จากความสนใจในเรื่องราวของยานยนต์และความเร็ว นั่นจึงทำให้ “ปภาวิน เหล่าอารยะ” หรือ ‘น้องวิน’ นักเรียนจากโรงเรียนนานาชาติรีเจ้นท์กรุงเทพฯ ตัดสินใจที่จะเดินหน้าเข้าสู่แวดวงดังกล่าว ผ่านการเป็นนักแข่งโกคาร์ทตั้งแต่อายุ 8 ขวบ โดยมีคุณแม่สิริกาญจน์ เหล่าอารยะ และครอบครัว ให้การสนับสนุนความสนใจของลูกชายของบ้านคนนี้
มาจนกระทั่งปัจจุบันนี้ เป็นเวลากว่า 2 ปี ‘น้องวิน‘ เดินหน้ากวาดถ้วยรางวัลอย่างต่อเนื่องในการแข่งขันระดับประเทศ จนได้รับเลือกให้เป็นนักกีฬาดาวรุ่งประจำปีล่าสุด และกำลังเตรียมตัวเข้าแข่งขันในระดับนานาชาติเป็นครั้งแรกในเร็วๆ นี้ ซึ่งนับได้ว่า แวดวงยานยนต์โกคาร์ทของเมืองไทยในเวลานี้นั้น เตรียมตัวให้เขาเป็นดาวรุ่งความหวังใหม่ของทั้งวงการและประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
จุดเริ่มต้นในการสนใจโกคาร์ทของน้องวินมาจากอะไรครับ
ปภาวิน : น่าจะมาจากเรื่องของความชื่นชอบทั้งในเรื่องรถยนต์ และเรื่องระบบการทำงานของเครื่องยนต์ครับ คือตอนเด็กๆ ผมสามารถบอกรุ่นของของรถต่างๆ ได้ รวมถึงวาดรูปภาพองค์ประกอบต่างๆ จากที่กล่าวมา อีกทั้งยังฟังแยกเสียงของเครื่องยนต์ได้ ซึ่งพอสนใจในความชอบดังกล่าวนี้แล้ว ก็เริ่มสนใจในเรื่องของการขับรถต่อ เพราะว่ามีความชอบในเรื่องของความเร็วต่อด้วย ผมมีความใฝ่ฝันอยากที่จะขับรถแข่งเอฟวัน แต่ความเป็นไปได้ของการขับรถของเด็กนั้น ก็ควรเริ่มมาจากรถโกคาร์ทก่อน ประกอบกับทางคุณพ่อคุณแม่ ได้เห็นการประกาศโครงการโตโยต้า-ทรู และสิงห์คาร์ทคัฟ จึงได้แนะนำให้ผมลองมาร่วมโครงการนี้ จนทำให้เริ่มลงแข่งขันในรายการดังกล่าว และประสบความสำเร็จในทุกรายการที่ลงแข่ง รวมถึงการเป็นแชมป์ประจำปี 2020 รายการสิงห์คาร์ทคัพ บาย คิมิ ไรโคเนน ด้วยครับ
พอรู้ว่าทางน้องวินเริ่มสนใจในด้านนี้แล้ว ทางคุณแม่ทำยังไงต่อครับ
สิริกาญจน์ : เราก็เริ่มคุยกับทางคุณพ่อ ว่าเคยเห็นมีโครงการของทรู เลยตัดสินใจส่งน้องมาฝึกซ้อมในโครงการนี้ดู ก็จะมีการแข่งจับเวลา ตอนแรกเราก็ไม่คิดนะคะ ว่าลูกจะทำได้เพราะน้องเขาไม่เคยขับรถมาก่อนเลย ต้องบอกก่อนว่าในช่วงนั้นแทบไม่ได้ฝึกฝนเลย เพราะว่ามันอยู่ในช่วงโควิดกำลังระบาด แล้วสนามต่างๆ ก็ปิด เพราะตามมาตรการป้องกันในตอนนั้น เรียกว่าน้องเขาแทบจะไม่ค่อยได้ฝึกเลย แต่เรารู้สึกว่าน้องมีทักษะในตัวเอง อันนี้ถือว่าน้องมีความสามารถในตัวเองที่แฝงอยู่ ก็เพิ่งจะทราบจากการที่น้องได้มีโอกาสร่วมโครงการค่ะ
หลังจากนั้นเริ่มต้นทำการฝึกฝนอย่างไรต่อครับ
ปภาวิน : ช่วงที่เริ่มหัดขับรถโกคาร์ทในตอนแรก ก็ตามที่คุณแม่บอกเลยครับว่า ยังมีการระบาดของโรคโควิด-19 อยู่ เพราะสนามที่ใช้ในการซ้อมต้องปิดชั่วคราวไป จึงทำให้เรื่องการซ้อมก็ถือได้ว่าเป็นข้อจำกัดมาก ก็ต้องรอจนถึงช่วงที่ผ่อนคลาย จึงได้มีโอกาสซ้อมบ้างครับ
สิริกาญจน์ : อย่างเรื่องในการซ้อมขับรถนั้น ถ้าเป็นในกรุงเทพฯ เราก็ไปซ้อม 2 ที่ คือที่ EasyKart ตรงอาร์ซีเอ หรือในบางครั้งก็ไปฝึกซ้อมที่สนามเมืองทองบ้าง แต่ถ้าเป็นช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ หรือ เป็นช่วงที่มีมาตรการที่ผ่อนคลายแล้ว เราก็ไปฝึกซ้อมที่สนามพีระเซอร์กิต ซึ่งในที่หลังสุดก็จะเป็นการฝึกซ้อมกับรถ 2 จังหวะ
โดยในแต่ละวันก็ถือว่ามีการฝึกซ้อมที่เยอะมาก ซ้อมตั้งแต่ 8 โมงเช้าจนถึง 5 โมงเย็นเลยในทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ค่ะ อาจจะเป็นเพราะว่าอย่างสนามแข่งรถที่เด่นที่สุดในเมืองไทยก็คือสนามพีระเซอร์กิต มันเลยเหมือนกับเป็นที่เดียวที่สามารถซ้อมได้ สำหรับการซ้อมรถ 2 จังหวะนะคะ ที่ใช้แข่งในระดับสากล
พอได้ลงแข่งสร้างประสบการณ์มากขึ้น เริ่มมีความรู้สึกว่าการขับของเราเป็นอย่างไรบ้าง
ปภาวิน : เริ่มได้เรียนรู้ว่ากีฬาโกคาร์ทเป็นกีฬาที่ต้องใช้ทีมเวิร์คอีกประเภทหนึ่งเหมือนกันครับ เพราะนอกจากที่ตัวเราจะต้องมีทักษะในการขับให้เก่งในระดับหนึ่งแล้ว ทางทีมช่างและเครื่องยนต์ของรถก็มีความสำคัญเช่นกัน เราต้องสามารถสื่อสารกับทีมช่างได้ว่ารถและเครื่องยนต์ในการแข่งแต่ละครั้งเป็นยังไง ต้องมีการปรับรถยังไง เครื่องยนต์ทำงานสมบูรณ์หรือเปล่า อีกทั้งเรายังได้เรียนรู้ในเรื่องการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ในเวลาที่แข่งในแต่ละสนาม และปัญหาอื่นๆ ด้วย เพราะหากมีปัจจัยใดที่เปลี่ยนไป ก็จะทำให้การขับขี่ก็ต้องเปลี่ยนไปด้วยเช่นกันครับ
ยังมีจุดไหนบ้างที่ต้องปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมมั้ยครับ
ปภาวิน : น่าจะเป็นเรื่องของความนิ่ง และ ความเป็นหนึ่งเดียวกับตัวรถครับ คือการเป็นนักขับนั้น เราจะต้องสามารถบังคับควบคุมรถ ให้เหมือนกับเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย ซึ่งโดยส่วนตัวของผมเอง ก็ยังถือว่าเป็นความยากอยู่ เพราะการขับรถให้เร็วและขับให้ดีนั้น อาจจะทำการฝึกฝนกันได้ แต่ถ้าเป็นความนิ่งและความเป็นหนึ่งเดียวกับรถนั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก และผมก็ต้องการไปให้ถึง ณ จุดนั้นให้ได้ด้วยครับ เลยทำให้การฝึกซ้อมในช่วงนี้ จึงปรับจากความคิดในเรื่องของความเคยชิน ให้เป็นเรื่องทำความเข้าใจในเรื่องของรถและเรื่องของสภาพของรถแต่ละคันครับ
ความคาดหวังต่อไปในอนาคตข้างหน้า กับการเป็นนักกีฬาโกคาร์ทครับ
ปภาวิน : ถ้าในเรื่องของความเป็นไปได้ โดยส่วนตัวผมก็อยากจะมีโอกาสในการเป็นนักแข่งรถเอฟวันน่ะครับ แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีเป้าหมายอีกอย่างหนึ่ง ด้วยความที่รถทุกแบบของแต่ละแบรนด์ มันมีความน่าสนใจและจุดเด่นเฉพาะที่แตกต่างกัน ผมก็อยากจะเป็นนักรีวิวรถรุ่นต่างๆ ด้วยครับ ก็อยากจะใช้ประสบการณ์ส่วนตัว มาใช้ในการรีวิวรถรุ่นต่างๆ ผ่านมุมมองของการเป็นนักแข่งรถของตัวเอง รวมถึงก็อยากจะมีโอกาสในการร่วมทีมในเรื่องของการออกแบบสนามแข่ง เพื่อให้มีความสนุกท้าทายในแบบของนักแข่งด้วยครับ
ฝากพูดถึงการได้รับรางวัลครั้งนี้หน่อยครับ
ปภาวิน : สำหรับการได้รับรางวัลในครั้งล่าสุดที่ผ่านมา รวมถึงการแข่งขันทุกรายการก่อนหน้านี้ ผมก็รู้สึกทั้งดีใจและภูมิใจครับ เหมือนว่าได้ประสบความสำเร็จอีกครั้งหนึ่ง และได้ทำให้คุณพ่อคุณแม่และผู้สนีบสนุนผมทุกๆ ท่านได้ภูมิใจด้วยเช่นกัน ผมอยากจะขอขอบคุณ คุณพ่อ คุณแม่ที่สนับสนุนผมมาตลอด และขอขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีที่สนับสนุนผมทุกท่าน รวมทั้ง โรงเรียนนานาชาติรีเจ้นท์ กรุงเทพ ด้วยครับ
เรื่อง : สรวัจน์ ศิลปโรจนพาณิช
ภาพ : สิริกาญจน์ เหล่าอารยะ