เพจ "Working Along" อ้างอิงงานวิจัยของประเทศญี่ปุ่น เกี่ยวกับ “การเกิดใหม่ข้ามประเทศ” เผยเด็กน้อยวัย 5 ขวบจำอดีตชาติได้ ระบุเคยเป็นตำรวจไทยเมื่อ 120 ปีที่แล้ว ยุค พลตำรวจเอก เผ่า ศรียานนท์ ชี้ไม่ชอบคนนี้ "คนนี้ชอบแกล้งตำรวจ"
เมื่อวันที่ 18 เม.ย. เพจ "Working Along" ได้ออกมาโพสต์ข้อความเล่าถึงเรื่องราวที่ยากจะเชื่อ โดยได้อ้างงานวิจัยของ "การเกิดใหม่ข้ามประเทศ" ซึ่งเป็นเรื่องราวของเด็กญี่ปุ่นรายหนึ่งเผยเรื่องราวในอดีตชาติว่าเป็นตำรวจไทยในยุคสมัย พ.ศ. 2444 หรือ 120 ปีที่แล้ว โดยได้ระบุข้อความว่า
"สวัสดีทุกคน วันก่อนเราไปค้นเจอบทความวิจัยงานหนึ่ง เนื่องจากไม่มีประสบการณ์ในฐานะนักวิชาการจึงไม่สามารถตัดสินได้ว่างานนี้มีคุณค่าในเชิง academic แค่ไหน แต่ที่แน่ๆ คืออ่านสนุกโลดโผนมาก ชื่อเรื่องของบทความคือ "การเกิดใหม่ข้ามประเทศ : เด็กที่มีความทรงจำในอดีตชาติในประเทศไทย" โดยโอคาโดะ มาซายูกิ ศาสตราจารย์ภาควิชาการศึกษา มหาวิทยาลัยชูบุ โดยเด็กคนนั้น (อ้างว่า) ในอดีตชาตินั้นเขา... เป็นตำรวจไทย!
มีชีวิตอยู่ในไทยประมาณ 120 ปีที่แล้ว (เกิดในปี พ.ศ. 2444) ผ่านอีเวนต์ใหญ่ๆ เช่น สงครามโลกครั้งที่ 2, ผ่านการเปลี่ยนผ่านจาก "สยาม" มาเป็น "ไทย" และรู้จักกับอธิบดีกรมตำรวจ เผ่า ศรียานนท์ เจ้าของคำขวัญ "ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ไม่มีสิ่งใดที่ตำรวจไทยทำไม่ได้" ที่บ้านเลี้ยงช้าง!
และในจุดที่ให้ปากคำนี้ น้องเพิ่งมีอายุได้ 5 ขวบ 5 เดือนเท่านั้น! เห็นหรือยังล่ะว่ามันม่วนหลายขนาดไหน ถ้าพร้อมแล้วเราก็ไปต่อด้วยกัน ถ้าไม่พร้อมโปรดหยุดไว้ตรงนี้ เพราะมันแฟนตาซีมากจริงๆ
ทั้งนี้ เนื่องจากเนื้อหาค่อนข้างมีความ sensitive จึงขอติด warning ไว้ดังนี้ โปรดอ่านด้วยความรับผิดชอบของตัวท่านเอง
เนื้อหาเป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน บทความต้นฉบับเป็นภาษาญี่ปุ่น ซึ่งจะแปะ Link ต้นทางไว้ให้ในคอมเมนต์ เนื้อหาที่จะลงไว้ในเพจนี้เป็นแบบย่นย่อและสรุป หากต้องการรายละเอียด ท่านสามารถไปศึกษาเพิ่มเติมเองได้
ในบทความมีจุดที่ไม่ชัดเจนหลายจุด ทั้งในส่วนที่เป็นการให้ปากคำจากเด็กส่วนหนึ่ง ข้อสันนิษฐานของนักวิชาการชาวญี่ปุ่นส่วนหนึ่ง การคาดเดาและสรุปย่อของผู้เรียบเรียงส่วนหนึ่ง จึงมีจุดที่อาจทำให้เกิดการถกเถียงและอภิปรายกันได้ ขอได้โปรดออกความเห็นโดยใช้วาจาสุภาพและสร้างสรรค์
ถ้าพร้อมแล้วก็เชิญไปต่อฮะ
ศ.โอคาดะ มาซายูกิ เป็นศาสตราจารย์ด้านภาษาศาสตร์และทำงานวิจัยด้าน Spirituality ออกหนังสือมาหลายเล่ม อยู่มาวันหนึ่งในปี 2021 แกก็ได้รับการติดต่อจากคุณแม่ของน้องนัตสึกิ เด็กชายอายุ 5 ขวบ 5 เดือน ว่าน้องพูดว่าตัวเองมีความทรงจำในชาติก่อน พอคุณแม่ลองถามดู น้องก็เล่าเรื่องให้ฟังเป็นฉากๆ ทำให้คุณแม่ออกจะกลุ้มใจ สุดท้ายจึงตัดสินใจปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งก็คืออาจารย์นี่เอง
จากนั้นอาจารย์ก็ลองสัมภาษณ์เก็บข้อมูลน้องนัตสึกิผ่านทาง Zoom บ้าง ให้คุณแม่ถ่ายคลิปหรือส่งเมลแจ้งความคืบหน้ามาให้บ้าง จนประมวลผลออกมาได้ดังนี้
พื้นเพ
น้องนัตสึกิ เป็นบุตรชายคนโต มีอายุ 5 ขวบ 5 เดือน ณ ขณะสัมภาษณ์ มีน้องชายและน้องสาวอายุไล่เลี่ยกัน 2 คน
พ่อแม่เป็นเภสัชกร นับถือศาสนาพุทธนิกายโชโดชินชู แต่ไม่ได้เคร่ง และไม่มีความสนใจในประเทศไทยใดๆ
ตัวน้องนัตสึกิเองรู้ว่าตัวเองมีความทรงจำของชาติก่อนตั้งแต่เมื่อประมาณ 2-3 ขวบ แต่พอคุยกับเพื่อนๆ แล้วเห็นว่าคนอื่นไม่มีความทรงจำในชาติก่อนเหมือนตัวเองก็เลยรู้สึกอาย จนเผลอหลุดปากพูดเรื่องนี้กับแม่ไปตอนประมาณ 5 ขวบ พอแม่บอกว่าไม่ต้องอาย ให้เล่าให้ฟังได้ ตัวเองก็เลยเล่าให้ฟังเรื่อยๆ และเล่าติดต่อกันมาเป็นเวลาเกิน 1 ปีแล้ว
เรื่องในอดีตชาติ
เกิดวันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2444 เกิดวันอังคาร ปีชวด (หมายเหตุนักวิจัย : อ้างอิงจากปฏิทินจริง 2 มกราคม พ.ศ. 2444 จะเป็นวันพุธ) บอกว่าตัวเองชื่อ Pijo/Picha itsuki ชื่อเล่นชื่อ "Gao" เกิดมกราคม เลยมีคำว่า "หนึ่ง" ในชื่อ (หมายเหตุผู้แปล : สงสัยว่าคำว่า "เอก" จะมีสิทธิ์เพี้ยนเป็น "itsu" ซึ่งบิดมาจากเลขหนึ่งในภาษาญี่ปุ่นได้หรือไม่)
บ้านเกิดอยู่ที่ลำปาง (รู้จากการที่นักวิจัยเปิดแผนที่ท่องเที่ยวของเว็บไซต์ Amazing Thailand แล้วเลือกจิ้มที่ทางใต้ของจังหวัดลำปาง) ที่บ้านเลี้ยงช้าง ม้า และแพะ
เป็นตำรวจ ซึ่งฟังจากที่เล่าแล้วน่าจะเป็นตำรวจยศสูง มีใบอนุญาตขับขี่เฮลิคอปเตอร์ มีพูดถึงระเบิด TMT ด้วย
เข้าเป็นตำรวจเพราะตัวเองเป็นคนตัวใหญ่ มีกำลังมาก (คุณแม่น้องบอกว่าคำพูดติดปากน้องในชาตินี้คือ "นัตสึกิมีแรงเยอะ นัตสึกิถือเอง")
มีพูดถึงสิ่งที่น่าจะเป็นสงครามโลกครั้งที่สอง ไทยพยายามขยายอาณาเขต ญี่ปุ่นที่ตอนแรกเป็นศัตรูแล้วตอนหลังก็มาเป็นพันธมิตรช่วยกันรบกับอเมริกา
พอผู้วิจัยเอาภาพพลเอก ไสว ไสวแสนยากร อดีตอธิบดีกรมตำรวจให้ดูก็บอกว่าตัวเองก็เป็น "ผู้บัญชาการตำรวจ" เหมือนกัน
ผู้วิจัยเลยไปเอารายชื่ออธิบดีกรมตำรวจไทยแต่ละยุคมาไล่ดู แต่ไม่พบใครที่ดูมีประวัติเข้าเค้า
พอเห็นรูปพลตำรวจเอก เผ่า ศรียานนท์ ก็บอกว่า "รู้จัก" "ไม่ชอบคนนี้" "คนนี้ชอบแกล้งตำรวจ"
พอเห็นรูปพลตรี พระยาวาสุเทพ ก็บอกว่า "คนนี้ก็ชอบแกล้งตำรวจ" (ชี้ไปที่รูปพลเอก เผ่า) "คนนี้เป็นคนสอน" (หมายเหตุผู้แปล : ดูจาก timeline แล้ว statement นี้ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะพระยาวาสุเทพขึ้นเป็นอธิบดีกรมตำรวจภูธรคนที่ 5 เมื่อปี พ.ศ. 2440 ก่อนหน้าพลเอก เผ่าซึ่งเพิ่งเข้ารับราชการเมื่อ พ.ศ. 2474 หลายรุ่น สองท่านนี้จึงไม่น่าจะมีโอกาสได้พบกัน)
เสียชีวิตในหน้าที่ระหว่างปฏิบัติงานลงเรือไล่จับขโมยทางน้ำ แต่เรือไปชนหินล่ม เป็นเหตุให้จมน้ำเสียชีวิตในปีจอ (ตอนไล่จับขโมยนี่ก็แฟนตาซีมาก มีกลซ้อนกลอย่างกะลูแปง ใครสนใจไปอ่านดูได้)
ความทรงจำหลังเสียชีวิต
พอตายไปก็ลงไปอยู่ใต้ดิน ซึ่งเป็นที่ที่มีอะไรบางอย่างเหมือนไข่กบอยู่เต็มไปหมด
ใครอยากเกิดใหม่ก็ขึ้นไปอยู่บนฟ้า มองทะลุหลังคาลงมาเห็นคนข้างในได้ เลือกแม่ได้ ใครเร็วใครได้
ในกรณีของนัตสึกิ ตามหาผู้หญิงคนรู้จักที่ทำงานอยู่ในร้านซักผ้า พอเจออีกที ผู้หญิงคนนั้นก็กลายเป็นทารก (ซึ่งจะกลายมาเป็นแม่ของตัวเองในชาติปัจจุบัน) ตัวเองก็ตามดูผู้หญิงคนนั้นขี่จักรยาน เล่นกับน้องสาว จนผู้หญิงคนนั้นกลายเป็นผู้ใหญ่ ก็มีคนแก่ซึ่งมีรูปลักษณ์เป็นดวงวิญญาณมาเร่งให้ตัวเองรีบไปเกิดได้แล้ว พอตัวเองละล้าละลังอยู่เพราะไม่กล้า คนแก่ก็ยื่นกล่องสีฟ้าผูกริบบิ้นให้เป็นของขวัญ พอเอาเข้าท้องแม่ก็กลายเป็นบอลสีฟ้า พอคลอดออกมาก็หายไป
(ตรงนี้น่าสนใจมาก) นัตสึกิบอกว่าตอนเข้าท้องแม่ไปกันสามคน มีสองคนเข้าท้องแม่ไปก่อน ส่วนตัวเองตามไปทีหลัง ซึ่งตรงนี้คุณแม่ของนัตสึกิให้การว่าตอนนั้นฉีดสารกระตุ้นการตกไข่ หมอบอกว่ามีไข่ตกมาสองฟอง ฟองหนึ่งใหญ่ได้มาตรฐาน แต่อีกฟองหนึ่งเล็กและน่าจะฝ่อ มีความเป็นไปได้ (แม้จะต่ำ) ว่าไข่ฟองนั้นอาจจะเป็นฝาแฝด
มีการพูดถึงคำที่คล้ายๆ จะเป็นภาษาไทยหลายคำ ซึ่งทางผู้วิจัยก็ได้ขอความเห็นจากคนไทยประกอบด้วย เช่น pon tam eg (พลตำรวจเอก?) Adwin (พูดถึงตำรวจที่เก่งมากยศสูง ชื่อคน? แหวนอัศวิน?) abin (อะไรบางอย่างที่มีไว้ติดว่าว ไม่ใช่ว่าวธรรมดาแต่ต้องเป็นว่าวแกรนด์ๆ ด้วย โว้วววว ไม่ไหวจะเดาล้าว)
จริงๆ มีรายละเอียดปลีกย่อยอีกมาก แต่ขอเอาไว้เท่านี้ก่อน เท่าที่อ่านดูผู้วิจัยค่อนข้างปักใจเชื่อทฤษฎีกลับชาติมาเกิดใหม่พอสมควร แต่เนื่องจากหลักฐานยืนยันไม่เพียงพอจึงยังไม่ได้ข้อสรุปใดๆ ซึ่งทางผู้วิจัยก็บอกว่าอยากจะทำการตรวจสอบโดยขอความร่วมมือจากชาวไทยและผู้เชี่ยวชาญต่อไป
คิดเห็นอย่างไรก็บอกเล่าแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้นะคะ ขอบคุณค่ะ"
อ่านโพสต์ต้นฉบับ