เจ้าของอาคารพาณิชย์รายหนึ่งย่านบางบอน กทม. ร้องขอความเป็นธรรม ถูกการไฟฟ้านครหลวงเรียกเก็บค่าไฟย้อนหลังกว่า 5.3 ล้านบาท หลังให้เช่าแก่บุคคลรายหนึ่งโดยอ้างว่าสต๊อกขายของออนไลน์ แต่ทราบภายหลังว่าลักลอบใช้ไฟขุดเหมืองบิตคอยน์แล้วถูกตำรวจจับกุม แม้จะส่งหนังสือพร้อมสัญญาเช่ายืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องก็ตาม
วันนี้ (7 เม.ย.) นางสิริภรณ์ ซ่อนกลิ่น อายุ 70 ปี ร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าว MGR Online ระบุว่า ถูกการไฟฟ้านครหลวงเรียกเก็บค่าไฟฟ้าย้อนหลังสูงถึง 5,319,770.06 บาท หลังจากที่ให้เช่าอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น บนถนนบางบอน 3 แขวงบางบอนเหนือ เขตบางบอน กรุงเทพฯ แก่บุคคลรายหนึ่ง แล้วทราบภายหลังว่าบุคคลรายนี้ใช้อาคารพาณิชย์ให้เช่าดังกล่าว ทำเหมืองบิตคอยน์และลักลอบใช้กระแสไฟฟ้าก่อนถูกตำรวจเข้าจับกุม โดยที่ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่กลับต้องรับผิดชอบค่าไฟฟ้าที่ตนไม่ได้ก่อเหตุ สูงกว่า 5 ล้านบาท ทำให้ตนได้รับความเสียหาย
นางสิริภรณ์กล่าวว่า เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2564 ตนได้ให้นายนครินทร์ แท่นธัญลักษณ์ เช่าอาคารพาณิชย์หลังดังกล่าว โดยนายนครินทร์แจ้งว่าต้องการเช่าเพื่อเก็บของ และขายของออนไลน์ โดยช่วงดังกล่าวเป็นช่วงโรคโควิด-19 กำลังระบาด การให้เช่าบ้านเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่เป็นรายได้ให้กับครอบครัว โดยให้เช่าเป็นเวลา 2 ปี เดือนละ 12,000 บาท ซึ่งตามที่ระบุในสัญญาเช่าระบุว่า ระหว่างที่นายนครินทร์เช่า ต้องเป็นผู้รับผิดชอบชำระค่าน้ำ ค่าไฟ ของอาคารพาณิชย์ดังกล่าวทั้งหมด จากการติดตามผ่านแอปพลิเคชันการไฟฟ้านครหลวง พบว่านายนครินทร์ก็ชำระค่าไฟฟ้าตามปกติตลอดมา
ต่อมาวันที่ 19 ธ.ค. 2565 ตนได้รับทราบจากการไฟฟ้านครหลวงว่า นายนครินทร์ได้ใช้บ้านทำเหมืองบิตคอยน์และแอบทำการลักกระแสไฟฟ้า โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการเปิดบ้าน ยึดของกลางเป็นคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่างๆ ไป ตนจึงได้นำสัญญาเช่าไปแสดงให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางบอน เพื่อความบริสุทธิ์ใจ และยืนยันว่าตนไม่มีส่วนรู้เห็นกับการกระทำของนายนครินทร์ พร้อมกันนี้ ตนได้พยายามติดต่อนายนครินทร์ แต่ไม่สามารถติดต่อได้ นอกจากนี้ ตนยังได้นำสัญญาเช่าไปมอบให้การไฟฟ้าอีกชุดหนึ่ง เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2565 และลงบันทึกประจำวันที่ สน.บางบอน เมื่อวันที่ 12 มี.ค. 2566 อีกด้วย
ภายหลังการไฟฟ้านครหลวงส่งหนังสือลงวันที่ 8 มี.ค. 2566 แจ้งปรับปรุงค่าไฟฟ้าขึ้นมาใหม่ ตั้งแต่ฉบับจดครั้งหลังวันที่ 9 ก.ค. 2564 ถึงฉบับจดครั้งหลังวันที่ 9 ม.ค. 2566 จำนวน 19 ฉบับ รวมเป็นจำนวนเงิน 5,321,665.06 บาท แทนใบแจ้งค่าไฟฟ้าเดิมเป็นจำนวนเงิน 2,580.99 บาท และเมื่อนำเงินค่าไฟฟ้าที่ได้ชำระไว้แล้วจำนวน 1,895.01 บาท คงเหลือเงินค่าไฟฟ้าที่ต้องชำระเพิ่มอีกเป็นจำนวนเงิน 5,319,770.06 บาท ต่อมาวันที่ 28 มี.ค. 2566 การไฟฟ้านครหลวงได้ส่งหนังสือขอให้ชำระหนี้จำนวนดังกล่าว พร้อมดอกเบี้ยผิดนัดภายในวันที่ 7 เม.ย. 2566 หากพ้นกำหนดจำเป็นต้องดำเนินการตามระเบียบต่อไป
นางสิริภรณ์กล่าวว่า หลังจากได้รับหนังสือแจ้งปรับปรุงค่าไฟฟ้าขึ้นมาใหม่ ตนได้ส่งหนังสือขอความเป็นธรรมไปยังการไฟฟ้านครหลวง เมื่อวันที่ 4 เม.ย. 2566 ที่ผ่านมา เนื่องจากไม่ได้เป็นผู้ใช้ไฟ ไม่ได้กระทำผิด แต่กลับถูกเรียกให้ชำระเงินอย่างไม่เป็นธรรม ทั้งที่การไฟฟ้านครหลวงปล่อยให้มีการลักไฟเกิดขึ้นระยะเวลาปีกว่า แล้วเพิ่งมาตรวจพบ ทำให้ความเสียหายเกิดขึ้นมาก ทั้งที่ก็มีเจ้าหน้าที่มาจดมิเตอร์ที่หน้าบ้านทุกเดือน และการไฟฟ้านครหลวงมาคำนวณเรียกเก็บค่าไฟฟ้าย้อนหลังกับเจ้าของบ้านที่ไม่ได้เป็นผู้กระทำผิดแต่อย่างใด แทนที่จะไปเรียกเก็บกับผู้เช่าซึ่งเป็นผู้กระทำผิด ตนเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าวเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าช่วยเหลือกรณีดังกล่าว