xs
xsm
sm
md
lg

นี่แค่คดีแรก! จำคุกเนย อภิรัตน์ ศิษย์คนสนิทสมเด็จพระวันรัตยักยอกเงิน ยังเหลืออีก 3 คดี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ย้อนรอยอดีตคนสนิทของสมเด็จพระวันรัต อดีตเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศฯ ยักยอกทรัพย์ ศาลอาญาพิพากษาจำคุก 10 ปี "อภิรัตน์ ชยางกูร ณ อยุธยา" พร้อมชดใช้เงินกว่า 80 ล้านบาท ก่อนหน้านี้ติดคุกไม่ได้ประกัน แถม ปปง.อายัดทรัพย์คอนโดฯ หรู ชายคนสนิทก็ไม่รอด ยังเหลืออีก 3 คดี ยักยอกเงินวัดบวรฯ วัดรัตนวนาราม และคดีฟอกเงิน

รายงาน

ในที่สุด คดีอดีตคนสนิทของสมเด็จพระวันรัต อดีตเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร ยักยอกทรัพย์ ก็ถึงวันพิพากษา เมื่อวันที่ 28 ก.พ. ศาลอาญาพิพากษาจำคุก 10 ปี นายอภิรัตน์ ชยางกูร ณ อยุธยา หรือเนย อายุ 40 ปี ฐานฉ้อโกง ปลอมแปลงเอกสารใช้และใช้เอกสารปลอม ทำให้วัดวชิรธรรมาราม และวัดสาขาในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเสียหาย และให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทน จำนวน 80.1 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ย

ศาลเห็นว่าจำเลยมีเจตนาฉ้อโกงหลอกลวงสมเด็จพระวันรัต โดยปลอมและใช้ใบถอนเงินปลอม เมื่อวันที่ 29 ม.ค. 2564 จำเลยได้ถอนเงิน 50 ล้านบาท หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2565 จำเลยยังได้โอนเงิน 30 ล้านบาทเศษเข้าบัญชีส่วนตัว โดยไม่ได้รับความยินยอมจากสมเด็จพระวันรัต จึงเห็นว่าจำเลยมีเจตนาหลอกลวงเพื่อผลประโยชน์ของตนเองโดยทุจริตมาตั้งแต่ต้น และปกปิดข้อมูลข้อเท็จจริง

การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกง ปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม ซึ่งเป็นความผิดกรรมเดียว ผิดต่อกฎหมายหลายบท จึงให้ลงโทษฐานใช้เอกสารปลอม ซึ่งเป็นบทลงโทษหนักที่สุด 2 กระทง จำคุกกระทงละ 5 ปี รวมโทษจำคุก 10 ปี และให้จำเลยคืนเงินจำนวน 80 ล้านบาทเศษ แก่วัดวชิรธรรมารามด้วย


ที่น่าสนใจก็คือ คดีนี้โจทก์ฟ้องและนำสืบว่า เดิมสมเด็จพระวันรัต (จุนท์ พฺรหฺมคุตฺโต) เป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร เขตพระนคร กรุงเทพฯ และรักษาการเจ้าอาวาสวัดวชิรธรรมาราม อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา อาพาธรักษาตัวที่โรงพยาบาล ระหว่างปี 2564 ที่ผ่านมา สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ได้จัดส่งเงินจำนวน 78.5 ล้านบาท เข้าบัญชีวัดวชิรธรรมาราม เพื่อใช้จ่ายในการสร้างวัด และโครงการอื่นๆ ในหลายบัญชี อาทิ ธนาคารกสิกรไทย สาขาบางลำพู วัตถุประสงค์ฝากเงินเพื่อรับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ย โดยมีสมเด็จพระวันรัตเป็นผู้มีอำนาจเบิกถอนเงินเพียงผู้เดียว

จำเลยเป็นศิษย์คนสนิท รู้ว่าเงินไม่ใช่ทรัพย์สินส่วนตัวของสมเด็จพระวันรัต แต่เป็นของวัดวชิรธรรมาราม จึงได้ออกอุบายหลอกสมเด็จพระวันรัตให้ลงลายมือชื่อในใบถอนเงินหลายครั้ง แล้วนำไปยื่นต่อเจ้าหน้าที่ธนาคารเพื่อเบิกถอนเงิน เมื่อเจ้าหน้าที่ธนาคาร โทร.มาสอบถามสมเด็จพระวันรัตก็ไม่ได้รับสาย เพราะจำเลยให้ปิดเสียงโทรศัพท์ จากนั้นจำเลยได้โอนเงินจำนวน 50 ล้านบาทเข้าบัญชีเงินฝากของตนเอง จากนั้นนำเงินที่หลอกลวงมาได้ไปซื้อรถยนต์ยี่ห้อเบนท์ลีย์ และรถหรูราคาแพง จองและสั่งซื้อเลขป้ายทะเบียนสวย กระเป๋าราคาแพง อัญมณี ชำระหนี้บัตรเครดิต ทั้งหมด 324 รายการ

ต่อมาสมเด็จพระวันรัตได้ทราบเกี่ยวกับการโอนเงินวัดเข้าบัญชีจำเลย เมื่อสอบถามจำเลย คือนายอภิรัตน์ จำเลยก็ตอบว่า "โอนเงินผิด" สมเด็จพระวันรัตจึงตำหนิจำเลยแล้วบอกให้โอนเงินกลับคืนมาให้เรียบร้อย แต่จำเลยไม่โอน ซึ่งจำเลยมีการกระทำในลักษณะเดียวกันนี้ต่อวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร และวัดรัตนวราราม จ.ตราด ในหลายบัญชี จึงขอให้ลงโทษจำเลยสถานหนักและให้คืนเงินจำนวน 80 ล้านบาทเศษ

รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า คดีนี้เป็นคดีที่วัดวชิรธรรมาราม จ.พระนครศรีอยุธยา ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เมื่อวันที่ 22 มี.ค. 2565 หลังตรวจพบนายอภิรัตน์ทุจริต ได้รับความเสียหายเป็นเงินจำนวน 80 ล้านบาทเศษ ก่อนที่ตำรวจกองปราบปรามจะจับกุมนายอภิรัตน์ เมื่อวันที่ 23 มี.ค. 2565 และไม่ได้รับการประกันตัว จำคุกอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ต่อมาวันที่ 2 มิ.ย. 2565 พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายอภิรัตน์

ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ สมเด็จพระวันรัต อดีตเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร อาพาธด้วยโรคมะเร็งถุงน้ำดี เข้ารับการรักษา ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 2564 จนถึงวันที่ 15 มี.ค. 2565 เวลา 14.22 น. สมเด็จพระวันรัตได้มรณภาพด้วยอาการสงบ หลังการมรณภาพของสมเด็จพระวันรัต คณะกรรมการวัดตรวจสอบพบคนสนิทยักยอกทรัพย์ จึงดำเนินการสืบสวนอย่างเงียบๆ ก่อนจะเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนกองปราบปราม

กระทั่งวันที่ 23 มี.ค. 2565 ตำรวจกองปราบปรามจับกุมนายอภิรัตน์ หรือเนย อดีตเจ้าหน้าที่บริหารโครงการ กองโครงการธุรกิจ 2 ฝ่ายโครงการพิเศษ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ลูกศิษย์คนสนิทผู้ทำงานรับใช้มานานถึง 20 ปี หลังพบว่ายักยอกเงินวัดบวรฯ และวัดวชิรธรรมาราม จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นวัดสาขา นำไปใช้ส่วนตัว พบของกลางทั้งรถหรูหลายคัน เงินสด เงินฝากในบัญชี กระเป๋าแบรนด์เนม พระเครื่องทองคำ กว่า 100 ล้านบาท จึงตรวจยึดทั้งหมด

ลักษณะก็คือ สมเด็จพระวันรัตเป็นพระสายธรรมยุต มีธรรมเนียมคือไม่จับต้องเงินด้วยตนเอง จึงมอบหมายให้นายอภิรัตน์ดำเนินการแทน ปรากฏว่าเมื่อสมเด็จพระวันรัตอาพาธ นายอภิรัตน์ใช้อุบายหลอกลวงให้ลงชื่อในใบถอนเงินหลายครั้ง แถมยังสมัครโมบายล์แบงกิ้งแล้วโอนเงินเข้าบัญชีตัวเอง เอาไปซื้อรถและทรัพย์สินต่างๆ บางคันโอนใส่ชื่อชายหนุ่มคนสนิทและญาติ นอกจากนี้ยังอ้างชื่อสมเด็จพระวันรัต ไปรีดไถกลุ่มลูกศิษย์และนายทุนเศรษฐี โดยที่สมเด็จพระวันรัตไม่ทราบเรื่องอีกด้วย


ต่อมาวันที่ 10 พ.ค. 2565 สํานักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว 14 รายการ มูลค่ารวมกว่า 92 ล้านบาท ได้แก่ คอนโดมิเนียม เดอะไลน์ จตุจักร หมอชิต 2 ห้อง ห้องหนึ่งราคาประมาณ 7 ล้านบาท ในชื่อนายอภิรัตน์ อีกห้องหนึ่งราคาประมาณ 14.6 ล้านบาท ในชื่อนายอภิรัตน์ และนายกริณ กิตติอำพน เพื่อนชายคนสนิทนายอภิรัตน์ และเป็นหลานชายของนายอำพน กิตติอำพน องคมนตรี

ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เขตประเวศ กรุงเทพฯ 1 แปลง มูลค่า 3.7 ล้านบาท ในชื่อนายอภิรัตน์ และนายเฉลิมพร ชยางกูร ณ อยุธยา, รถยนต์ยี่ห้อเบนท์ลีย์ 1 คัน ราคา 15 ล้านบาท ในชื่อหม่อมหลวงอภิชัย ชยางกูร, รถยนต์ยี่ห้อปอร์เช่ 1 คัน ราคา 6.9 ล้านบาท ในชื่อนายอภิรัตน์, รถยนต์ยี่ห้อวอลโว่ รุ่น XC 40 ราคา 2.59 ล้านบาท ในชื่อ นางสุวรัตน์ ชยางกูร ณ อยุธยา, รถยนต์ยี่ห้อวอลโว่ รุ่น XC 60 ราคา 3.1 ล้านบาท ในชื่อนายเฉลิมพร ชยางกูร ณ อยุธยา

รถยนต์ยี่ห้อเทสล่า 1 คัน ราคา 3.1 ล้านบาท ในชื่อนายกริณ กิตติอำพน, ทะเบียนรถยนต์ ภภ 5 กรุงเทพมหานคร ราคา 5.2 ล้านบาท ในชื่อ นายอภิรัตน์ ชยางกูร ณ อยุธยา, ทะเบียนรถยนต์ นน 9 กรุงเทพมหานคร ราคา 2.2 ล้านบาท ในชื่อ นายอภิรัตน์ ชยางกูร ณ อยุธยา และเงินในบัญชีเงินฝาก ชื่อบัญชี นายอภิรัตน์ ชยางกูร ณ อยุธยา 3 บัญชี และชื่อบัญชี หม่อมหลวง อภิชัย ชยางกูร 1 บัญชี เป็นต้น

คดีนายอภิรัตน์ยักยอกทรัพย์ที่อยู่ในความดูแลของกองปราบปราม มีทั้งหมด 4 คดี ได้แก่ 

1. คดีการยักยอกเงินวัดวชิรธรรมาราม จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นวัดสาขาของวัดบวรนิเวศวิหาร ซึ่งพิพากษาแล้ว 

2. คดียักยอกเงินวัดรัตนวนาราม จ.ตราด ซึ่งเป็นวัดสาขาของวัดบวรนิเวศวิหาร นายอภิรัตน์ถูกดำเนินคดีในข้อหาใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ และลักทรัพย์

3. คดียักยอกเงินวัดบวรนิเวศวิหาร นายอภิรัตน์ถูกแจ้งข้อหาปลอมและใช้เอกสารปลอม, ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ, ลักทรัพย์ และฉ้อโกง คดีนี้วัดบวรฯ ได้รับความเสียหาย 110 ล้านบาทเศษ ซึ่งวัดบวรฯ ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2565 ที่ผ่านมา 

และ 4. คดีฟอกเงินที่ได้จากการกระทำความผิดทั้งหมด แยกมาจากคดีทั้ง 3 ต่างหาก


กำลังโหลดความคิดเห็น