คนไทยที่ไปเยี่ยมช้างพลายศักดิ์สุรินทร์ ที่อาการป่วยทรุดอย่างหนักจนพิการ เผยพามาพักรอกลับไทยที่สวนสัตว์ในกรุงโคลัมโบ อยู่ระหว่างประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พามารักษา แต่หนักประมาณ 3.5 ตัน ต้องขนกลับไทย โดยกรงขนาดใหญ่ และเครื่องบินขนาดใหญ่
วันนี้ (25 เม.ย.) จากกรณีที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์คลิปวิดีโอเผยให้เห็นสภาพสุดน่าสงสารของ “พลายศักดิ์สุรินทร์” ช้างที่ไทยมอบให้ศรีลังกาเมื่อปี 2544 แต่กลับถูกส่งไปอยู่วัดแห่งหนึ่งนอกเมืองโคลัมโบ และมีการร้องเรียนเรื่องสวัสดิภาพสัตว์ ระบุว่า “ความจริงกับสภาพของช้างพลายศักดิ์สุรินทร์ หรือพลายบิลลี่.. ไร้ความหวังจะได้กลับไทย.. รอคอยผู้ใหญ่ในประเทศจะมีใครช่วยช้างกลับบ้านได้ไหม.. ศรีลังกาพร้อมให้กลับ.. แต่ทางการไทย.. ไม่มีใครทำอะไรเพื่อให้ได้ช้างไทยเชือกนี้กลับมารักษาตัว.. ติดขัดอะไร.. ไม่มีตัวตนหน่วยงาน.. ไร้ความคืบหน้า” ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
อ่านประกอบ : ใครช่วยได้ไหม? เปิดภาพสุดสลด “พลายศักดิ์สุรินทร์” ช้างไทยในศรีลังกา วอนพากลับไทย
คนไทยรายหนึ่งที่ไปเยี่ยมช้างพลายศักดิ์สุรินทร์ เปิดเผยกองบรรณาธิการ MGR Online ระบุว่า ตนได้ซื้อกล้วย แตงโม สับปะรดมาเยี่ยมช้างพลายศักดิ์สุรินทร์ หรือชื่อศรีลังกาว่า “มธุราชา” ชื่อเล่นว่า “บิลลี่” ที่สวนสัตว์ในกรุงโคลัมโบ ดีใจที่บิลลี่ชอบผลไม้ที่ซื้อไปให้ เพราะที่สวนสัตว์ให้บิลลี่ทานแต่ขนุน และทางมะพร้าว บิลลี่เป็นช้างไทยอายุ 30 ปี มีงายาว และสวยมาก ถูกส่งมากระชับความสัมพันธ์ตามที่ศรีลังกาขอไปเมื่อปี 2544 หรือกว่า 20 ปีก่อน โดยถูกส่งตัวไปอยู่ที่วัดในเมืองกอลล์ (Galle) แต่ในช่วงที่ผ่านมา บิลลี่ถูกพาไปทำภารกิจหลายอย่าง ส่งผลให้ร่างกายทรุดโทรม มีแผลหลายจุด มีฝีขนาดใหญ่ที่บั้นท้าย สะโพกสองข้างทั้งซ้ายและขวา และยังมีแผลที่ขาซึ่งถูกผูกโซ่ล่ามมาเป็นเวลานาน ขาพิการไป 1 ข้าง
ขณะนี้ สถานทูตไทย ได้พาบิลลี่จากเมืองกอลล์มาพักรอกลับไทยที่สวนสัตว์ในกรุงโคลัมโบ อยู่ระหว่างประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมศุลกากร สำนักงบประมาณ กรมบัญชีกลาง เพื่อพาบิลลี่กลับไปรักษาตัวที่ประเทศไทย ที่มีพร้อมทั้งสัตวแพทย์ ยา และเครื่องมือต่างๆ ครบครัน นอกจากนี้ยังมีนายทองสุก มะลิงาม หรือพงศ์ ควาญช้างจากจากจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเคยดูแลบิลลี่ตั้งแต่ครั้งยังเป็นช้างน้อยที่สุรินทร์ บินมาช่วยดูแลบิลลี่ที่สวนสัตว์ศรีลังกาได้ 4 เดือนแล้ว นายทองสุกถึงกับน้ำตาคลอ เมื่อเจอพวกตน เพราะที่ผ่านมาไม่ได้คุยกับใครเท่าไรนัก เนื่องจากสื่อสารกันคนละภาษา ขณะนี้คิดถึงเมืองไทยมาก พร้อมพาบิลลี่กลับประเทศไทยทุกขณะ ตอนนี้นายทองสุกพยายามสอนบิลลี่ ให้เข้าใจภาษาไทย จะได้ปรับตัวได้ดีเมื่อกลับไทย
"ปัจจุบันบิลลี่หนักประมาณ 3.5 ตัน ต้องขนกลับไทย โดยกรงขนาดใหญ่ และเครื่องบินขนาดใหญ่ พวกเราเองก็น้ำตาจะไหลเมื่อเห็นบิลลี่ ขอให้พี่ๆ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินเรื่อง และขอพวกเราช่วยส่งแรงใจในการพาบิลลี่กลับไทยโดยปลอดภัยโดยเร็ว" แหล่งข่าว ระบุ