรมกลางแจ้ง แคมปิ้ง เดินป่า ปีนผา แม้ว่ากลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มเฉพาะ (Niche market) แต่ถือได้ว่าเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง และพร้อมที่จะจ่ายให้กับทริปท่องเที่ยว หรือสินค้าและบริการที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของตนเองได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้มีเม็ดเงินกระจายรายได้ไปยังชุมชนในแหล่งท่องเที่ยวนั้นๆ มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศให้ขยายตัวมากยิ่งขึ้นด้วย” นายศักดิ์ชัยกล่าว

นายสมชาย ชมภูน้อย ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. เปิดเผยว่า สถานการณ์การเดินทางของผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยในช่วง 3 เดือนแรกปี 2566 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-31 มีนาคม 2566 มีจำนวนสะสมกว่า 62,272,504 คน เพิ่มขึ้น 19.80% สร้างรายได้สะสมสู่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกว่า 218,332.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.73 โดยพื้นที่หลักในการท่องเที่ยวชาวไทย ได้แก่ กรุงเทพฯ ชลบุรี กาญจนบุรี ภูเก็ต และนครราชสีมา แสดงให้เห็นถึงตลาดการท่องเที่ยวไทยมีความคึกคักเป็นอย่างยิ่ง

ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวกลุ่มความสนใจพิเศษ เช่น ผู้ที่ชื่นชอบกีฬา กิจกรรมทางน้ำ และการแคมปิ้งเป็นอีกหนึ่งกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงคุณภาพที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยให้ความสำคัญมาโดยตลอด โดยเฉพาะกีฬากอล์ฟ ที่มีสนามที่มีมาตรฐานอยู่หลายแห่งในประเทศ, กิจกรรมดำน้ำทั้งดำน้ำตื้น, ดำน้ำลึก และ Free Dive ซึ่งภาคใต้ของไทยเป็นแหล่งดำน้ำที่มีชื่อเสียงระดับโลก รวมไปถึงการท่องเที่ยวกลางแจ้งในรูปแบบแคมปิ้งที่เป็นกระแสนิยมอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยว Gen-Y และกลุ่มผู้มีรายได้สูง

ในปี 2565 ที่ผ่านมา ททท.ได้ร่วมเป็นพันธมิตรในการจัดกิจกรรม Thailand Golf & Dive Expo plus Traveler& Outdoor Expo 2022 ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีมีผู้ซื้อสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวภายในงานถึง 36,000 คน (Pax) ก่อให้เกิดรายได้กว่า 167 ล้านบาท ทำให้ปี 2566 นี้ ททท.ยังคงเข้าร่วมเป็นพันธมิตรในการจัดงานอย่างต่อเนื่อง โดยความพิเศษของปีนี้ ททท.มีแนวคิดที่จะต่อยอดการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬาเข้ากับการส่งเสริมวัฒนธรรม Soft Power 5F ได้แก่ 1. อาหาร (Food) 2. ภาพยนตร์และวิดีทัศน์ (Film) 3. การออกแบบแฟชั่นไทย (Fashion) 4. ศิลปะการป้องกันตัวแบบไทย (Fighting) และ 5. เทศกาล (Festival) ซึ่งนับเป็นการท่องเที่ยวแนวไลฟ์สไตล์ด้วยเช่นกัน โดยนอกจากจะเป็นการกระจายรายได้ที่เกิดจากการใช้จ่ายในกิจกรรมดำน้ำ กอล์ฟ และแคมปิ้ง รวมไปถึงค่าอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องแล้ว ยังสามารถกระจายรายได้ลงสู่ชุมชนท้องถิ่นด้วยการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวไปยังแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ในพื้นที่ใกล้เคียงได้อีกด้วย

“นอกจากนี้ ททท.จัดทำโครงการ 365 วัน “มหัศจรรย์เมืองไทย เที่ยวได้ทุกวัน” เพื่อกระตุ้นฐานเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวของประเทศให้ฟื้นตัว ขยายเศรษฐกิจและประสิทธิภาพการท่องเที่ยว โดยเชิญชวนให้ชาวไทยออกเดินทางท่องเที่ยวไปในสถานที่ต่างๆ ตามสไตล์ที่เลือกได้เองทุกวัน ซึ่งสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการจัดงาน Thailand Golf & Dive Expo plus Outdoor Fest 2023 ที่จะร่วมผลักดัน และกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยว ผ่านกิจกรรมท่องเที่ยวประเภทไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็น กีฬากอล์ฟ กิจกรรมทางน้ำ การดำน้ำ เจ็ตสกี กิจกรรมปีนหน้าผา แคมปิ้ง และกิจกรรมกลางแจ้งอื่นๆ อีกมากมาย” นายสมชายกล่าว

สำหรับการจัดงาน Thailand Golf & Dive Expo plus Outdoor Fest 2023 กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 18-21 พฤษภาคม 2566 เวลา 11.00-20.00 น. ณ ฮอลล์ 6-7 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยกิจกรรมดำน้ำ ติดตามดูรายละเอียดได้ทาง Facebook: Thailand Dive Expo (TDEX) หรือ www.ThailandDiveExpo.com กิจกรรมกีฬากอล์ฟ ติดตามดูรายละเอียดได้ทาง Facebook: Thailand Golf Expo หรือ www.thailandgolfexpo.com กิจกรรมท่องเที่ยวกลางแจ้ง Traveler & Outdoor ติดตามดูรายละเอียดได้ทาง Facebook: Traveler & Outdoor Expo หรือ www.traveloutdoorexpo.com






















กำลังโหลดความคิดเห็น