เพจ "ลุงซาเล้งกับขยะที่หายไป" ตั้งคำถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หากโรงงานตรวจเจอสารกัมมันตรังสี เหตุใดไม่บังคับให้แจ้งไปถึงทางการทราบ หลังเคยเจอ เรเดียม ในกองเศษเหล็ก แต่สามารถเลือกส่งไปโรงงานที่ไม่มีเครื่องวัดรังสีจัดการได้
จากกรณีที่กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดปราจีนบุรีได้รับแจ้งจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ว่ามีวัสดุกัมมันตรังสีซีเซียม-137 สูญหายจากโรงไฟฟ้าพลังไอน้ำของบริษัท เนชั่นแนล เพาเวอร์ แพลนท์ 5 เอ จำกัด ตั้งแต่ช่วงปลายเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา
ล่าสุดเจ้าหน้าที่ก็พบ ‘ซีเซียม-137’ ที่โรงหลอมเหล็กบริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) สภาพถูกบีบอัดเป็นก้อนสี่เหลี่ยมกองซ้อนกันเป็นชั้นสูง เตรียมนำหลอมตามรอบ โชคดีเจ้าหน้าที่ใช้เครื่องมือตรวจจับรังสีได้ทัน ไม่เช่นนั้นเกิดโศกนาฏกรรมใหญ่แน่ๆ
อย่างไรก็ตาม วันนี้ (20 มี.ค.) เพจ "ลุงซาเล้งกับขยะที่หายไป" ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 2 แสนคน ได้ออกมาโพสต์ข้อความ เผยประสบการณ์ของตนเองที่เคยเจอสารกัมมันตภาพรังสี เรเดียม ในกองเศษเหล็ก โดยได้ระบุข้อความว่า
"คือในสมัยก่อนช่วงที่พลังงานนิวเคลียร์เริ่มดัง มันมีการประยุกต์ใช้ธาตุกัมมันตรังสีเยอะมาก บางทีก็เอามาใช้ในชีวิตประจำวันกันเลย เช่น นาฬิกา สีทาบ้าน แก้วเรืองแสง ลามไปถึงครีมทาผิวยังมี!
ที่ร้านลุงเจอคือเจ้านี้ เข็มทิศทหาร ซึ่งดูเผินๆ ไม่ได้น่าจะมีอะไรใช่ไหม แต่ตอนลุงส่งไปรีไซเคิลที่โรงงานแถบๆ ระยอง โรงงานจะมีเครื่องตรวจกัมมันตรังสีในสินค้า คือ รถบรรทุกจะต้องขับผ่านเจ้าเครื่องนี้ ถ้ารังสีเกิน จะห้ามเข้าในโรงงาน
พอตรวจเจอค่าเกิน โรงงานไม่ทำอะไรเลย ไล่ออกมาอย่างเดียว ไม่แจ้งทางการด้วย เราก็ทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะทำไงต่อ เลยถามโรงงานไปว่าค่ารังสีมันเท่าไหร่ เอาค่ามาค้นในกูเกิล ปรากฏว่าค่าน้อยมากๆ คือสัมผัสแป๊บๆ ไม่อันตราย แต่ถ้าวางบนหัวที่นอนทุกคืนก็อาจเสี่ยงเป็นมะเร็ง
ตอนนั้นมีสองวิธี คือไปขายโรงงานอื่น(ที่ไม่มีเครื่องวัดรังสี) หรือแจ้งสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ลุงตัดสินใจแจ้งเพราะถึงแม้ค่ามันน้อย แต่เรายังไม่รู้ว่าคืออะไร อาจจะซ่อนอยู่เคสที่ปิดกั้นรังสีก็ได้ ก็เลยไปขอพื้นที่ร้านของเก่าแถวนั้นเอาเศษเหล็กเทแล้วให้เจ้าหน้าที่ตรวจ
ใช้เวลาอยู่นานเพราะเป็นเหล็กอัดก้อน ต้องตรวจทีละก้อน พอเจอก้อนที่แผ่รังสีก็ทุบออกแล้วค้น เจอเป็นเจ้านี่ ซึ่งก็คือเข็มทิศทหารแบบโบราณ ซึ่งใช้ลวดเรเดียม เป็นตัวให้แสงในเวลากลางคืน แบบว่าเส้นเล็กมากๆ แต่ก็แผ่รังสีอยู่ เจ้าหน้าที่ก็เก็บไปจัดการต่อไป
แต่อันนี้คือเคสที่ไม่อันตราย เพราะแผ่รังสีน้อยมากๆ อารมณ์คล้ายนาฬิกาเรืองแสงสมัยก่อน แต่เคสซีเซียมคือเป็นธาตุที่ค่อนข้างอันตราย ปล่อยรังสีเยอะ ขอให้ทุกคนปลอดภัย"