หากพูดถึงแบรนด์โครงการอสังหาริมทรัพย์ไทย โดยเฉพาะทำเลเส้นรถไฟฟ้า แน่นอนว่าย่อมมีโครงการชื่อดังจากค่าย CMC หรือบริษัท เจ้าพระยามหานคร จำกัด (มหาชน) รวมอยู่ด้วยอย่างแน่นอน และวันนี้ได้มีโอกาสพูดคุยถึงเส้นทางชีวิต พร้อมเปิดมุมมองการบริหารธุรกิจของ นพ.วิเชียร แพทยานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ้าพระยามหานคร จำกัด(มหาชน) หรือ CMC ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งผู้บริหารที่มีแนวคิดที่น่าสนใจอย่างมาก
แม้จะมีชีวิตที่เพียบพร้อมในฐานะลูกชายคนเล็กของครอบครัวแพทยานันท์ “นพ.วิเชียร” ก็ตัดสินใจเลือกเส้นทางชีวิตที่ท้าทาย ด้วยการตัดสินใจเรียนหมอ และสามารถสอบเข้าศึกษาในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ใช้ชีวิตเป็นนิสิตแพทย์ และก้าวสู่การเป็นแพทย์เวชศาสตร์ จนเมื่อรับราชการ ก็เริ่มอยากสัมผัสกับประสบการณ์ใหม่ๆ จึงได้ตัดสินใจอาสาลงพื้นที่ไปใช้ชีวิตอยู่ชายแดนไทย - ลาว ที่เป็นพื้นที่คอมมิวนิสต์แดง อยู่เป็นเวลา 3 ปี ด้วยความต้องการที่จะช่วยเหลือผู้คนที่อยู่ชายขอบที่เข้าถึงโรงพยาบาลได้ยาก และอยากจะเรียนรู้วิถีชีวิตในชนบท
“ผมชอบที่จะเดินเข้าสู่ความท้าทาย ไม่เคยกลัว ตอนนั้นรู้สึกสนุกและมีความสุขมาก แม้จะทำงานหนัก เพราะผมเป็นหมอคนเดียว และต้องรับตรวจคนไข้วันละเป็นร้อยคน แรกๆ ที่ไปอยู่ก็มีปัญหาด้านการสื่อสารภาษาบ้าง แต่จะมีพยาบาลคอยช่วยเป็นล่ามให้ ส่วนอาหารการกินและความเป็นอยู่ก็ง่ายมาก เพราะคนที่นั่นมีแค่ข้าวเหนียวจิ้มพริกป่นผสมน้ำปลา ซึ่งผมใช้เวลาปรับตัวไม่นาน ก็อยู่ได้อย่างสบายๆ แต่หลังจากนั้นชีวิตก็พลิกผัน เนื่องจากที่บ้านติดต่อให้กลับไปรับช่วงต่อธุรกิจครอบครัวอย่างเร่งด่วนแบบไม่ทันตั้งตัว พอกลับมาถึงบ้านจึงทราบว่า คุณพ่อป่วยเป็นมะเร็ง ตอนนั้นรู้สึกจับต้นชนปลายไม่ถูก เพราะสิ่งที่เรียนมาไม่เกี่ยวกับธุรกิจแม้แต่น้อย”
นพ.วิเชียร เล่าว่า เส้นทางชีวิตบทใหม่ เริ่มในปี พ.ศ. 2536 เมื่อต้องเข้ารับตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของตระกูลแพทยานันท์ ทำให้ต้องไปศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมในด้านการบริหารธุรกิจ เพื่อที่จะเข้าใจงานมากขึ้น โดยโครงการแรกที่ทำเป็นโครงการคอนโดฯ อยู่แถวฝั่งธนบุรี ตอนนั้นยังไม่ได้ใช้ชื่อว่า เจ้าพระยามหานคร แล้วก็เริ่มมาสร้างแบรนด์อย่างจริงจัง จนบริษัท CMC กลายเป็นที่รู้จักและเติบโตอย่างมั่นคงในทุกวันนี้
ความท้าทายในโลกธุรกิจเมื่อต้องเจอกับการดิสรัปชัน
เรื่องท้าทายไม่เคยหมด เมื่อธุรกิจต้องเจอกับการดิสรัปชัน นพ.วิเชียร เล่าต่อว่า “เพราะว่าโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว การทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จึงเต็มไปด้วยความท้าทาย ทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอก อาทิ อัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ปัญหาหนี้ครัวเรือน หนี้บัตรเครดิต ไปจนถึงภาวะเศรษฐกิจโลกที่กำลังถดถอย ผลกระทบจากสงครามยูเครน - รัสเซียที่ยืดเยื้อ รวมถึงเทคโนโลยีดิสรัปชัน ที่ทำให้ทุกอย่างมาอยู่บนแพลตฟอร์มสมัยใหม่ บังคับให้ธุรกิจต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะธุรกิจที่เป็นกระดูกสันหลังของชาติ อย่างอสังหาริมทรัพย์ นอกจากนี้ สิ่งที่เราต้องทำ คือการพัฒนาเทคโนโลยี ทีมงานและตัวเอง ซึ่งส่วนตัวมองว่า การพัฒนาบุคลากรด้านทักษะความคิดสร้างสรรค์ การให้น้ำหนักกับทีมงาน พร้อมเปิดกว้างรับฟังความคิดเห็นและมุมมองของคนเจนใหม่เป็นสิ่งสำคัญอย่างมากจากเทรนด์ของโลกและสังคมเปลี่ยนแปลงเร็วและแรงเสมอ”
แนวคิดการปรับตัวแบบยั่งยืน คือทางออกของธุรกิจ
เมื่อสังคมและสภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทำให้นพ.วิเชียร ต้องยึดการปรับตัวอย่างยั่งยืน มองไปถึงอนาคต พร้อมกับวางรากฐานเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน Sustainable Growth หรือ Sustainable Index ที่ปัจจุบันกลายเป็นคำที่คุ้นหูกันมากขึ้น เมื่อหลายๆ ธุรกิจเริ่มตื่นตัว และดำเนินธุรกิจคู่กับเทรนด์รักษ์โลก ลดคาร์บอน รักษ์สิ่งแวดล้อม และประหยัดพลังงาน ในส่วนของภาคธุรกิจอสังหาฯ ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะจะต้องใช้เวลาในการปรับสมดุล สร้างสมดุลใหม่ ยกตัวอย่างเช่น งานก่อสร้างมักจะสร้างมลพิษให้สิ่งแวดล้อมตามมา ไม่มากก็น้อย ดังนั้นการดำเนินงานจึงต้องให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมาก ไม่เน้นการเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ควรสร้างสังคมและสิ่งแวดล้อมที่อาศัยอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข การทำอสังหาฯ ควรรักษาสิ่งแวดล้อม โดยไม่มองมุมเดียว ต้องมองแบบบูรณาการ ไม่ว่าจะไปตั้งโครงการใหม่ที่ไหนชาวบ้านก็รัก แน่นอนว่าอาจจะมีต้นทุนที่สูงขึ้น แต่ถ้าในระยะยาวธุรกิจก็จะเติบโตอย่างยั่งยืนได้แน่นอน อีกสิ่งหนึ่งที่ นพ.วิเชียร เน้นก็คือเรื่องของความโปร่งใสของการทำงาน ไม่ส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่ทำผิด และต่อต้านการคอร์รัปชันของภาคเอกชน ซึ่งถือเป็น จุดแข็งของบริษัทฯ ทำให้ลูกค้า คู่ค้า นักลงทุน ผู้ถือหุ้นที่ร่วมงานกับบริษัทฯ มั่นใจได้เลยว่า CMC ทำงานอย่างตรงไปตรงมา โปร่งใส ถูกต้อง ตรวจสอบได้
มาถึงอีกหนึ่งบทบาทสำคัญในปี 2566 ในฐานะประธานคณะกรรมการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 43 ซึ่งคุณหมอก็มีโจทย์ในใจ คืออยากเป็นสื่อกลางในการสร้างโอกาสให้คนไทยมีบ้าน และให้เรื่องอยู่ เป็นเรื่องง่าย
นพ.วิเชียร เล่าต่อว่า “ผมและคณะกรรมการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโดทุกคน ต้องการให้งานครั้งนี้เป็นศูนย์กลางสำหรับทุกฝ่าย โดยอย่างแรก สมาชิกผู้ประกอบการของทั้งสามสมาคมผู้จัดงาน ประกอบไปด้วย สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร และสมาคมอาคารชุดไทย มาเปิดบูธจนเต็มพื้นที่ เพื่อนำเสนอโครงการที่อยู่อาศัยให้ผู้บริโภคได้เลือกซื้อบ้านที่ถูกใจที่สุด ต่อมางานจะต้องเป็นสื่อกลางให้ผู้ซื้อ ผู้ประกอบการ และสถาบันการเงินได้มาเจอกัน ภายในพื้นที่ที่เราจัดขึ้นเป็นพิเศษ ที่ชื่อว่า Financial Advisory ซึ่งผู้ซื้อสามารถเลือกช้อปบ้านที่ถูกใจ และยื่นขอสินเชื่อได้เลยทันทีที่โซนนี้ โดยเจ้าหน้าที่ธนาคารจะทำการตรวจสอบเอกสารและประเมินความสามารถในการผ่อนชำระของผู้ซื้อ พร้อมกับหาโซลูชั่นที่ดีที่สุดให้กับผู้ซื้อได้ในทันที”
“ผมเชื่อว่าบริการ Financial Advisory จะช่วยกระตุ้นให้คนที่อยากมีบ้านมีความหวังอีกครั้ง ในการเดินหน้าขอสินเชื่อซื้อบ้านในฝัน ส่วนผู้ประกอบการก็ได้มีเวทีปล่อยสินค้าที่อยู่อาศัย ขณะที่ธนาคารก็สามารถคัดกรองกลุ่มลูกค้าคุณภาพ สามารถประเมินความสามารถผ่อนชำระของผู้กู้ได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ช่วยลดอัตราการเกิด NPL ซึ่งถือว่า วินๆ กันทุกฝ่าย และยังเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ดียิ่งขึ้นผ่านการจัดงานในครั้งนี้”
“ผมอยากจะเชิญชวนผู้ที่กำลังมีแผนที่จะซื้อบ้านให้มาเดินงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 43 แล้วจะรู้ว่า เรื่องการเลือกที่อยู่อาศัย ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป โดยงานจะมีขึ้นระหว่าง 23-26 มีนาคมนี้ เวลา 10.00-20.00 น. ที่ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์” นพ.วิเชียร กล่าว
สำหรับวันธรรมดา คุณหมอ จะมุ่งมั่นและทุ่มเทให้กับงานในทุกบทบาทอย่างเต็มกำลัง แต่หากมีเวลาว่างจากการทำงานโดยเฉพาะในช่วงวันหยุดแล้ว ก็จะใช้เวลากับตัวเองในการทบทวนสิ่งต่างๆ และยังเติมความแข็งแกร่งทางจิตวิญญาณ ผ่านการฟังเพลง การอ่านหนังสือ การฝึกสมาธิ และกีฬาผาดโผน หรือกีฬาเอ็กซ์ตรีม อย่างโรลเลอร์ สเก็ต นอกจากนี้ยังชื่นชอบในการหาประสบการณ์จากการท่องเที่ยว เช่น ไปเยี่ยมชมโรงพยาบาล หรือบ้านพักผู้สูงอายุ เพื่อให้เกิดไอเดียใหม่ๆ
ไม่ว่าจะอยู่ในบทบาทของการเป็นหมอ นักบริหาร หรือนักอสังหาฯ นพ.วิเชียร ก็พร้อมเผชิญกับความท้าทาย และทุ่มเทอย่างเต็มที่ การทำธุรกิจด้วยวิสัยทัศน์และคิดถึงส่วนรวมอยู่เสมอ ทำให้ “คุณหมอ” เป็นผู้บริหารแถวหน้าอีกคนที่น่าชื่นชม และน่าทึ่ง