xs
xsm
sm
md
lg

เอกสารลับเพนตากอนรั่ว ฉีกหน้าอเมริกาครั้งมโหฬาร ชี้ชัดโกหกชาวโลกสงครามยูเครน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“สนธิ” ชี้เอกสารลับกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ รั่ว ฉีกหน้ารัฐบาลไบเดนครั้งมโหฬาร หลอกลวงชาวโลกมาตลอดปมสงครามยูเครน โดยมีสื่ออเมริกันช่วยประโคมข่าวกรอกหูประชาชนมาปีกว่าว่ารัสเซียจะแพ้แล้ว แต่เอกสารที่รั่วออกมาระบุชัดเคียฟร่อแร่ ระบบป้องกันทางอากาศส่อพังในเดือนหน้า อัตราสูญเสียทหารมากกว่ารัสเซีย แม้มีทหารจากนาโตเข้าร่วมรบ มีกองพลเกิดใหม่ฝึกโดยอเมริกาและพันธมิตร  ซ้ำเปิดโปงพฤติกรรมที่ไว้ใจไม่ได้ของสหรัฐฯ แอบสอดแนมแม้กระทั่งพวกเดียวกันเอง ทั้งยังเป็นการตบหน้าสื่อไทยใจฝรั่งที่เป็นเครื่องมือขยายเสียงและคำโกหกของสื่อตะวันตก



ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” วันศุกร์ที่ 21 เมษายนที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ ได้กล่าวถึงกรณีเอกสารลับของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ(เพนตากอน) รั่วไหลออกมาเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดีย ดิสคอร์ด (Discord) ของเกม Minecraft ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมของเหล่าเกมเมอร์ในการใช้พูดคุยกันระหว่างเล่นเกม ก่อนเผยแพร่ไปยังโซเชียลมีเดียอื่นๆ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แม้ทางการอเมริกาจะตามไล่ลบเอกสารลับที่รั่วไหลไปยังทวิตเตอร์ และเทเลแกรม แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ


ต่อมา วันพฤหัสบดีที่ 13 เมษายน ทาง FBI ได้จับกุมผู้ก่อเหตุ คือ จ่าอากาศโท แจ๊ก เทเซรา (Jack Teixeira) ทหารอากาศวัย 21 ปี ที่เมืองดีตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ จ่าอากาศโท เทเซรา สังกัดอยู่ที่กองกำลังรักษาดินแดน ก็คือเป็นทหารพิเศษที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า National Guardsman ของแมสซาชูเซตส์ เขาถูกนำตัวขึ้นศาลที่แขวงในเมืองบอสตันในเช้าวันศุกร์ที่ 14 ทันที


เอกสารการแจ้งข้อกล่าวหา ระบุว่า เทเซรา ได้รับสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลความมั่นคงขั้นลับสุดยอด ตั้งแต่ปี 2564 เขาทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ไอทีระดับล่าง มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลระบบไซเบอร์ทรานสปอร์ตซิสเต็ม (Cyber Transport System) ทำให้ต้องทำงานกับเครือข่ายที่มีข้อมูลความลับสูง และเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงได้รับสิทธิให้เข้าถึงข้อมูลลับขนาดนี้

เอกสารคำฟ้องระบุด้วยว่า เขาเริ่มโพสต์ข้อมูลที่เกี่ยวกับเอกสารลับทางออนไลน์ในช่วงเดือนธันวาคม 2565 และโพสต์บรรดารูปถ่ายเอกสารในเดือนมกราคม 2566

มีคนๆ หนึ่งซึ่งไม่ยอมเปิดเผยรายชื่อ ได้เปิดเผยกับ FBI ว่า เทเซรา บอกว่าเขากังวลเกี่ยวกับการคัดลอกข้อมูลในที่ทำงาน จึงนำเอกสารกลับไปที่บ้านและถ่ายรูปเก็บไว้

เอกสารบางฉบับเป็นข้อมูลลับสุดยอด เช่น เอกสารที่รายงานการลอบดักฟังโทรศัพท์ของพันธมิตรและศัตรูรายสำคัญ และการประเมินสถานการณ์จริงของสถานภาพของสงครามยูเครน


เจ้าหน้าที่หลายคนกล่าวกับสำนักข่าว CNN เชื่อว่าเทเซรา เป็นหัวหน้าห้องแชตบนแพลตฟอร์มดิสคอร์ด ที่เปิดรับเฉพาะผู้ได้รับเชิญเท่านั้น ซึ่งข้อมูลจากเอกสารลับถูกโพสต์ครั้งแรกในห้องแชตนี้เมื่อหลายเดือนก่อน

บันทึกคำให้การระบุว่า เทเซรา ใช้ชื่อจริง และให้ข้อมูลที่บ้านของเขาในรัฐแมสซาชูเซตส์ สำหรับเป็นข้อมูลการเรียกเก็บเงินที่เกี่ยวข้องกับบัญชีดิสคอร์ด

ข้อมูลเอกสารลับฉีกหน้าเพนตากอน-รัฐบาลไบเดน ชี้ชัดกำลังโกหกครั้งมโหฬาร

วันพฤหัสบดีที่ 8 เมษายน พล.อ.ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ตนเองนั้นทราบเป็นครั้งแรกเมื่อเพนตากอน หรือกระทรวงกลาโหม ประสบปัญหาการรั่วไหลของเอกสารลับจำนวนมาก ซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดหาอุปกรณ์ป้องกันภัยทางอากาศสำหรับยูเครน ความพยายามของทหารสหรัฐฯ ในสงครามยูเครน และข่าวกรองที่เกี่ยวข้องกับประเทศอื่นๆ ทำให้เห็นภาพที่น่ากลัวเกี่ยวกับแนวโน้มของการป้องกันทางอากาศของยูเครน


โดยเอกสารนี้ทำนายว่า ยูเครนอาจจะต้องประสบกับความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงก่อนสิ้นเดือนพฤษภาคม 2566 ซึ่งในข้อเท็จจริงก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ในตอนนี้ เพราะว่าเมืองบักมุต ซึ่งเป็นเมืองยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุดที่เซเลนสกี และฝ่ายยูเครน และฝ่ายตะวันตก พยายามจะยันกองทัพรัสเซียเอาไว้ ตอนนี้ข่าวหลุดออกมาแล้วว่า รัสเซียยึดเมืองบักมุตได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว

จากการตรวจสอบเอกสารที่รั่วไหลออกมาจำนวน 53 ฉบับ ของหน่วยข่าวกรอง ของกระทรวงการต่างประเทศ สำนักข่าวกรองของกระทรวงกลาโหม สำนักข่าวกรองภูมิสารสนเทศแห่งชาติ สำนักความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งทั้งหมดมีตราประทับว่า "เป็นความลับ" และ "ความลับสุดยอด" SECRET และ TOP SECRET เอกสารบางอย่างถูกจัดทำขึ้นระหว่างกลางเดือนกุมภาพันธ์ ปีนี้ ถึงต้นเดือนมีนาคม 2566 เพราะฉะนั้นข้อมูลที่ออกมาในเอกสารลับนี้ เป็นข้อมูลที่ค่อนข้างจะทันสมัยและทันต่อเหตุการณ์

เอกสารข้อมูลต่างๆ เหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าที่ผ่านมาอเมริกานั้นได้สอดแนม แอบดักฟังโทรศัพท์ประเทศพันธมิตรและคู่ขัดแย้งอย่างใกล้ชิดมากขึ้น แม้กระทั่งล่าสุด เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ก็ออกมาโวยวายว่าถูกแอบดักฟังโทรศัพท์เหมือนกัน

การรั่วไหลครั้งนี้ได้สร้างความสั่นคลอนอย่างมาก โดยเฉพาะกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ซึ่งประกอบด้วยผู้นำกองทัพระดับสูงสุดของกระทรวงกลาโหม ซึ่งมีหน้าที่ให้คำแนะนำต่อประธานาธิบดี


เอกสารหลายฉบับนี้มีเครื่องหมายระบุว่าจัดทำโดยหน่วยข่าวกรองสังกัดเสนาธิการร่วม หรือที่รู้จักกันในชื่อ J2 คือ Joint Chiefs of Staff

และดูเหมือนจะเป็นเอกสารสรุปข่าวกรองรายวันขนาดใหญ่ที่จัดทำโดยกระทรวงกลาโหมอเมริกาเกี่ยวกับข้อมูลลับด้านสงครามสำหรับผู้นำระดับสูง ที่จะรับรายงานจากหน่วยข่าวกรองของกระทรวงกลาโหม ของ CIA ของสภาความมั่นคง ทั้งหมดนี้มารวมอยู่ในเอกสารลับชุดนี้ และเป็นข้อมูลที่ค่อนข้างจะถูกกลั่นกรองมาแล้ว และเป็นข้อเท็จจริงที่ออกมาว่าสถานภาพที่แท้จริงของสงครามนั้นเป็นอย่างไร

หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล รายงานว่า รายงานที่นำเสนอต่อกระทรวงกลาโหมเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 ระบุว่า ยูเครนเพิ่มปริมาณการใช้ขีปนาวุธบั๊ตราว 69 ลูกต่อเดือน และขีปนาวุธ S300 จำนวน 200 ลูกต่อเดือน


เอกสารดังกล่าวลงวันที่ตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ระบุด้วยว่า เมื่อคำนวณจากอัตราการยิงเช่นนี้ ภายในวันที่ 3 พฤษภาคม กองกำลังยูเครนจะไม่เหลืออาวุธให้ต่อสู้แล้ว โดยเฉพาะเอกสารลับเตือนว่า กระสุนขีปนาวุธระบบป้องกันภัยทางอากาศ S300 ของยูเครน กำลังจะหมดคลัง ขณะที่ระบบป้องกันภัยทางอากาศอื่นๆ ของประเทศอาจจะหมดภายในวันที่ 23 พฤษภาคม 2566

ขีปนาวุธต่อต้านการโจมตีทางอากาศ S300 นั้น ต้นทางที่มาก็คือรัสเซีย ความสามารถของยูเครนในการป้องภันภัยทางอากาศของยูเครนนั้น 89 เปอร์เซ็นต์ ต้องพึ่งระบบ S300 ของรัสเซีย และกระสุนกำลังจะหมดแล้ว

ที่ผ่านมา นายเซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน เรียกร้องให้อเมริกาและพันธมิตรจัดระบบป้องกันภัยทางอากาศเพิ่มเติมมาตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยระบุว่า ระบบป้องกันภัยทางอากาศนั้นมีความสำคัญอันดับหนึ่ง นอกจากนี้แล้ว เซเลนสกี และผู้ช่วยของเขา ยังร้องขอเครื่องบินรบที่ผลิตโดยตะวันตก อย่างเช่น F-16 ของอเมริกา

อย่างไรก็ตาม ชาติตะวันตก ยุโรปบางส่วน บอกว่า เขาเปิดรับความคิด แต่ก็ยังปฏิเสธ ไม่ส่งเครื่องบินให้

ประเด็นสำคัญของเอกสารลับเพนตากอนที่รั่วไหลเผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์ ระบุชัดเจนว่า ยูเครนจะใช้ขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศจนเกือบหมดภายในเดือนพฤษภาคม 2566 นี้ และด้วยแนวโน้มต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่รัสเซียครองความได้เปรียบบนท้องฟ้า คือรัสเซียส่งเครื่องบิน หรือขีปนาวุธยิงเข้ายูเครนตลอดเวลา ก็มีเฉพาะ S300 นั้นที่พอจะป้องกันได้




ปัจจุบันรัสเซียมีฝูงเครื่องบินขับไล่ 485 ลำ ยูเครนมีเหลือ 85 ลำ ยูเครนจึงร้องขอระบบป้องกันภัยทางอากาศเพิ่มเติมจากตะวันตกมาหลายเดือนแล้ว

สรุปแบบสั้นๆ เกี่ยวกับเนื้อหาเอกสารที่หลุดนั้น บ่งชี้ว่าอย่างไร ?

ข้อที่หนึ่ง เอกสารหลุดเป็นรายงานสถานการณ์สงครามในยูเครน ในช่วงกุมภาพันธ์ และมีนาคม 2566 ถือว่าแม่นยำมาก เพราะว่าเพิ่งรายงานเหตุการณ์เมื่อเดือนที่แล้วเอง ณ วันนี้ คือวันที่ 21 เมษายน แต่เอกสารรายงานนี้สิ้นสุดเอาเดือนมีนาคม ก็คือสิ้นเดือนที่แล้วนั่นเอง

ข้อที่สอง นัยสำคัญของข้อมูลคือ ยูเครนกำลังสุ่มเสี่ยงที่จะพ่ายแพ้สงคราม โดยอเมริกามีความหวังค่อนข้างน้อยต่อโอกาสที่กองทัพยูเครนจะตอบโต้รัสเซียได้อย่างมีนัยสำคัญ

เจ้าหน้าที่ที่เขียนเอกสารลับระบุว่า ชัยชนะสำหรับยูเครนจะเป็นเรื่องยากที่จะบรรลุผลสำเร็จ แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรหากการประเมินทางฝั่งสหรัฐฯ จะชี้ไปว่า มีแนวโน้มที่ทั้งสองฝ่ายจะตั้งยันกันตลอดปี 2566


ข้อที่สาม อเมริกาแสดงความไม่พอใจ โดยเห็นว่าจุดยืนของนายอังตอนียู กูแตรึซ เลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ เรื่องการผ่อนปรนต่อข้อตกลงการส่งออกธัญพืช กระทบต่อความพยายามที่จะลงโทษรัสเซียต่อสงครามในยูเครน

ข้อที่สี่ เอกสารลับบอกว่า อเมริกายอมรับว่ามีกองกำลังพิเศษชาติตะวันตก คือทหารทางชาติตะวันตก มาปฏิบัติการในยูเครน มีทหารจากอังกฤษ 50 นาย ลัตเวีย 17 นาย ฝรั่งเศส 15 นาย และมีอเมริกาอีก 14 นาย อันนี้เป็นข้อมูลที่ละเอียดอ่อนมาก และกระทบ สร้างความหวั่นไหวให้กับชาติตะวันตก

นอกจากนี้แล้ว ในเอกสารลับมีข้อมูลเกี่ยวกับกองทหารยูเครนที่เกิดขึ้นใหม่ 12 กองพล มี 9 กองพลดูเหมือนว่าจะได้รับการฝึกฝนและจัดหาโดยสหรัฐอเมริกา และพันธมิตรอื่นๆ ของสมาชิกนาโต โดย 6 กองพลใน 9 กองพล คาดว่าจะพร้อมรบในวันที่ 31 มีนาคม 2566 ส่วนที่เหลือ ภายในวันที่ 30 เมษายน 2566

เนื้อหาเอกสารยังเน้นถึงความต้องการรถถังของยูเครนถึง 250 คัน และยานรบทหารราบ 350 คัน สำหรับแผนปฏิบัติการ นอกจากนี้ ยังระบุถึงอัตราค่าใช้จ่ายสำหรับอาวุธยุทโธปกรณ์ภายใต้การควบคุมทางทหารของยูเครน รวมทั้งระบบจรวดไฮมาร์ส(HIMARS)อีกด้วย


ข้อที่ห้า อเมริกาสอดแนมชาติต่างๆ รวมทั้งชาติพันธมิตร โดยเอกสารนี้ระบุว่า

-อียิปต์กำลังวางแผนอย่างลับๆ เพื่อสนับสนุนจรวดให้รัสเซีย

-เกาหลีใต้ตกในจุดยืนที่ยากลำบาก เพราะอเมริกากดดันให้จำหน่ายกระสุนปืนใหญ่ให้ยูเครน แต่เกาหลีใต้ไม่ต้องการติดอาวุธให้ประเทศใดๆ ในสงคราม


“เอกสารอีกฉบับหนึ่งอธิบายรายละเอียดการสนทนาของเจ้าหน้าที่อาวุโสระดับความมั่นคงแห่งชาติของเกาหลีใต้ 2 คน เกี่ยวกับข้อกังวลของสภาความมั่นคงแห่งชาติ เกี่ยวกับคำขอของสหรัฐฯ สำหรับการจัดหากระสุนให้ยูเครน โดยเจ้าหน้าที่กังวลว่า การจัดหากระสุนที่อเมริกาจะส่งให้ยูเครนนั้นจะเป็นการละเมิดนโยบายของเกาหลีใต้ที่จะไม่ให้ความช่วยเหลือที่เป็นอันตรายให้กับประเทศที่อยู่ในภาวะสงคราม โดยเจ้าหน้าที่คนหนึ่งของเกาหลีใต้แนะนำให้ขายกระสุนให้กับโปแลนด์แทน เพื่อหลีกเลี่้ยงการละเมิดนโยบาย”

การดักฟังโทรศัพท์ของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเกาหลีใต้นั้น เป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา ทำให้สื่อมวลชนในเกาหลีใต้ ตลอดจนสังคมในเกาหลีใต้ แสดงความไม่พอใจอย่างยิ่งที่อเมริกา ในฐานะพันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สุด กลับมาแอบดักฟังโทรศัพท์คนของตัวเอง

-รายงานข่าวกรองเกี่ยวกับอิสราเอลได้ก่อให้เกิดความไม่พอใจจากรัฐบาลอิสราเอล ซึ่งรายงานดังกล่าวจัดทำโดย CIA ระบุว่า หน่วยข่าวกรองหลักของอิสราเอล อย่างมอสสาด (Mossad) ได้สนับสนุนการประท้วงต่อต้านรัฐบาลใหม่ของนายกรัฐมนตรีเบนยามิน เนทันยาฮู


-จีนกำลังดำเนินการทดสอบขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิครุ่นใหม่ที่มีศักยภาพยิงได้ไกลถึง 2,100 กิโลเมตร ภายในระยะเวลา 12 นาที เท่านั้นเอง

ข้อที่หก อัตราการสูญเสียกองกำลังยูเครนต่อรัสเซีย คือ 4 ต่อ 1 หรือ 5 ต่อ 1 คือทหารยูเครนเสียชีวิต 4-5 คน ต่อทหารรัสเซียเสียชีวิต 1 คน แต่รายงานข่าวที่เป็นกลางและไม่เข้าข้างใคร ระบุว่า อัตราการสูญเสียของยูเครนต่อรัสเซียนั้น แท้ที่จริงแล้วมีประมาณ 7 ต่อ 1 คือทหารรัสเซียเสียชีวิต 1 คน ทหารยูเครนจะเสียชีวิตถึง 7 คน

ในประเด็นนี้ นายไมเคิล คอฟแมน ผู้อำนวยการฝ่ายรัสเซียศึกษา ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยที่เมืองอาร์ลิงตัน รัฐเวอร์จิเนีย กล่าวว่า หนึ่งในภาพเอกสารลับระบุว่า ในสถานการณ์รบ ทหารรัสเซียเสียชีวิตราวๆ 16,000 คน ถึง 17,500 คน ขณะซึ่งทหารยูเครนเสียชีวิตถึง 71,500 คน ข้อมูลดังกล่าวแตกต่างจากข้อมูลของกระทรวงกลาโหม และนักวิเคราะห์อื่นๆ เปิดเผยต่อสาธารณะ โดยอ้างว่ารัสเซียได้รับความเสียหายมากกว่ายูเครนมาก คือทหารรัสเซียเกือบ 2 แสนคน ที่เสียชีวิตหรือบาดเจ็บจากสงคราม

ขณะที่ พล.อ.มาร์ก มิลลีย์ ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วม เคยอ้างต่อสาธารณชนเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565 ว่า รัสเซียสูญทหารมากกว่า 1 แสนนาย

ข้อที่เจ็ด ยูเครนกำลังสูญเสียความสามารถในการป้องกันภัยทางอากาศในเดือนหน้า คือพฤษภาคม 2566 หรืออย่างช้าที่สุดคือเดือนมิถุนายน 2566

ขบวนการโกหกลวงโลกครั้งมโหฬารจากรัฐบาลสหรัฐฯ พันธมิตรนาโต และสื่อตะวันตกทั้งหมด


นายสก็อตต์ ริชเตอร์ อดีตนายทหารหน่วยข่าวกรอง นาวิกโยธินชาวอเมริกา ซึ่งเป็นคนที่พูดจาตรงไปตรงมามากที่สุดคนหนึ่งของอเมริกา เคยออกมาวิเคราะห์ล่วงหน้าไว้แล้วว่า “แท้จริงแล้วรัฐบาลอเมริกาไม่มีศักยภาพพอที่จะต่อสู้กับรัสเซียด้วยกองทัพภาคพื้นดินยาวๆ ในยุโรป


“ขณะนี้ยูเครนได้รับความช่วยเหลือจากตะวันตกทางด้านอาวุธจำนวนมาก และหลายๆ อย่างก็ดีๆ ทั้งนั้น แต่ทั้งหมดนี้ถูกรัสเซียถล่มเสียเละ ถ้าเปิดฉากรบกันจริงๆ ระหว่างกองทัพรัฐบาลอเมริกา พร้อมพันธมิตร กับกองทัพรัสเซีย กองทัพอเมริกาจะพ่ายแพ้อย่างยับเยินตามมา พวกเขากำลังหมดกระสุนปืน และเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ไม่มีอะไรจะหยุดยั้งรัสเซียได้”

ด้วยเหตุที่ทราบดีว่าสถานภาพของยูเครนกำลังง่อนแง่นเต็มที่ พร้อมจะแพ้สงครามได้ทุกเมื่อ กระทรวงกลาโหมจึงได้สอดแนมพันธมิตร แอบดักฟังโทรศัพท์พันธมิตรของศัตรู ดักฟังโทรศัพท์ทุกสาย และเนื้อหาที่อ่อนไหวอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับยูเครน จีน ตะวันออกกลาง และผู้ก่อการร้าย โดยเฉพาะเอกสารที่หลุดออกมานั้นได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับข้อเท็จจริงและแผนการทำสงครามของสหรัฐฯ ในยูเครน

สิ่งสำคัญที่สุดในการรั่วไหลครั้งนี้ของเอกสารลับทางความมั่นคงที่เกี่ยวกับสงครามในยูเครน ถือว่าเป็นการรั่วไหลของเอกสารครั้งใหญ่ที่สุดในรอบสิบปี ถัดจากการปล่อยเอกสารลับของทางอเมริกาโดยเอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน ปี 2556 และวิกิลีกส์ นำโดยนายจูเลียน อาสซานจ์ ปี 2549

ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ว่าใครเป็นผู้ปล่อยเอกสารให้หลุดออกมา แต่เป็นเนื้อหา และข้อเท็จจริงที่เปิดโปงความโกหกพกลม และความโกหกตอแหลของอเมริกา กระทรวงกลาโหมอเมริกา รวมไปถึงลิ่วล้อชาติตะวันตกทั้งหลาย รวมเบ็ดเสร็จถึงสื่อมวลชนตะวันตกเกือบทั้งหมด สื่อมวลชนไทย และคนไทยใจฝรั่งอีกจำนวนหนึ่งด้วย

เมื่อการเปิดเผยมหกรรมการโกหกกลายเป็นอาชญากรรมที่ร้ายแรง


พิธีกรคนหนึ่งของ FOX NEWS ที่มีชื่อเสียงมาก คือ นายทักเกอร์ คาร์ลสัน (Tucker Carlson) เป็นฝ่ายรีพับลิกัน อยู่ตรงข้ามพรรคเดโมแครตของโจ ไบเดน ได้พูดถึงเรื่องนี้ไว้อย่างน่าสนใจเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ในรายการ TUCKER CARLSON TONIGHT เป็นรายการของเขาเองผ่านทาง FOX NEWS เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2566 โดยคลิปเขาภายในระยะเวลา 5 วัน มีคนชม 2 ล้าน 6 แสนครั้ง คนกดไลก์กว่า 112,000 ครั้ง

ทักเกอร์ คาร์ลสัน บอกว่า
ประการที่หนึ่ง ช่วงระยะเวลา 14 เดือนที่ผ่านมา นับตั้งแต่สงครามในยูเครนปะทุขึ้นอย่างเป็นทางการในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 คนอเมริกาถูกกรอกหูว่าสงครามครั้งนี้ไม่ใช่สงครามตัวแทน แต่เป็นสงครามระหว่างฝ่ายธรรมะ (อเมริกา+ยูเครน) กับฝ่ายอธรรม (รัสเซีย) อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ ไม่ได้กำลังทำสงครามกับรัสเซีย สงครามครั้งนี้เป็นสงครามระหว่างยูเครน กับ รัสเซีย

ประการที่สอง คนอเมริกาได้ยินคำพูดกรอกหูมาตลอด 14 เดือน ว่า ยูเครนกำลังชนะสงครามครั้งนี้ โดยสุดท้ายแล้วชัยชนะจะตกเป็นของฝ่ายธรรมะ คือ อเมริกา นาโต และยูเครน อย่างแน่นอน

คนที่พูดกรอกหูชาวอเมริกาทุกวัน คือผู้ที่กุมอำนาจอยู่ในแกนกลางของอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นทำเนียบขาว คนอย่างเช่น นายจอห์น เคอร์บีย์ ซึ่งเป็นโฆษกประจำสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ หรือนายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

นายจอห์น เคอร์บีย์
ตลอดจนแม้กระทั่งนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีอเมริกา กระทรวงกลาโหมเช่นกัน ผู้นำพรรคการเมือง ทั้งพรรครีพับลิกัน เดโมแครต ซีอีโอต่างๆ เซเลบฯ ผู้มีชื่อเสียงจากหลายภาคส่วน ที่สำคัญ สื่อมวลชนทุกสาขาในสหรัฐอเมริกา

ประเด็นสำคัญก็คือ สิ่งที่ชาวสหรัฐฯ ได้ยินมาตลอดเกี่ยวกับสงครามในยูเครนนั้น ทักเกอร์ บอกว่า เป็นคำโกหกทั้งสิ้น

สาเหตุของมหกรรมคำโกหกเกี่ยวกับสงครามยูเครนได้ถูกเปิดโปงออกมา ก็เพราะเอกสารลับสุดยอดที่ถูกเปิดเผยออกมาโดยผ่าน จ่าโทแจ๊ก เทเซรา ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียนั่นเอง

ประเด็นสำคัญที่เอกสารเหล่านี้ชี้ให้เห็นก็คือ สงครามครั้งนี้ไม่ใช่สงครามยูเครน กับ รัสเซีย เอกสารนี้ชี้ให้เห็นว่า ที่อเมริกาอ้างว่าเป็นสงครามยูเครน กับ รัสเซีย นั้นไม่ใช่ แท้ที่จริงแล้วเป็นสงครามระหว่างอเมริกา กับ รัสเซีย นั่นเอง

“นี่ไม่ใช่สงครามของยูเครน แต่เป็นสงครามของเรา อเมริกากำลังสู้รบโดยตรงกับรัสเซีย ระหว่างที่ผมพูดถึงนี้ ทหารอเมริกันกำลังสู้รบกับทหารรัสเซีย จึงไม่ใช่ความขัดแย้งระดับภูมิภาค มันคือสงครามที่้เป็นรูปธรรมระหว่างมหาอำนาจนิวเคลียร์ 2 ชาติของโลก” พิธีกรชื่อดังของ FOX NEWS กล่าว และว่า อย่างไรก็ตาม การทำสงครามครั้งนี้กลับไม่ได้ถูกประกาศอย่างเป็นทางการ หรือรับรองจากรัฐสภาสหรัฐฯ เพราะฉะนั้นแล้วการทำสงครามในยูเครนครั้งนี้จึงผิดกฎหมายอเมริกา และเป็นการก่ออาชญากรรมอย่างชัดเจน

ประการต่อมา สิ่งที่ชาวอเมริกาได้รับการเบิกเนตรจากเอกสารลับสุดยอดเหล่านี้ คือ ยูเครนกำลังแพ้สงคราม ยูเครนสูญเสียทหาร 7 นาย ต่อรัสเซียสูญเสียทหาร 1 นาย นอกจากนี้ ศักยภาพในการป้องกันภัยทางอากาศก็ถดถอยอย่างรวดเร็ว อันหมายความว่า ยูเครนกำลังพ่ายแพ้ต่อสงคราม


“รัฐบาลไบเดนรู้เรื่องนี้ดี และตื่นตระหนกกับสถานการณ์ แต่พวกเขาโกหก บิดเบือนข้อเท็จจริงต่อสาธารณะ สองสัปดาห์ก่อน พล.อ.ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เพิ่งจะบอกกับวุฒิสภาสหรัฐฯ ว่ากำลังรบของรัสเซียถดถอยลง แปลได้ว่ารัสเซียกำลังจะแพ้สงคราม ตอน ลอยด์ ออสติน พูดเรื่องนี้ เขารู้ว่าเขากำลังโกหกอยู่ โกหกแท้ๆ รู้อยู่แล้ว และเขาก็พูดมันซ้ำแล้วซ้ำอีกต่อหน้าสมาชิกรัฐสภา นี่เป็นการกระทำความผิด การก่ออาชญากรรมอีกกระทงหนึ่ง


“แต่กลับกลายเป็นว่าผู้ถูกจับกุมกลับกลายเป็นนายทหารหนุ่มวัย 21 ปี จากกองกำลังรักษาดินแดนทางอากาศ แมนซาชูเซตส์ ผู้ที่เอาเอกสารมาระบุว่า ลอยด์ ออสติน กำลังโกหกออกมาเผยแพร่


“เขา กำลังเปิดโปงอาชญากรรม ดังนั้นเขาเลยกลายเป็นอาชญากร การพูดความจริงกลายเป็นการทำบาป และนี่คือสิ่งที่กรุงวอชิงตันกำลังกระทำอยู่” นายทักเกอร์ คาร์ลสัน พูดอย่างตรงไปตรงมา

อัดสื่ออเมริกัน ช่วยรัฐบาลสหรัฐฯ โกหก ลวงโลก

นายทักเกอร์ คาร์ลสัน กล่าวต่อว่า สิ่งที่น่าตกใจไปกว่านี้คือพฤติกรรมอันน่ารังเกียจของสื่ออเมริกาทั้งหลาย ที่มีสิทธิและฐานันดรพิเศษในการรับการปกป้องจากรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ในการเผยแพร่ความจริง แต่กลับกลายเป็นว่าจากกรณีนี้ สื่ออเมริกากำลังรับงานของรัฐบาลอเมริกามา ช่วยรัฐบาลโกหก ออกมาไชโยโห่ร้องกับการจับกุมนายแจ๊ก เทเซรา ที่เอาข้อมูลข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสงครามยูเครนมาเปิดเผย


ทั้งนี้ วอลล์สตรีทเจอร์นัล เปิดเผยรายงานด้วยว่า ข้อมูลจากคนใกล้ชิดยืนยันว่า แจ๊ก เทเซรา ไม่ใช่สายลับรัสเซีย หรือไม่ได้มีแนวความคิดที่โปรรัสเซียแต่อย่างใด

ประเด็นที่ทุกคนต้องโฟกัสในเรื่องนี้ ซึ่งก็เหมือนกรณีการเปิดโปงของนายซีมัวร์ เฮิร์ช นักข่าวอาวุโสวัย 85 ปี ระดับเจ้าของพูลิตเซอร์ไพรส์ ซึ่งเป็นตำนานในเรื่องของการทำข่าวเจาะ กรณีที่สหรัฐฯ ใช้หน่วยสืบราชการลับจับมือกับหลายชาติกลุ่มสแกนดิเนเวีย ระเบิดท่อก๊าซนอร์ดสตรีม 1 และ 2 เพื่อมิให้เยอรมนีและชาติยุโรปอื่นๆ สามารถจะซื้อก๊าซจากรัสเซียมาใช้ได้ต่อไปอีก การกระทำดังกล่าวของ CIA และรัฐบาลสหรัฐฯ นั้น จริงๆ แล้วถือว่าเป็นการก่อการร้าย และก่ออาชญากรรมระหว่างประเทศ

นายซีมัวร์ เฮิร์ช
แม้จะเป็นข่าวเจาะ เป็นข้อมูลที่นำเสนอโดยนายซีมัวร์ เฮิร์ช นักข่าวเจาะระดับปรมาจารย์ของอเมริกาเอง แต่สื่ออเมริกาไม่ยอมพูดถึงเรื่องนี้เลยแม้แต่นิดเดียว

สหรัฐอเมริกานั้นไว้ใจไม่ได้ เอกอัครราชทูตอเมริกา หรืออุปทูต ซึ่งจริงๆ แล้วอีกสถานภาพหนึ่งคือเป็นหัวหน้า CIA ประจำประเทศนั้น ประมุข ประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี บุคคลสำคัญในประเทศต่างๆ ล้วนแล้วแต่ถูกสหรัฐฯ สอดแนม แอบดักฟังโทรศัพท์ด้วยกันทั้งสิ้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาติพันธมิตรทั้งหลาย แม้กระทั่งนางอังเกลา แมร์เคิล อดีตผู้นำหญิงเหล็กของเยอรมนี ก็ยังเคยถูกสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติอเมริกา (NSA) สอดแนม ดักฟังโทรศัพท์ เป็นเวลาสิบกว่าปี


จากเหตุการณ์เอกสารลับสุดยอดของเพนตากอนหลุดครั้งนี้ ได้พิสูจน์ให้เห็นชัดถึงข้อเท็จจริงดังกล่าว

ส่วนนักการทูตหลายประเทศเปิดเผยกับ CNN ว่า รู้สึกตกใจและหงุดหงิดที่ข้อมูลดังกล่าวถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ เขาพูดว่า “เราคาดการณ์ว่าสหรัฐฯ จะแบ่งปันการประเมินความเสียหายแก่เราในไม่กี่วันข้างหน้า แต่เราไม่สามารถจะรอการประเมินของพวกเขาได้ ตอนนี้เรากำลังดำเนินการประเมินความเสียหายของเราเอง” นี่คือคำพูดของเจ้าหน้าที่จากประเทศที่เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงแบ่งปันข่าวกรองของกลุ่ม FIVE EYES ซึ่งประกอบด้วย อเมริกา ออสเตรเลีย แคนาดา นิวซีแลนด์ และ อังกฤษ

กรณีเอกสารข้อมูลลับสุดยอดเกี่ยวกับสงครามยูเครนที่หลุดออกมาจากเพนตากอน กระทรวงกลาโหมอเมริกานี้ ยังมีคำถามที่น่าสนใจอีกคำถามหนึ่ง ซึ่งอาจจะมองว่ามเป็นทฤษฎีสมคบคิด หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Conspiracy Theory ก็ได้


เพราะเวลานี้ได้เริ่มมีการพูดกันถึงในสื่อกระแสรองของอเมริกากันแล้วว่า พวกเขาตั้งข้อสังเกตว่า พลกำลังสำรอง หรือ National Guard หรือพูดตรงๆ ก็คือหน่วยรักษาดินแดน หรือ รด. ของเรา อายุแค่ 21 ปี เขาได้เอกสารลับสุดยอดนี้มาได้อย่างไร ? อายุแค่ 21 ปี

มีความเป็นไปได้ว่าเป็นคนในกองทัพสหรัฐฯ ไม่พอใจมากที่อเมริกาถลำลึกลงไปในสงครามยูเครน ก็เลยวางยารัฐบาลนายโจ ไบเดน แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ พล.อ.ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ

วางยาเลย เพราะรู้สึกว่าอเมริกากำลังเพลี่ยงพล้ำและถลำลึกลงไปเรื่อย ลึกลงไปเรื่อย จึงใช้นายเทเซรา ทหารอากาศรักษาดินแดน รด. อายุ 21 ปี เป็นจุดที่จะปล่อยข้อมูลไป หรือการปล่อยข้อมูลข้อเท็จจริงเหล่านี้อาจจะเป็นการปูทางให้คนอเมริกันเตรียมตัวเตรียมใจสำหรับการประกาศถอนตัวของอเมริกาจากสงครามในยูเครน ซึ่งสุดท้ายแล้วยูเครนไม่มีวันชนะรัสเซียได้อย่างแน่นอน

“สื่อไทยใจฝรั่ง” เครื่องมือขยายเสียงและคำโกหกของสื่อตะวันตก

“ที่ผ่านมานั้น ถ้าท่านผู้ชมดูรายการผมมาตลอด ผมจะเตือนแล้วเตือนอีก พูดแล้วพูดอีก โดยเฉพาะสื่อไทยเกือบทั้งหมดที่สักแต่จะแปลข่าวต่างประเทศ อ่านข่าวภาษาอังกฤษมาแล้วก็แปลเป็นไทย ไม่ได้มีการผ่านเซลล์สมอง หรือรับข้อมูลด้านอื่น คัดกรอง ขบคิด ใช้เหตุใช้ผลวิเคราะห์ แยกแยะข้อมูลข้อเท็จจริงเลยว่าสิ่งที่รัฐบาลอเมริกา หรืออียู และสื่อตะวันตกเผยแพร่ออกมานั้นเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องโกหก” นายสนธิ กล่าว

นายสนธิ ได้ยกตัวอย่างของสื่อไทยที่ตกเป็นเครื่องมือของสำนักข่าวต่างประเทศทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น CNN, CNBC, รอยเตอร์, AP, AFP, BBC, บลูมเบิร์ก หรือแม้กระทั่งหนังสือพิมพ์อย่างเช่นวอชิงตันโพสต์ หรือนิวยอร์กไทมส์ วอลล์สตรีทเจอร์นัล


ตัวอย่าง คนที่เชียร์อเมริกาเต็มๆ สุดๆ และเกลียดรัสเซียเป็นขี้เลยก็คือ Voice TV รายการ Wake Up Thailand ทางช่อง Voice TV ออกอากาศวันที่ 2 มีนาคม 2565 เขาระบุว่า "รัสเซียแพ้สงครามชัวร์!"

ส่วนสื่อ Workpoint Today ซึ่งสัมภาษณ์ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งอาจจะเห็นว่าเป็นถึงปลัดกระทรวงกลาโหม น่าจะรู้เรื่องทหารดี แต่หารู้ไม่ว่า พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก นั้นก็ใช้คอนเซปต์ของการอ่านข่าวต่างประเทศเช่นกัน


“คุณนิพัทธ์ ทองเล็ก พูดเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2566 อ้างว่าทุกวันนี้นาโตรวมตัวเป็นเอกภาพที่สุด คุณนิพัทธ์ครับ คุณไปดูนาโตจริงๆ ก็แล้วกัน แตกแยกกันฉิบหายเลยตอนนี้ ฝรั่งเศสไปทางหนึ่ง ฮังการีไปอีกทางหนึ่ง ออสเตรียไม่ยุ่งกับใคร เยอรมนีประชาชนออกมาประท้วง ฝรั่งเศสประชาชนออกมาประท้วงนโยบายของมาครง อังกฤษก็จะพังทลายอยู่แล้วทุกวันนี้ เป็นเอกภาพอะไรครับท่านนิพัทธ์ ทองเล็ก ผมไม่ได้เรียน จปร. เหมือนท่านนะ แต่ผมเป็นนักประวัติศาสตร์ และผมรู้จักใช้สมองคิด


“ท่านบอกว่า เพื่อช่วยเหลือยูเครนสู้รบกับรัสเซีย เป็นสัญญาณว่าชาติตะวันตกกำลังกลัวการขยายอิทธิพลของรัสเซีย หรือมั่นใจว่าหากสนับสนุนยูเครนเต็มที่ อาจจะทำให้รัสเซียถึงการล่มสลายเพราะแพ้สงครามยูเครนได้


“ท่านนิพัทธ์ครับ ประเทศรัสเซียมีประวัติศาสตร์มาตั้งนาน เป็นประเทศที่มีพลังงาน มีทรัพยากร มีก๊าซธรรมชาติ มีน้ำมันส่งออกอันดับ 2 อันดับ 3 ของโลก มีสินค้าธัญพืช มีวัตถุดิบบนพื้นดิน จะลบประเทศรัสเซียออกจากแผนที่โลกได้อย่างไร ท่านคิดผิดคิดใหม่ได้ เสียดายท่านเป็นถึงปลัดกระทรวงกลาโหม” นายสนธิ กล่าว


นายสนธิ กล่าวต่อว่า แม้กระทั่งชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ออกมาว่า รัสเซียประเมินยูเครนต่ำไป เหมือนที่อเมริกาแพ้สงครามเวียดนามในช่วงทศวรรษที่ 1970


“ชาญวิทย์ เกษตรศิริ ผมก็เสียใจ เป็นถึงนักประวัติศาสตร์ คุณเป็นนักประวัติศาสตรืเหมือนผม คุณต้องรู้สิ ที่มาที่ไปของสงครามยูเครน กับ รัสเซีย มันเกิดขึ้นเพราะอะไร คุณต้องไปดูเหตุของการเกิด เมื่อคุณดูและคุณทำความเข้าใจ คุณไม่มีอคติมากนัก คุณจะเห็นว่ารัสเซียถูกบีบโดยกลุ่มนาโตใช้ยูเครนเป็นเบี้ยในการที่จะรุกรัสเซีย และรัสเซียก็เตือนแล้วเตือนอีก เตือนมาตั้งแต่ปี 2014 เตือนมาไม่ต่ำกว่าสิบครั้งว่าอย่านะๆๆๆ อย่าเอายูเครนเข้านาโตนะ อย่าเอาขีปนาวุธ เอานาโต มาชิดพรมแดนรัสเซีย ไม่มีใครฟัง รัสเซียก็เลยจำเป็นต้องมีปฏิบัติการทางทหารพิเศษเพื่อป้องกันตัวเอง” นายสนธิ กล่าว

นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ
อีกคนหนึ่งคืออดีตทูต ชื่อ นายรัศม์ ชาลีจันทร์ อดีตเอกอัครราชทูตไทย ที่มีเพจของท่านชื่อว่า ทูตนอกแถว ออกมาให้สัมภาษณ์ ดำน้ำเชียร์ฝรั่งแบบไม่ลืมหูลืมตา บอกว่ารัสเซียแพ้แล้ว เหลือแต่อาวุธนิวเคลียร์

เมื่อวันที่ 5 เมษายน ที่ผ่านมา นายรัศม์ ชาลีจันทร์ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กตัวเองว่า "มาบัดนี้รัสเซียพ่ายยับทุกสนาม" และบอกว่า สำหรับคนที่ติดตามด้านการต่างประเทศ เมื่อวานนี้มีข่าวใหญ่ที่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าดุลย์ความมั่นคงทั้งในยุโรปและของโลกเลยทีเดียว และนับเป็นความพ่ายแพ้อย่างย่อยยับของรัสเซีย ทั้งในแง่ทางการทูตและยุทธศาสตร์ความมั่นคง ซึ่งก็คือการที่ฟินแลนด์ได้เข้าเป็นสมาชิกล่าสุดขององค์การนาโต้ ในลำดับที่ 31


“ท่านทูตครับ ฟินแลนด์นี่ไม่มีความหมายเลยสำหรับรัสเซีย สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ฟินแลนด์เข้าข้างเยอรมนี ฮิตเลอร์ โดนรัสเซียฟาดเสียจนเสียผู้เสียคนเลย สิ่งที่ฟินแลนด์ได้วันนี้คือเข้านาโต้ แล้วยังไง ? รัสเซียไม่ได้ทำอะไรเลย ก็แค่ย้ายกองกำลังอาวุธนิวเคลียร์มาติดพรมแดนฟินแลนด์ จากสมัยก่อนไม่มีอาวุธนิวเคลียร์เลยแม้แต่นิดเดียว วันนี้คนฟินแลนด์ต้องกินไม่ได้นอนไม่หลับ เพราะว่ามีอาวุธนิวเคลียร์ที่อยู่ติดพรมแดนฟินแลนด์มา ก็ด้วยเหตุของฟินแลนด์เข้านาโตไง เข้านาโตแล้วยังไง ท่านทูต ?


“แล้ววันนี้ท่านทูต ถ้าท่านเห็นเอกสารลับเพนตากอนแล้ว ท่านอายบ้างหรือเปล่า ว่าลึกๆ แล้วกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหมอเมริกานั้น ฝ่ายวิเคราะห์ข่าวกรองและความลับ ทั้ง CIA และสภาความมั่นคง พูดชัดเจนว่ายูเครนแพ้แล้ว ท่านทูตครับ ท่านไปเอาข้อมูลมาจากไหน ขอประทานโทษ อย่าโกรธผมนะ ท่านนี่เลอะเทอะฉิบหายเลย” นายสนธิ กล่าว


นอกจากนี้ ยังมี PPTV ข่าว Mission News นายแจ๊ค ถิราติ "รัสเซียอาจแพ้สงครามในยูเครนแล้วก็เป็นได้ ?"
ข่าว PPTV "รัสเซียอาจแพ้สงคราม"
ข่าวไทยพีบีเอส "อดีตนักการทูตอังกฤษเชื่อรัสเซียแพ้สงครามในยูเครน"
ข่าวแปลจากเว็บไซต์ The Matter "ปูตินแพ้สงครามนี้ไปแล้ว" สรุปข้อเขียนของ Yuval Noah Harari ว่าด้วยสงครามรัสเซีย-ยูเครน






แต่สุดท้ายความลับไม่มีในโลก ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว เมื่อมีเอกสารลับสุดยอดรั่วไหลออกมาสู่สายตาชาวโลก ชี้ให้เห็นว่ากระบวนการของรัฐบาล ข้าราชการ นักวิชาการไทย ฝ่ายความมั่นคง สื่อมวลชนคนไหนที่ซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพบ้าง คนไหนที่ตกเป็นเครื่องมือในการเผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อ Propaganda ของอเมริกาและชาติตะวันตกในการทำสงครามข่าวสาร เผยแพร่คำโกหก ก่อสงคราม ทำลายความมั่นคงไปทั่วโลก

ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์
“ท่านผู้ชมครับ ขอประทานโทษ จำเป็นจะต้องพูดเอ่ยชื่อหลายๆ ท่าน Voice TV โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ ตัวดีเลย เชียร์อเมริกาอย่างไม่ลืมหูลืมตา วันนี้ผมขออนุญาตใช้ภาษาญี่ปุ่นนะ คงจะถึงขั้น ซาโตริ ได้แล้วมั้ง


“ท่านอาจจะเข้าใจ หรืออาจจะไม่เข้าใจ เพราะจงใจไม่อยากจะเข้าใจ แต่วันนี้สิ่งที่ท่านพูดออกมาเรื่องรัสเซียพ่ายแพ้แล้ว ทุกอย่าง เดินตามรอยข่าวตะวันตก สื่อตะวันตกผายลมออกมา ท่านก็สูดเข้าไปแล้วท่านก็บอกว่า แหม หอมจัง ผมไม่มีอะไรจะพูดว่าท่านอีกต่อไปแล้ว ผมคิดว่าผมได้พูดในสิ่งที่ผมต้องการจะพูด” นายสนธิกล่าว




กำลังโหลดความคิดเห็น