พบบางธนาคารเริ่มเตรียมความพร้อมป้องกันภัยทุจริตทางการเงิน โดยเฉพาะการโอนเงินไปยังบุคคลอื่นตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป และมูลค่ารวมของธุรกรรมโอนเงินทุก ๆ 200,000 บาทภายใน 1 วัน เร็วๆ นี้ จะต้องสแกนใบหน้า พร้อมเชิญชวนลูกค้านำบัตรประชาชนไปอัปเดตข้อมูลและถ่ายรูปใบหน้าที่สาขา
วันนี้ (21 เม.ย.) รายงานข่าวแจ้งว่า ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินของรัฐหลายแห่งเริ่มเตรียมความพร้อมในการออกมาตรการป้องกันภัยทุจริตทางการเงิน เช่น SMS หลอกลวง แก๊งคอลเซ็นเตอร์ แอปพลิเคชันให้สินเชื่อปลอม และแอปพลิเคชันดูดเงิน โดยเฉพาะการปรับปรุงระบบรักษาความปลอดภัยบริการธนาคารบนโทรศัพท์มือถือ หรือโมบายแบงกิ้ง (Mobile Banking) ให้ลูกค้ายืนยันตัวตนด้วยเทคโนโลยีชีวมิติ หรือ ไบโอเมตริกซ์ (Biometrics) เป็นอย่างน้อย เมื่อเปิดบัญชีแบบไม่ได้ผ่านเจ้าหน้าที่บริการลูกค้า (non-face-to-face) เปลี่ยนวงเงิน หรือโอนเงินจำนวนมาก ตามมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งมีแผนจะแล้วเสร็จทุกแห่งในเดือน มิ.ย. 2566
โดยธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สถาบันการเงินในกลุ่มเอสซีบี เอกซ์ ประกาศเตรียมความพร้อมสำหรับการยืนยันตัวตนด้วยใบหน้า เมื่อทำธุรกรรมดังต่อไปนี้ผ่านแอป SCB EASY ได้แก่ 1. โอนเงินไปยังบุคคลอื่นตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไปต่อครั้ง 2. มูลค่ารวมของธุรกรรมโอนเงินทุก ๆ 200,000 บาท ภายใน 1 วัน และ 3. ปรับเพิ่มวงเงินให้โอนได้ตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป กรุณานำบัตรประชาชนไปอัปเดตข้อมูลของท่านให้เป็นปัจจุบันและถ่ายรูปใบหน้าได้ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ทุกสาขาทั่วประเทศ ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ด้านธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ประกาศว่า ได้ยกระดับความปลอดภัยในการใช้งานแอปพลิเคชัน Bangkok Bank Mobile Banking ได้แก่ 1. จำกัดการใช้งานแอป 1 อุปกรณ์/ท่าน เท่านั้น 2. บล็อกการเข้าถึงแอปจากระยะไกล (Remote access) กรณีลูกค้ามีการเปิดการใช้งาน การช่วยเหลือการเข้าถึง (Accessibility) ลูกค้าจะไม่สามารถเข้าใช้งานแอปได้ จนกว่าจะปิดการใช้งาน Accessibility ที่ “การตั้งค่า” (Settings) ของตัวเครื่องโทรศัพท์มือถือ 3. ลดวงเงินตั้งต้น สำหรับธุรกรรม โอน / จ่าย / เติม จากเดิม 200,000 บาท/วัน เป็น 50,000 บาท/วัน เพื่อลดความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น โดยลูกค้าสามารถปรับเพิ่มวงเงินโอน / จ่าย /เติม ได้เอง ผ่านแอปฯ ซึ่งจะมีผลเฉพาะกับลูกค้าที่ไม่เคยปรับวงเงินเท่านั้น ลูกค้าที่เคยปรับวงเงินจะไม่ได้รับผลกระทบและยังสามารถใช้วงเงินเดิมที่ตั้งไว้
4. เพิ่มการยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าในการทำธุรกรรมผ่านโมบายแบงก์กิ้ง โดยเริ่มมีผลตั้งแต่พฤษภาคม 2566 ในธุรกรรมรายการโอนเงินไปยังบุคคลอื่นผ่านเลขที่บัญชี/พร้อมเพย์/สแกนคิวอาร์ หรือ เติมเงินพร้อมเพย์/G-Wallet ที่เข้าเงื่อนไข ได้แก่ รายการที่มียอดเงินตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป รายการที่ทำให้ยอดสะสมต่อวัน ครบทุก 200,000 บาท และการปรับเพิ่มวงเงินโอน / จ่ายเงิน ผ่านแอปฯ ทั้งนี้ เพื่อให้ลูกค้าสามารถยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าได้อย่างสมบูรณ์ กรุณานำบัตรประจำตัวประชาชนไปอัปเดตข้อมูลให้เป็นปัจจุบันและถ่ายภาพใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตนได้ที่ธนาคารกรุงเทพ ทุกสาขาทั่วประเทศ
รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ได้ส่ง SMS แจ้งเตือนลูกค้าที่ใช้งานแอปพลิเคชัน Bangkok Bank Mobile Banking มากกว่า 1 เครื่อง ระบุว่า "เพื่อความปลอดภัยในการใช้งานโมบายแบงกิ้ง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปท่านสามารถใช้งานผ่านอุปกรณ์ได้เพียงเครื่องเดียว โปรดเข้าใช้งานในอุปกรณ์ที่ท่านต้องการเท่านั้น ทั้งนี้ ธนาคารจะลบอุปกรณ์อื่นโดยเหลือไว้เพียงอุปกรณ์ที่ท่านเข้าใช้งานล่าสุด" นับเป็นธนาคารรายล่าสุดที่ออกมาตรการนี้ หลังจากหลายธนาคารจำกัดการใช้งานผ่านอุปกรณ์ได้เพียงเครื่องเดียวเท่านั้นมานานแล้ว