xs
xsm
sm
md
lg

ปริศนา ๙ ปีที่ทำให้ ๒๓๙ ชีวิตหายสาปสูญ การค้นหาครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก! มีแต่เงื่อนงำคาใจ!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: โรม บุนนาค



เมื่อกลางดึกคืนของวันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๕๗ เครื่องบินโบอิ้ง๗๗๗ ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ MH370 ซึ่งออกเดินทางจากกรุงกัวลาลัมเปอร์จะไปปักกิ่งพร้อมกับผู้โดยสาร ๒๓๙ ชีวิต ได้หายไปอย่างลึกลับหลังจากออกเดินทางไม่นาน หลายประเทศร่วมค้นหาในบริเวณกว้างเหมือนกับงมเข็มในมหาสมุทร แต่กลับทำให้พบปริศนามากมาย แตกต่างกับอุบัติเหตุทางการบินทุกครั้ง จนเป็นการค้นหาครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก

เรื่องประหลาดเกิดขึ้นเมื่อ MH370 ออกเดินทางไปราว ๒ ชั่วโมง สัญญาณที่ติดต่อมายังสถานีภาคพื้นดินและเครื่องบินลำอื่นๆก็ขาดหายไป พร้อมกับระบบจีพีเอสที่แจ้งพิกัดความสูงและความเร็วของเครื่องบินถูกปิดสนิท จากนั้นเรด้าก็จับได้ว่า MH370 เปลี่ยนเส้นทางที่จะมุ่งไปตะวันออกเฉียงเหนือ เลี้ยวหักมุมไปทางตะวันออกเฉียงใต้อย่างคาดเดาสาเหตุไม่ได้ เรด้าทางการทหารพบว่า MH370 ไต่ระดับเพดานบินสูงขึ้นไปเรื่อยๆจนถึง ๑๔,๐๐๐ เมตร หรือ ๑๔ กิโลเมตร เกินกำหนดที่ได้รับอนุญาตให้บิน หอบังคับการบินได้วิทยุไปแจ้งเตือน และยังให้เครื่องบินลำอื่นที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงพยายามติดต่อทางวิทยุกับ MH370 แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ สัญญาณของ MH370 ถูกปิดลงอย่างสิ้นเชิงโดยไม่มีแม้สัญญาณขอความช่วยเหลือใดๆ แต่เรด้าก็ยังจับได้ว่า MH370 ยังบินต่อไปอีก กว่าจะขาดหายไปจากจอเรด้า

จากข้อมูลของดาวเทียมและการสอบสวนต่างๆสันนิษฐานว่า MH370 อาจน้ำมันหมดและตกลงในมหาสมุทรอินเดียตอนใต้ ห่างจากฝั่งออสเตรเลียทางเมืองเพิร์ทราว ๒,๖๐๐ กิโลเมตร การค้นหาใต้น้ำครอบคลุมพื้นที่ ๑๒๐,๐๐๐ ตารางกิโลเมตร และใช้เทคโนโลยีทุกอย่างที่โลกจะมี แต่ก็เหมือนงมเข็มในมหาสมุทร

ต่อมาได้พบชิ้นส่วนของเครื่องบินริมชายฝั่งด้านทวีปอาฟริกา จากการคำนวณเรื่องกระแสน้ำแล้ว ก็เป็นไปได้ที่เครื่องบินจะตกในบริเวณที่สันนิษฐานไว้แล้วน้ำพัดพาไป แต่ก็ไม่ได้ช่วยเฉลยตำแหน่งที่ตกได้ ในเดือนมกราคม ๒๖๕๐ รัฐบาลมาเลเซียได้ประกาศยุติการค้นหาที่ใช้เวลาเกือบ ๓ ปีอย่างไร้วี่แวว สิ้นค่าใช้จ่ายไปราว ๔,๘๐๐ ล้านบาท แม้ญาติของผู้สาบสูญบางส่วนจะทำใจได้ว่าคงไม่มีใครปาฏิหาริย์รอดชีวิต แต่หลายคนก็ไม่พอใจที่ยุติการค้นหา

อย่างไรก็ตาม วิศวกรด้านการบินบางคนยังไม่หายสงสัยจึงทำการค้นหาตลอดมา จนในต้นเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ นี้ ๘ ปีผ่านไป วิศวกรด้านการบินและอวกาศชาวอังกฤษคนหนึ่งก็สร้างข่าวที่ทำให้ผู้คนสนใจ MH370 ขึ้นมาอีกโดยประกาศว่า เขาพบซากเครื่องบินของมาเลเซียแอร์ไลน์ลำนี้ที่หนักกว่า ๓๐๐ ตัน นอนอยู่ก้นมหาสมุทรห่างจากเมืองเพิร์ทไปทางตะวันตกประมาณ ๑,๒๐๐ ไมล์ ซึ่งพื้นทะเลตอนนั้นเป็นที่ราบสูงใต้สมุทร มีทั้งภูเขาไฟและหุบเหว ลึกจากผิวน้ำทะเลราว ๓,๙๖๒ เมตร หรือเกือบ ๔ กิโลเมตร

ต่อมากลางเดือนมีนาคม ๒๕๖๕ วิศวกรเครื่องกลชาวออสเตรเลีย ผู้มีประสบการเกี่ยวกับการค้นหาซากเครื่องบินมานานถึง ๒๕ ปี ออกมายืนยันว่า จากการใช้เทคโนโลยีแบบใหม่โดยอาศัยข้อมูลและภาพถ่ายจากองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งสหรัฐ หรือนาซาและกูเกิลแมปส์ พบซาก MH370 ตกอยู่ห่างจากเกาะราวน์ด ของมอริเซียส ประเทศชายฝั่งอาฟริกาในมหาสมุทรอินเดียตะวันตกเฉียงใต้ไปทางใต้ประมาณ ๑๐ ไมล์ แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการ หรือมีการดำเนินการที่จะนำซากเครื่องบินของมาเลเซียแอร์ไลน์ลำนี้ขึ้นมาจากก้นมหาสมุทร

เนื่องจากการหายสาบสูญของ MH370 ไปอย่างมีปริศนามากมาย เช่น มีการปิดสัญญาณทั้งหมดขณะที่เครื่องบินยังบินต่อไปได้อีก และการเปลี่ยนเส้นทางบินหักมุมไปอย่างสะเปะสะปะไปจนน้ำมันหมด ยังไม่สามารถเฉลยปริศนาเหล่านี้ได้ จึงทำให้เกิดข่าวลือขึ้นมากมาย เช่น
ถูกจี้โดยสลัดอากาศ จากการสำรวจประวัติผู้โดยสารทุกคนอย่างละเอียด พบว่ามี ๒ คนใช้พาสปอร์ตปลอม แต่ก็เป็นการหนีออกนอกประเทศ ซึ่งพบคนใช้พาสปอร์ตปลอมเป็นประจำ และไม่มีประวัติที่น่าจะเกี่ยวกับการก่อการร้าย

เครื่องบินถูกบังคับด้วยอุปกรณ์อีเล็กทรอนิกส์โดยผู้ก่อการร้าย ถ้ามีเทคโนโลยีถึงขั้นนี้ก็คงมีการบังคับเครื่องบินได้หมด คงมีการถูกบังคับกันทุกวัน ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

เครื่องบินลำนี้ขนอุปกรณ์สำคัญไปจีน ฝ่ายตรงข้ามจึงชิงเอาไปโดยบังคับเครื่องบินให้ไปลงในสถานที่ลับ ซึ่งสถานที่ลับนี้ก็คงไม่พ้นเรด้าของการทหารไปได้ ข้อสงสัยนี้คงมาจากคนที่ชอบดูหนังเจมส์ บอนด์

นักบินคิดฆ่าตัวตายอย่างวิตถาร พาผู้โดยสารทั้งลำไปตายด้วย ข้อนี้มีการสอบประวัติกัปตันและนักบินผู้ช่วยอย่างละเอียดถึงปัญหาชีวิตในครอบครัว คลอดจนมีการค้นบ้าน แต่ก็ไม่พบหลักฐานยืนยันในเรื่องนี้

และยังลือว่าเครื่องบินโดยสารลำนี้ถูกเครื่องบินรบของมาเลเซียเองยิงตกจากการเข้าใจผิด ชิ้นส่วนของเครื่องบินที่พบลอยน้ำมานั้นมีรอยกระสุนอยู่ด้วย ถ้าชิ้นส่วนนั้นมีรอยกระสุนจริงก็คงเอาภาพมาโชว์สนั่นโลกไปแล้ว
นอกจากนี้ยังกล่าวหาว่าบางประเทศมีเงื่อนงำปิดบังข้อมูล เรื่องนี้ไทยก็โดนกล่าวหาด้วยเช่นเดียวกับมาเลเซียและเวียดนาม ที่เครื่องบินอยู่ในเรด้าของ ๓ ประเทศนี้

สรุปได้ว่า ๙ ปีที่เครื่องบินโบอิ้ง๗๗๗ ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ MH370 หายสาบสูญไปนี้ แม้การค้นหาอย่างเป็นทางการจะยุติไปแล้ว แต่ก็ยังมีคนขี้สงสัยยังไม่ยอมยุติ พยายามที่จะหาคำเฉลยให้ได้ และยังเป็นปริศนาคาใจคนทั้งโลก ปริศนาเรื่องนี้แม้จะเป็นการค้นหาครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก ใช้เทคโนโลยีทุกอย่างที่มี และใช้เงินเป็นจำนวนมหาศาล แต่ก็หาคำเฉยไม่ได้แม้แต่ข้อเดียว




กำลังโหลดความคิดเห็น