รวบตึงทุกเรื่องราว คัดข่าวเด็ด เบ็ดเสร็จในที่เดียว ... MGR Online ขอนำเสนอ “Top 7 ข่าวฮอตในรอบ 7 วัน” สรุปข่าวเด่น ประเด็นฮอตที่พลาดไม่ได้ เป็นประจำทาง mgronline.com
(สรุปข่าวประจำวันที่ 16 - 23 เม.ย. 2566)
อันดับ 1 : เหตุสลดจีจี้เน็ตไอดอลดัง ลูกชายนายทหารลั่นไกปืนดับก่อนยิงตัวตายตาม พ่อแม่ใจสลายพร้อมเยียวยาเต็มที่
เมื่อวันที่ 19 เม.ย. ตำรวจ สน.มักกะสันรับแจ้งเหตุฆ่ากันตายภายในห้องชุดเลขที่ 1678/78 ชั้น 14 คอนโดมิเนียมคิว อโศก ถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี กรุงเทพฯ ที่เกิดเหตุพบศพ นตท.ภูมิพัฒน์ ชัยวณิชยา หรืออิคคิว อายุ 18 ปี นักเรียนเตรียมทหารรุ่น 65 และเป็นประธานนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 65 ลูกชาย พล.อ.สมชาย ชัยวณิชยา อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองบัญชาการกองทัพไทย อีกศพหนึ่งคือ น.ส.สุพิชชา ปรีดาเจริญ หรือจีจี้ อายุ 22 ปี เน็ตไอดอลสาว เจ้าของห้อง ตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิดบันทึกภาพจีจี้ลงมารับอิคคิว ก่อนจะพบทั้งคู่เป็นศพ ไม่มีใครเข้ามาเป็นบุคคลที่ 3 รวมทั้งพบเขม่าดินปืนที่มืออิคคิวเพียงฝ่ายเดียว
สำหรับศพจีจี้ถูกนำไปสวดพระอภิธรรมที่วัดพระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม โดยจะมีพิธีประชุมเพลิงในวันที่ 25 เม.ย. ขณะที่ครอบครัวอิคคิว นำศพไปสวดพระอภิธรรมที่วัดเสนาสนารามราชวรวิหาร อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา โดย พล.อ.สมชาย ขอร้องผู้สื่อข่าวไม่ให้บันทึกภาพในช่วงของการประกอบพิธี ให้สัมภาษณ์เฉพาะรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ชี้แจงว่าแชตไลน์ที่สอนลูกชายเรื่องการคบผู้หญิง ไม่ได้มีเจตนาจะเหยียดหยามหรือให้ร้ายฝ่ายหญิง ยืนยันว่าไม่เคยให้ลูกใช้ความรุนแรง และจะเยียวยาครอบครัวฝ่ายหญิงเต็มที่ โดยได้มีพิธีฌาปนกิจร่างของอิคคิวไปเมื่อวันที่ 22 เม.ย. ที่ผ่านมา
อันดับ 2 : หลินฮุ่ยตาย เลือดกำเดาไหลก่อนลาโลก ปิดฉากแพนด้าในเมืองไทย หลังเป็นทูตสันถวไมตรีไทย-จีนกว่า 20 ปี
สวนสัตว์เชียงใหม่แถลงว่า แพนด้าหลินฮุ่ย ตายเมื่อวันที่ 01.10 น. วันที่ 19 เม.ย. หลังจากเมื่อวันที่ 18 เม.ย. เวลาประมาณ 11.00 น. ได้รับรายงานจากทีมงานโครงการวิจัยและจัดแสดงแพนด้าในประเทศไทยว่า แพนด้าหลินฮุ่ยมีเลือดกำเดาไหล จึงได้ปิดส่วนจัดแสดงพร้อมเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาดูแล กระทั่งเวลา 01.00 น. ของวันที่ 19 เม.ย. แพนด้าหลินฮุ่ยมีอาการเกร็ง ทีมสัตวแพทย์พยายามรักษาตามคำแนะนำของทางจีนจนสุดความสามารถ จากนั้นเวลา 01.10 น. แพนด้าหลินฮุ่ยตายอย่างสงบ จากนี้ต้องรอให้ทีมงานจากจีนเดินทางมาเพื่อร่วมกันผ่าชันสูตรหลินฮุ่ยเพื่อหาสาเหตุการตายอย่างละเอียดอีกครั้ง
สำหรับหลินฮุ่ยเป็นแพนด้าเพศเมีย เดินทางมาอยู่ที่สวนสัตว์เชียงใหม่พร้อมกับช่วง ช่วง แพนด้าเพศผู้ เมื่อวันที่ 12 ต.ค. 2546 เพื่อเป็นทูตสันถวไมตรีระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยอาศัยอยู่ที่ส่วนจัดแสดงของสวนสัตว์เชียงใหม่มาร่วม 20 ปี ให้กำเนิดลูกแพนด้าเพศเมียที่ชื่อว่าหลินปิง เมื่อวันที่ 27 พ.ค. 2552 แต่หลินปิงเติบโตที่เมืองไทยได้เพียง 4 ปี ก็ต้องส่งให้ทางการจีนตามข้อกำหนด ต่อมาวันที่ 16 ก.ย. 2562 ช่วง ช่วงได้ตายลงจากภาวะหัวใจล้มเหลวในวัย 19 ปี กระทั่งล่าสุดหลินฮุ่ยได้ตายลง ถือเป็นการปิดตำนานแพนด้าที่หลงเหลืออยู่ตัวสุดท้ายในเมืองไทยไปด้วยความเศร้าและอาลัย
อันดับ 3 : ประชาชนร้องจ๊ากค่าไฟแพง เพิ่มสองเท่าหรือมากกว่า กฟผ.รับแบกแทน โซเชียลโจมตียิ่งลักษณ์เพิ่มกิโลวัตต์
สัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ใช้ไฟฟ้าต่างออกมาโพสต์ภาพบิลค่าไฟประจำเดือน มี.ค. 2566 พบว่าพุ่งสูงขึ้นกว่าเท่าตัว บางบ้าน บางบริษัทค่าไฟสูงกว่าเดือนที่เคยจ่ายสองเท่าหรือมากกว่า ทำให้ประชาชนและเจ้าของกิจการได้รับความเดือดร้อน นอกจากนี้ยังจะมีการคิดค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (Ft) ในอัตราเดียวกัน ที่ 98.27 สตางค์ต่อหน่วยในงวดเดือน พ.ค.-ส.ค.66 ทั้งในส่วนที่เป็นบ้านอยู่อาศัย และผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทอื่นๆ ทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยรวมอยู่ที่ 4.77 บาทต่อหน่วย อย่างไรก็ตาม การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้เสนอขอรับภาระยืดหนี้การชำระค่าไฟฟ้าแทนประชาชนไปก่อนจาก 2 ปีเป็น 2 ปี 4 เดือน
ขณะเดียวกัน บนโซเชียลฯ โจมตี สมัยที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เซ็นสัญญาเพิ่มกิโลวัตต์จากเอกชน ทำให้นายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ คณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย ตอบโต้ว่าไม่เป็นความจริง เพราะตอนนั้น GDP ประเทศไทยเติบโตประมาณ 7% แต่ตอนนี้ต่ำกว่า อีกทั้งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ทำรัฐประหาร แต่งตั้งคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานชุดใหม่ ไม่มีการเปิดประมูลให้ผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระ และไม่มีการเจรจากับภาคเอกชน ขณะที่นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ร้องผู้ตรวจการแผ่นดินให้แสวงหาข้อเท็จจริงเรื่องนี้
อันดับ 4 : รวบแก๊งรีดค่าไถ่ชาวจีน รู้แกวมีหมายจับคดีฉ้อโกงจากต้นทาง นางงามเวทีดังมีเอี่ยว ศาลค้านประกันตัวนอนคุก
การจับกุมแก๊งรีดค่าไถ่ชาวจีนเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 เม.ย. ตำรวจจับกุมนายณัฐภัทร สวัสดี หรือกบ อายุ 27 ปี นายณัฐพงศ์ ฆ้องคำอยู่ หรือจูน อายุ 24 ปี หลังร่วมกับพวกอีก 4 คน ทำร้ายร่างกายและอุ้มนายหวาง หนาน เฟิง อายุ 33 ปี ผู้เสียหายชาวจีน ยัดใส่กล่องพลาสติกออกจากห้องพักหรูย่านถนนวิทยุ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ แล้วนำไปกักขังที่รีสอร์ตใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เรียกค่าไถ่ 3.93 ล้านบาท ปรากฎว่านายหวังเคยคบหากับ น.ส.เพชรลดา แสงสกุล หรือน้ำเพชร อายุ 24 ปี ผู้เข้าประกวดเวทีนางงามเวทีหนึ่ง ระหว่างนั้น น.ส.เพชรลดาแอบคบหากับนายศุภพล ฮาลมัน หรือกาย อายุ 24 ปี จึงวางแผนอุ้มเรียกค่าไถ่
กระทั่งค่ำวันที่ 14 เม.ย. แก๊งดังกล่าวจึงอุ้มนายหวางมัดมือมัดเท้าทำร้ายร่างกาย นำใส่กล่องพลาสติกขนขึ้นรถเบนซ์ป้ายแดงของเหยื่อไปยังรีสอร์ต บังคับให้โอนเงินเข้าบัญชี ก่อนที่ตำรวจช่วยเหลือนายหวางได้ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในระหว่างที่กลุ่มผู้ต้องหาเตรียมปล่อยตัว สำหรับสาเหตุมาจากน.ส.เพชรลดารู้ข้อมูลว่านายหวางเป็นบุคคลมีหมายจับคดีฉ้อโกงจากประเทศจีน มั่นใจเจ้าตัวไม่กล้าแจ้งความกับตำรวจ จึงลงมือก่อเหตุดังกล่าว สำหรับกลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าวมีทั้งหมด 6 คน ศาลอาญากรุงเทพใต้อนุญาตให้ฝากขัง และไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง หากปล่อยชั่วคราวเชื่อว่าน่าจะหลบหนี
อันดับ 5 : รวบเจ้าของแฟรนไชส์ย่างให้ ตุ๋นเหยื่อลงทุนร่วมธุรกิจ ไม่ได้ปันผล-ไม่แบ่งกำไร เสียหายกว่า 5.5 ล้าน
เจ้าของแฟรนไชส์หมูกระทะชื่อดังหลอกลวงลงทุนเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 เม.ย. ตำรวจจับกุม นายมณฑล ทองคำ เจ้าของแฟรนไชส์ธุรกิจอาหารปิ้งย่าง ชื่อ “ย่างให้” ได้ที่บ้านหลังหนึ่งบนถนนพิชัยรณรงค์สงคราม ต.ปากเพรียว อ.เมืองฯ จ.สระบุรี ฐานความผิดฉ้อโกงประชาชน กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หลังกลุ่มผู้เสียหายเข้าร้องเรียนต่อ พล.ต.อ.สุรเชษฐ หักพาล รอง ผบ.ตร. ที่สโมสรตำรวจ เมื่อวันที่ 29 มี.ค. ว่าถูกนายมณฑลชักชวนให้คนเข้ามาลงทุน โดยอาศัยชื่อเสียงทางธุรกิจ แต่กลับไม่ได้เงินปันผล ไม่แบ่งผลกำไร และไม่พบการดำเนินกิจการต่างๆ ตามที่คุยกันไว้
สำหรับพฤติการณ์ของนายมณฑล คือ เดินสายออกสื่อหลายรายการทั้งทางโทรทัศน์และสื่อออนไลน์ต่างๆ พร้อมให้สัมภาษณ์ว่าธุรกิจประสบความสำเร็จมีการเปิดสาขามากกว่า 400 สาขาทั่วประเทศ รวมถึงมีการนำภาพศิลปิน ดารา นักแสดงชื่อดังหลายคนมาโพสต์ในเพจเฟซบุ๊กว่ามีคนดังชื่นชอบในแบรนด์ของตัวเองและมาร่วมลงทุนในธุรกิจจำนวนมาก ธุรกิจได้ทำจริง ประสบความสำเร็จจริง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้คนหลงเชื่อและเข้ามาลงทุนในแบรนด์ด้วย ทำให้กลุ่มผู้เสียหายเชื่อใจและนำเงินมาร่วมลงทุน โดยพบว่ามีผู้เสียหายเฉพาะที่มาร้องเรียน 20 คน มูลค่าความเสียหายรวม 5,530,000 บาท
อันดับ 6 : พริตตี้สาวโอละพ่อเมาแล้วขับ โพสต์ขอบคุณตำรวจที่ตั้งด่านแล้วไม่จับ ชาวเน็ตทัวร์ลง สอบแล้วที่แท้ไม่ได้ถูกเป่า
อุทาหรณ์สำหรับคนที่ลงโซเชียลฯ โดยไม่คิด เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 เม.ย. บนโซเชียลฯ แชร์ข้อความพริตตี้สาวรายหนึ่งโพสต์ภาพตัวเองขณะอยู่ในรถ ระบุแคปชันขอขอบคุณสถานบันเทิงแห่งหนึ่งย่านลาดกระบัง กรุงเทพฯ ที่หางานดีๆ ให้ และขอบคุณตำรวจที่ตั้งด่านแล้วไม่จับ เมาเป่าจนปรอทจะแตกแต่ก็ปล่อยผ่าน เพราะเข้าใจว่าทำงาน แต่คงไม่รอดทุกด่าน ขอบคุณตัวเองด้วยที่ไม่ว่าจะเมาแค่ไหน พาตัวเองขับรถไปทั่วทุกที่ทุกแห่งกลับถึงบ้านโดยปลอดภัย ถึงแม้บางครั้งจะเมาจนจำไม่ได้ว่ากลับมาถึงห้องได้อย่างไร ทำเอาชาวเน็ตพากันทัวร์ลงจำนวนมาก และโจมตีตำรวจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ปล่อยคนเมาแล้วขับ
ปรากฎว่าตำรวจเอาจริง ตรวจสอบภาพกล้องที่ติดตัวของตำรวจ พบว่าไม่มีการตรวจวัดแอลกอฮอล์ตามที่ผู้โพสต์กล่าวอ้าง ส่วนพริตตี้สาว ทราบชื่อคือ น.ส.สโรชา อนันตพงษ์ อายุ 27 ปี พริตตี้และพิธีกร หอบกระเช้าขอโทษตำรวจ ยอมรับว่า ได้ดื่มแอลกอฮอล์ในงานมาเล็กน้อยเท่านั้น และไม่ได้มีอาการเมา และที่โพสต์ไปเพราะเป็นการขอบคุณเจ้าของร้าน และคนที่พาไปทำงาน ส่วนตำรวจไม่ติดใจดำเนินคดี เพราะสอบถามถึงพฤติการณ์แล้วพบว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ และไม่มีเจตนา พร้อมเตือนประชาชน ในการโพสต์ข้อความผ่านทางออนไลน์ ที่มีผลกระทบถึงบุคคลอื่น ขอให้คำนึงถึงผลกระทบที่อาจจะตามมา
อันดับ 7 : พุทธ อภิวรรณ ประเดิมช่อง 8 ลุยชนข่าว อ่านผิดถึงบ้านหลังเก่า อมรินทร์ทีวีลั่นทีมงาน 90% ยังอยู่ เน้นสังคมยั่งยืน
หลังลาออกจากอมรินทร์ทีวีไปเมื่อวันสิ้นปีที่ผ่านมา ก่อนที่จะย้ายค่ายไปอยู่กับช่อง 8 ของอาร์เอสกรุ๊ป ในที่สุด นายพุทธอภิวรรณ องค์พระบารมี ผู้อำนวยการฝ่ายข่าวช่อง 8 ประเดิมรายการใหม่ที่ชื่อว่า ลุยชนข่าว เมื่อวันที่ 19 เม.ย. ที่ผ่านมา โดยจัดยาว 7 วันต่อสัปดาห์ และได้พิธีกรคู่หูอย่าง เมย์ ชนิตร์นันทน์ ปุณณะนิธิ, ลูกปัทม์ ณัฐชยา สงวนสุข และอดีตลูกหม้ออมรินทร์ทีวีอย่าง ไอซ์ สารวัตร กิจพานิช ปรากฎว่าคืนแรกได้หลุดปากพูดถึง “ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี” งานนี้ชาวเน็ตแซวยับว่าน่าจะเขินหน่อยๆ แต่ก็เข้าใจได้เพราะอยู่ที่เก่ามานาน ด้านเจ้าตัวก็แอบแซวตัวเองว่านี่คือรายการลุยชนข่าว ไม่ใช่รายการคุยคนเดียว
อย่างไรก็ตาม นายศิริ บุญพิทักษ์เกศ กรรมการผู้จัดการใหญ่ อมรินทร์ทีวี กล่าวว่า แม้นายพุทธอภิวรรณจะออกไป แต่ทีมงานส่วนใหญ่อีก 90% ยังอยู่ ที่ผ่านมามีดารานักแสดงมาเป็นพิธีกรเพื่อให้คนดูข่าวมีอะไรใหม่ๆ และพยายามทำข่าวออกมาให้หลากหลายมากขึ้น เช่น สกู๊ปข่าวเพื่อช่วยสังคม ซึ่งเร็วๆ นี้กำลังจะมีสตูดิโอใหม่ ลงทุนหลายร้อยล้านบาท ตอนนี้กำลังฟอร์มทีมรายงานข่าว AI ช่วงเอ็กซ์คลูซีฟ จะเห็นความแปลกใหม่มากขึ้น ส่วนกรณีที่ถูกตำหนิว่าไม่เช็กข่าวให้ดี รีบรายงาน ไม่มีจรรยาบรรณ เป็นเรื่องในอดีต นโยบายของช่องจะเน้นทำให้สังคมมีความยั่งยืน มองถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก