“สวนชูวิทย์” ตกเป็นที่ดินสาธารณะแล้วหรือไม่ “สนธิ” เผย 10 คำพิพากษาศาลฎีกาคดีอุทิศที่ดินให้สาธารณะ ชี้ชัดเพียงลั่นวาจาก็มีผลทันที ไม่ว่าจะจดทะเบียนหรือไม่ก็ตาม และไม่สามารถยกเลิกการอุทิศได้ พร้อมชี้พิรุธ จนท.ศาลถูกสั่ง ใครจะค้นคำพิพากษาศาลฎีกาคดีรื้อบาร์เบียร์ ต้องแจ้งอธิบดีศาลก่อน
ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” วันศุกร์ที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ ได้กล่าวถึงกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ เคยเบิกความต่อศาลในคดีรื้อบาร์เบียร์ ริมถนนสุขุมวิท ว่าจะมอบที่ดินบริเวณดังกล่าวให้เป็นที่สาธารณะประโยชน์ จนศาลเมตตาลดโทษจำคุกให้เหลือ 2 ปี และหลังจากนั้นได้มีการปรับพื้นที่ดังกล่าวเป็นสวนสาธารณะชื่อ “สวนชูวิทย์” แต่ขณะนี้ครอบครัวนายชูวิทย์ได้นำที่ดินดังกล่าวไปทำโครงการ The 10th Avenue มูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท ทำให้มีการถกเถียงกันว่า ที่ดินสวนชูวิทย์นั้นเป็นที่สาธารณะแล้วหรือยัง
นายสนธิกล่าวว่า จะพูดถึงเรื่องนี้โดยละเอียดในสัปดาห์หน้า แต่ในสัปดาห์นี้ขอนำเลขที่คดีคำพิพากษาศาลฎีกาเกี่ยวข้องกับการอุทิศที่ดินของเอกชนให้เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน มาเป็นน้ำจิ้มก่อน โดยทั้ง 10 คำพิพากษาได้แก่
1.การอุทิศที่ดินมีผลทันที โดยไม่จำต้องจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์อีก อ้างอิงตามฎีกาเลขที่ ๔๓๗๗/๒๕๔๙
2.การอุทิศที่ดินมีผลทันทีเช่นกัน แม้หนังสืออุทิศจะระบุว่า จะต้องไปจดทะเบียน ก็ตาม อ้างอิงตามฎีกาเลขที่ ๔๓๗๗/๒๕๔๙
3.เมื่อการอุทิศที่ดินมีผลสมบูรณ์โดยไม่จำต้องจดทะเบียนโอน จะฟ้องศาลบังคับให้ไปจดทะเบียนโอนไม่ได้ อ้างอิงตามฎีกาเลขที่ ๑๒๗๒/๒๕๓๙
4.การอุทิศที่ดินของเอกชนแม้ด้วยวาจา ก็มีผลสมบูรณ์ตามกฎหมาย อ้างอิงตามฎีกาเลขที่ ๒๖๔/๒๕๕๕
5.การอุทิศที่ดินเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ถึงแม้ไม่ได้ถูกใครใช้ประโยชน์ก็ไม่อาจสูญสิ้นไป รวมถึงแม้ประชาชนส่วนใหญ่ จะมิได้ใช้ทางพิพาทตามวัตถุประสงค์ก็ตาม อ้างอิงตามฎีกา เลขที่ ๒๐๐๔/๒๕๔๔
6.การแสดงเจตนาอุทิศที่ดิน ไม่จำต้องมีนายอำเภอ หรือนายก อปท. ในกรณีที่ดินในกรุงเทพมหานครก็ไม่จำเป็นต้องมีกรุงเทพมหานคร กระทรวงมหาดไทย หรือกรมธนารักษ์แสดงเจตนารับ ก็มีผลสมบูรณ์แล้ว อ้างอิงตามฎีกาเลขที่ ๒๓๗๗/๒๕๔๙
7.การที่ผู้อุทิศที่ดิน กลับเข้ามาครอบครองที่ดินที่อุทิศไปแล้ว แม้จะกลับมาครอบครองนานเพียงใดก็ไม่ทำให้ที่ดินกลับมาเป็นของผู้อุทิศที่ดินนั้นอีก จะยกเอาอายุความต่อสู้กับแผ่นดิน ไม่ได้ อ้างอิงตามฎีกาเลขที่ ๒๖๔/๒๕๕๕
8.ผู้อุทิศที่ดินจะขอยกเลิกการอุทิศที่ดิน ไม่ได้ อ้างอิงตามฎีกาเลขที่ ๑๑๐๘๙/๒๕๕๖
9.เมื่อมีการอุทิศที่ดินให้เป็นสาธารณประโยชน์ แม้หน่วยงานราชการยังไม่ได้ใช้ประโยชน์ตามความประสงค์ของผู้อุทิศ หรือตามเงื่อนไขการอุทิศให้ก็ตาม ที่ดินนั้นก็ยังคงสภาพเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน อ้างอิงตามฎีกาเลขที่ ๒๐๐๔/๒๕๔๔
10.การอุทิศที่ดินให้เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน อาจกระทำ "โดยปริยาย" ก็ได้ เช่น ยินยอมให้ประชาชนใช้สอยโดยไม่หวงห้าม อ้างอิงฎีกาเลขที่ ๖๐๖๗/๒๕๕๒,๒๕๒๖/๒๕๔๐ แต่ต้องเป็นการยินยอมให้ประชาชนทั่วไปที่มิได้มีความสัมพันธ์ทางส่วนตัวกับเจ้าของ ไม่ว่าทางใดๆ
นายสนธิ กล่าวว่า ทั้ง 10 ฎีกา ยืนยันชัดเจนว่า การอุทิศที่ดิน จะจดทะเบียนหรือไม่จดทะเบียน ขอให้ลั่นวาจา มีหลักฐาน ที่ดินนั้้นก็ตกเป็นสาธารณะสมบัติทันที ซึ่งกรณีที่ดินนายชูวิทย์ ได้มีการใช้สอยของประชาชนเป็นสวนสาธารณะอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ตามองค์ประกอบของฎีกาแล้วทั้งหมด
“อาทิตย์หน้าผมจะเอารายละเอียดที่ดินคุณชูวิทย์ว่าที่ดินนี้ยังตกเป็นสมบัติของสาธารณะประโยชน์หรือเปล่า แล้วคุณชูวิทย์ เมื่อแสดงเจตนารมณ์ ทั้งมีคำพูดในคำพิพากษาศาลฎีกาที่เอามาต่อรองในการลดโทษให้ตัวเองนั้น คุณชูวิทย์มีอำนาจหรือมีสิทธิ์ไหมที่จะมาก่อสร้างอาคาร ซึ่งปัจจุบันคุณชูวิทย์เอามาทำ ชื่อ เทนธ์ อเวนิว” นายสนธิกล่าว
นายสนธิ กล่าวอีว่า ที่ต้องพูดเรื่องนี้ให้ละเอียดอีกครั้งเพราะว่า ความจริงต้องมีหนึ่งเดียว ให้ชัดเจนเลยว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
“อาจจะมีอะไรซ่อนเงื่อนอยู่ ผมไม่รู้ แต่ที่ผมรู้แน่ๆ ใครก็ตามที่จะไปขอค้นคำพิพากษาศาลฎีกากรณีคุณชูวิทย์ ยื่นคำร้องขอต่อรองให้ลดโทษ จาก 5 ปี และศาลฎีกาลดโทษให้เหลือ 2 ปี จาก 5 ปี เพราะว่าคุณชูวิทย์ได้ยืนยัน จะเอาที่ดินนี้มาทำสาธารณะประโยชน์ เป็นข้อน่าสังเกตอย่างหนึ่ง
“เคยมีคนไปพยายามขอค้นฎีกาคำพิพากษาคุณชูวิทย์ ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ที่ดูแลห้องสำนวน ถึงจะเป็นสำนวนที่จบไปแล้วก็ตาม จะห้ามไม่ให้คนเข้า มีคำสั่งเลยว่าถ้าใครจะมาค้นเรื่องนี้ ให้แจ้งไปที่อธิบดีศาลอาญาใต้ ซึ่งผมคิดว่ามันพิลึกดี ท่านผู้ชมครับ มันพิลึกมาก ผมก็เลยฝากไปบอกเจ้าหน้าที่ที่คุมห้องสำนวนนี้ว่าคุณรับงานใครมาหรือเปล่า ที่ใครก็ตามที่จะขอค้นหลักฐานนี้แล้วคุณไม่ให้ค้น แล้วคุณก็แจ้งอธิบดีศาลอาญาใต้
“อธิบดีศาลอาญาใต้ท่านต้องมีคำตอบให้กับประชาชนด้วยนะครับ ผมเกรงว่าท่านอธิบดีศาลอาญาใต้ และท่านรองอธิบดีศาลอาญาใต้ จะถูกกล่าวหาว่าสมรู้ร่วมคิดกับใครบางคนในการบล็อกไม่ให้คนเข้าไปเช็กคำพิพากษาศาลฎีกานะครับ” นายสนธิกล่าว