ถ้าผ่านไปแถวสุขุมวิท ๑๐๑ หรือมองไปจากทางด่วน จะเห็นเจดีย์ทรงเดียวกับเจดีย์พุทธคยาที่อินเดียสูงเสียดฟ้า นั่นก็คือเจดีย์ของ “วัดธรรมมงคล เถาบุญญานนทวิหาร” อยู่ใกล้กันกับวัดวชิรธรรมสาธิต
วัดธรรมมงคล เดิมเป็น วัดป่าสะแก มีต้นสะแกขึ้นอยู่แถวนั้นมาก พระครูญาณวิริยะ ซึ่งต่อมาก็คือ สมเด็จพระญาณวชิโรดม ซึ่งเป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่า “หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร” ได้มาปักกลดอยู่ที่ป่าสะแกนี้ มีชาวบ้านเลื่อมใสมาฟังธรรมรักษาศีลและนั่งสมาธิกันมาก นายเถากับนางบุญมา อยู่ประเทศ เจ้าของที่ดินเลยถวายที่ดิน ๓๒ ไร่ให้สร้างวัดเมื่อปี ๒๕๐๖
หลวงพ่อวิริยังค์ได้ตั้งสัจจะอธิษฐานไว้ว่า หากได้รับพระบรมสารีริกธาตุครบ ๕ องค์จะสร้างพระมหาเจดีย์ให้สูงที่สุดในประเทศไทยเพื่อประดิษฐาน ครั้นเมื่อได้พระบรมสารีริกธาตุจากบังคลาเทศมาครบ ๕ องค์ดังตั้งใจแล้วจึงปฏิบัติตามที่ได้อธิษฐานไว้ เริ่มก่อสร้างมหาเจดีย์ในปี ๒๕๑๙ ใช้เวลาถึง ๙ ปี แล้วเสร็จในปี ๒๕๒๘ มีชื่อว่า “พระวิริยะมงคลมหาเจดีย์” เป็นทรงเหลี่ยมแบบพุทธคยา ด้านหน้าประดับลายจากดินเผา ส่วนยอดทรงระฆังคว่ำ เป็นฉัตรทอง ๙ ชั้น ฉลุลายไทยประดับด้วยเพชร ๑,๐๖๓ เม็ด ยอดฉัตรทำด้วยทองคำหนัก ๑๗ กก. สูงจากพื้นดิน ๙๔.๗๘ ม. ภายในประดิษฐานพระเกศาธาตุ พระอุรังคธาตุ และพระบรมสารีริกธาตุที่ได้มาจากบังคลาเทศ
ส่วนภายในองค์เจดีย์มี ๑๔ ชั้น แต่ละชั้นเป็นห้องแบบอเนกประสงค์ เช่นชั้นล่างสุดเป็นที่ตั้งของสถาบันพลังจิตตานุภาพ มีเนื้อที่ ๔,๘๐๐ ตร.ม. จัดให้มีห้องต่างๆเช่นห้องประชุม ห้องนั่งสมาธิ ห้องอาหาร เป็นต้น มีลิฟท์ขึ้นไปถึงยอด
ในปี ๒๕๓๔ หลวงพ่อวิริยังค์ได้หยกเขียวบริสุทธิ์ก้อนใหญ่น้ำหนักถึง ๓๒ ตัน ซึ่งขุดพบที่เหมืองทองคำเมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา เพื่อนำมาแกะสลักเป็นพระพุทธรูป โดยจ้างช่างแกะสลักฝีมือระดับโลกมาจากอิตาลี
การนำหินหยกก้อนใหญ่ถึง ๓๒ ตันจากแคนาดมาถึงวัดธรรมมงคลก็ยากยิ่งแล้ว แต่หินก้อนใหญ่เกินกว่าเครื่องมือของช่างอิตาเลียนจะตัดได้ จึงต้องขนหินก้อนนี้ไปที่โรงงานของบริษัทรอแยลไทยมาร์เบิล ปากช่อง ใช้เครื่องตัดหินอ่อนตัดให้เป็นรูปทรงก่อนจึงขนกลับมาแกะสลักที่วัด
หลังจากใช้เวลา ๑๒ เดือน หยกบริสุทธิ์จากแคนาดาก็กลายเป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ หน้าตกกว้าง ๑.๖๖ ม.สูง ๒.๒๐ ม. ซึ่งนับเป็นพระพุทธรูปหยกองค์ใหญ่ที่สุดของโลก พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานนามว่า “พระพุทธมงคลธรรมศรีไทย”
ส่วนหยกที่ตัดออกจากก้อนใหญ่ ยังนำไปแกะสลักเป็น “พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตย์” หรือ “เจ้าแม่กวนอิม” อีกองค์ โดยช่างอิตาเลียนชุดเดียวกัน เป็นทรงยืนประทานพร สูง ๒.๒๐ ม. มีลักษณะงดงามสง่า เป็นเจ้าแม่กวนอิมหยกใหญ่ที่สุดในโลกอีกเช่นกัน ประดิษฐานอยู่ในศาลาหลวงพ่อหยก พระพุทธมงคลธรรมศรีไทย มีพระปรมาภิไธยย่อ ภปร ประดิษฐานอยู่เหนือป้าย
ชั้นที่ ๒ ใต้พระพุทธรูปหยกและเจ้าแม่กวนอิม เป็นห้องบรรจุอัฐิบรรพบุรุษที่สมบูรณ์แบบที่สุด ใหญ่โตกว้างขวาง ออกแบบเป็นช่องๆ และใช้เป็นที่ปฏิบัติกรรมฐานที่สงบอีกด้วย
ด้านหลังของวัดจัดเป็นสวนป่ากลางกรุง ร่มรื่นเหมาะแก่การทำสมาธิ มีทางเดินโดยรอบสำหรับเดินจงกรม ส่วนกลางเป็นถ้ำใหญ่สำหรับปฏิบัติธรรม จุคนได้ประมาณ ๒๐๐ คนด้านบนถมดินเป็นภูเขา เป็นจุดสงบวิเวกแบบธรรมชาติ
ใต้ฐานพระวิริยะมงคลมหาเจดีย์ มีสิ่งที่น่าสนใจแก่การเข้าชมก็คือ นครธรรม เป็นการเผยแพร่ธรรมะแบบไฮเทค มีวีดิโอเกี่ยวกับพุทธประวัติและคำสอนที่ง่ายแก่การเข้าใจ นครธรรมยังเป็นศูนย์อินเตอร์เนทเผยแพร่ธรรมะไปยังส่วนต่างๆของโลก โดยเฉพาะเน้นให้เข้าใจถึงแก่นธรรมในคำว่า “อหิงสา” คือการอยู่ร่วมกันโดยไม่เบียดเบียนกัน มีเมตตาธรรม เฉลี่ยความสุขของตนให้แก่ผู้อื่น ซึ่งถ้าโลกมีธรรมข้อนี้ก็จะมีแต่ความสงบ ไม่มีสงคราม
อีกห้องมีภาพยนตร์สั้น ๕ นาที เป็นคติธรรมต่างๆให้ชม ทั้งยังเป็นเรื่องสนุก เช่น เรื่องหนึ่งคือเรื่องที่ทางการจีนเคยรณรงค์ให้ฆ่านกกระจาบ เพราะคำนวณออกมาแล้วว่า ข้าวที่นกกระจาบแย่งชาวนาเอาไปกินนั้นสามารถเลี้ยงคนได้ถึง ๑๐ ล้านคน แต่เมื่อปราบนกกระจาบตายหมด กลับปรากฏว่าข้าวของชาวนาเสียหายมากกว่าจากหนอนกระทู้ เพราะไม่มีนกกระจาบช่วยปราบหนอน
อีกเรื่องเป็นเรื่องของหมาตัวหนึ่งที่คอยเฝ้าพระฤาษีขณะบำเพ็ญญาณ ไม่ให้สัตว์ป่ามาทำร้าย เมื่อพระฤาษีสำเร็จ เห็นความจงรักภักดีจึงถามหมาว่าอยากเป็นอะไร หมาแหงนหน้าไปเห็นพระจันทร์ อยากจะสูงส่งแบบนั้นบ้าง ก็บอกว่าอยากเป็นพระจันทร์ ครั้นเมื่อเมฆมาบังจันทร์ หมาก็เปลี่ยนใจขอเป็นเมฆดีกว่า ต่อมาเมฆถูกลมพัดกระจาย หมาก็ว่าขอเป็นลมอีก ขอเป็นโน่นเป็นนี่หลายอย่างก็พบว่าล้วนแต่มีสิ่งที่เหนือกว่าทั้งนั้น ในที่สุดก็ขอเป็นหมาอย่างเดิมดีกว่า นับเป็นนิทานสนุกอย่างได้คติ
มหาเจดีย์ของวัดธรรมมงคลที่สร้างให้สูงที่สุดในประเทศไทย ตอนนี้ก็มี “พระมหาเจดีย์ชัยมงคล” ที่ร้อยเอ็ด สูง ๑๐๑ ม.เฉือนอันดับสูงสุดไปแล้ว แต่ “พระวิริยะมงคลมหาเจดีย์” ก็มีสิ่งที่น่าสนใจอยู่มาก เผยแพร่ธรรมะที่ไม่เหมือนใคร เพียงเข้าเดินชมไม่ต้องพนมมือนั่งฟัง ก็ได้ธรรมะซึมเข้าไปในใจ ทั้งรอบๆพระมหาเจดีย์ยังมีพระพุทธรูปเชียงแสน พระพุทธรูปอู่ทอง ศาลพระเจ้าอโศกมหาราช ผู้เผยแพร่พระพุทธศาสนามาสู่สุวรรณภูมิ โดยเฉพาะ “หลวงพ่อหยก” และ “เจ้าแม่กวนอิมหยก” นั้น น่าไปชมให้เป็นบุญตาสักครั้งในชีวิต